“บัวขาว” กลับบ้านเกิดสุรินทร์ ญาติต้อนรับอบอุ่น - ย้ำไม่กลับ “ป.ประมุข” เด็ดขาด

สุรินทร์ - “บัวขาว ป.ประมุข” นักมวยไทยชื่อดัง เดินทางกลับบ้านเกิด อำเภอสำโรงทาบ สุรินทร์ ท่ามกลางการต้อนรับของญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านอย่างอบอุ่น พร้อมผูกข้อมือรับขวัญ ขณะพ่อบังเกิดเกล้าสวมกอดลูกชายร้องไห้ด้วยความยินดี “บัวขาว” เปิดใจ ย้ำไม่ยุ่งเกี่ยวไม่กลับค่าย “ป.ประมุข” อีกเด็ดขาด ยืนยันขอเป็นตัวของตัวเอง ส่วนอนาคตขอปรึกษาญาติพี่น้องก่น ยังไม่พูดในช่วงนี้



ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี นายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือ “บัวขาว ป.ประมุข” อายุ 30 ปี เจ้าของแชมป์มวยไทยไฟต์ 2011 และเจ้าของแชมป์เค-วัน ประเทศญี่ปุ่น 2 สมัยซ้อน ขวัญใจแฟนมวยชาวไทยและต่างชาติ ได้หายตัวออกจากค่าย ป.ประมุข จ.ฉะเชิงเทรา ไปร่วม 2 สัปดาห์ ก่อนออกมาเปิดใจแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงปัญหาในค่ายมวยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นั้น

ล่าสุด ช่วงเย็นวานนี้ (14 มี.ค.) ที่บ้านเลขที่ 13 ม.4 บ.สองหนอง ต.เกาะแก้ว อ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ นายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือ “บัวขาว ป.ประมุข” ได้เดินทางกลับมายังบ้านเกิด หลังจากที่ได้ห่างเหินบ้านไปสังกัดค่ายมวย ป.ประมุข จ.ฉะเชิงเทรา มานานร่วม 20 ปี โดยมีญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านทั้งเด็กและผู้ใหญ่ในหมู่บ้านสองหนองที่ทราบข่าวเดินทางมาต้อนรับ กันเป็นจำนวนมาก เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความอบอุ่น

ทันทีที่ นายสมบัติ หรือ บัวขาว ป.ประมุข ก้าวลงจากรถยนต์ และเดินไปยังลานหน้าบ้าน บรรดาญาติพี่น้องก็วิ่งเข้ามาสวมกอด และจับมือกันด้วยความดีใจ บางคนได้อ่านคำขวัญ ที่เขียนไว้เพื่อต้อนรับ บัวขาว ป.ประมุข กลับบ้านเกิด ขณะที่ นายเส็ง บัญชาเฆม อายุ 64 ปี พ่อของบัวขาว ป.ประมุข เมื่อเห็นหน้าลูกชายถึงกับร้องไห้ พร้อมวิ่งเข้ากอดลูกด้วยความดีใจ และทั้งสองพ่อลูกทรุดนั่งลงสวมกอดกันด้วยความรักและเป็นห่วง

ต่อมาบรรดาญาติพี่น้องและชาวบ้าน ได้นำด้ายสีเหลือง มาร่วมกันผูกข้อมือรับขวัญให้ นายสมบัติ หรือ บัวขาว ป.ประมุข ด้วยความยินดีตามธรรมเนียมประเพณีของชาวพื้นบ้าน เพื่อเป็นการรับขวัญ ลูกหลานที่จากบ้านเกิดเมืองนอนไปนานได้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวพร้อมกับเจ้าตัวที่กลับมาอยู่บ้านเกิด

นายทอง บุลากร อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นครูมวยคนแรกที่ฝึกหัดแม่ไม้มวยไทยให้กับ บัวขาว มาตั้งแต่วัยเด็ก กล่าวว่า ตนกับเพื่อนบ้านสอบถามและติดตามข่าวการหายตัวไปของบัวขาว มาโดยตลอด เมื่อทราบว่า บัวขาว กลับมาบ้านเกิดแล้ว รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก และก็มาร่วมกันรับขวัญ บัวขาว ให้ได้มีชีวิตอันอบอุ่นกับญาติพี่น้องในท้องถิ่นชนบทต่อไป

ด้าน บัวขาว ป.ประมุข ได้ใช้เวลาพักหนึ่งหลังจากญาติให้การต้อนรับก่อนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ตนมีความอบอุ่นมาก หลังจากอยู่แต่ในค่ายซ้อมชกมวยอย่างเดียว มาวันนี้มาพบกับความรักความอบอุ่น นักมวยคนอื่นเวลาเดินทางไปชกสถานที่ต่างๆ จะมีญาติพี่น้องไปดูแลตลอดเวลา แต่ตนไม่มีพี่ป้าน้าอาไปดูแลอยู่เคียงข้าง แต่ตนคิดอยู่เสมอว่าเขาคงให้กำลังใจเราอยู่ห่างๆ แม้มาอยู่ในสถานที่นั้นไม่ได้

ที่ผ่านมา ตนต่อสู้อยู่บนเวทีตลอด แทบไม่ได้กลับบ้านเลย เรียกได้ว่า นับครั้งได้ที่ได้กลับบ้านเกิด พอมาวันนี้เรื่องราวจะเป็นอย่างไร พ่อ แม่ พี่ ป้า น้า อา ก็ยังดูแล ตนกลับมาเขาก็ให้กำลังใจตลอดเวลา ถึงสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมต้อนรับเหมือนเดิม แม้วันข้างหน้าตนจะชกมวยต่อ หรือไม่ชก เขาก็ไม่สนใจตรงนี้ เขาเพียงได้ต้อนรับสู่อ้อมกอดของเขาที่นี่ ที่เรามาหา

“ผมก้าวออกมาจากค่ายมวย ป.ประมุข แล้ว ผมไม่เกี่ยวกับ ค่ายมวย ป.ประมุข อีก แม้ในวันข้างหน้า ผมก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับค่ามวย ป.ประมุข อีก ข่าวที่บอกว่าจะให้เข้าไปในค่ายมวย ป.ประมุข นั้น ไม่เป็นความจริงโดยเด็ดขาด ยืนยันว่าจะเป็นตัวของตัวเอง ขอให้ข่าวเรื่องนี้เพียงเท่านี้” บัวขาว กล่าว

บัวขาว กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนที่ลงรถมาเห็นบรรยากาศการต้อนรับของชาวบ้านอย่างนี้ ก็คิดถึงสภาพอย่างนี้มาโดยตลอดแม้ว่าจะไปอยู่ต่างประเทศก็ตาม เพราะสภาพแวดล้อมบ้านเราอบอุ่นมาก อยู่กันอย่างง่ายๆ มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน ส่วนที่อยู่ในค่ายมวยถือว่า เป็นสนามรบอย่างเดียว ต้องซ้อมและต้องฝึก เท่านั้น

“สำหรับอนาคตนั้น ผมไม่ขอไปยุ่งเกี่ยวกับค่ายมวย ป.ประมุข อีกเด็ดขาด อนาคตของผมจากนี้ไปอยากขอใช้เวลาปรึกษาหารือกับพ่อแม่พี่น้องก่อนว่าจะเดินทางไปทิศทางไหน อยากให้เย็นลงสักพักก่อน หรืออาจกลับมาอยู่ที่บ้านเลยก็เป็นไปได้” นายสมบัติ บัญชาเมฆ หรือ บัวขาว ป.ประมุข กล่าวในตอนท้าย

ขณะที่ นายเล็ง บัญชาเมฆ ผู้เป็นพ่อได้กล่าวทั้งน้ำตา ว่า วันนี้ตนดีใจมากที่สุดที่ลูกชายได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอด หลังมารดาของบัวขาว คือ นางปาน บัญชาเมฆ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อครั้งเดินทางกลับ หลังจากไปส่ง บัวขาว ไปประจำที่ค่ายมวย ป.ประมุข เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ส่วนอนาคตนั้น ตนเห็นว่าแล้วแต่บัวขาว จะทำอะไรตนก็เห็นดีด้วย เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว