แฟนบอลของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี ส่งเสียงโห่แสดงความไม่พอใจต่อพฤติกรรมในสนามของ มาริโอ บาโลเตลลี ศูนย์หน้าเจ้าปัญหาของทีม หลังไปมีปัญหาแย่งเตะฟรีคิกกับเพื่อนร่วมทีมอย่าง อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ ในเกมกับซันเดอร์แลนด์ เมื่อวันเสาร์ที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา
เกมที่ สนามเอติฮัด สเตเดียม จบลงด้วยผลเสมอ 3-3 อย่างไรก็ตาม มีประเด็นปัญหามากมายเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลัง โดยเฉพาะจังหวะที่ “เรือใบสีฟ้า” ได้ลูกฟรีคิกขณะตามหลังซันเดอร์แลนด์อยู่ 1-3 แต่กลายเป็นว่า บาโลเตลลี กลับไปแย่งบอลกับโคลารอฟ เพื่อขอเป็นคนยิงเอง ก่อนมีจังหวะปะทะกันจน แวงซ็องต์ กอมปานี และไนเจล เดอ ยองค์ ต้องเข้ามาห้าม
และจังหวะนั้นเอง แฟนบอลที่อยู่ในสนามทั้ง 4 ด้าน ต่างส่งเสียงโห่แสดงความไม่พอใจไปทั่วสนาม แม้สุดท้ายจะเป็นคนยิงประตูจุดประกายก่อนตีเสมอ 3-3 ได้ แต่หลังจบเกมมีรายงานว่า กองหน้าเลือดร้อนวัย 21 ปี เดินออกจากสนามด้วยอาการขุ่นมัว และไม่ได้จับมือหรือสบตากับใครทั้งสิ้น
ทั้งนี้ โรแบร์โต มันชินี กุนซือของทีม ชี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตนออกคำสั่งกับลูกทีมไม่ชัดเจน โดยกล่าวว่า “ผมปล่อยให้มาริโอ และอเล็กซ์ ตัดสินใจเอาเองว่าใครจะเป็นคนยิงฟรีคิกในตำแหน่งนั้น ถือเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่มันคงจะเป็นครั้งสุดท้าย”
เกมที่ สนามเอติฮัด สเตเดียม จบลงด้วยผลเสมอ 3-3 อย่างไรก็ตาม มีประเด็นปัญหามากมายเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลัง โดยเฉพาะจังหวะที่ “เรือใบสีฟ้า” ได้ลูกฟรีคิกขณะตามหลังซันเดอร์แลนด์อยู่ 1-3 แต่กลายเป็นว่า บาโลเตลลี กลับไปแย่งบอลกับโคลารอฟ เพื่อขอเป็นคนยิงเอง ก่อนมีจังหวะปะทะกันจน แวงซ็องต์ กอมปานี และไนเจล เดอ ยองค์ ต้องเข้ามาห้าม
และจังหวะนั้นเอง แฟนบอลที่อยู่ในสนามทั้ง 4 ด้าน ต่างส่งเสียงโห่แสดงความไม่พอใจไปทั่วสนาม แม้สุดท้ายจะเป็นคนยิงประตูจุดประกายก่อนตีเสมอ 3-3 ได้ แต่หลังจบเกมมีรายงานว่า กองหน้าเลือดร้อนวัย 21 ปี เดินออกจากสนามด้วยอาการขุ่นมัว และไม่ได้จับมือหรือสบตากับใครทั้งสิ้น
ทั้งนี้ โรแบร์โต มันชินี กุนซือของทีม ชี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตนออกคำสั่งกับลูกทีมไม่ชัดเจน โดยกล่าวว่า “ผมปล่อยให้มาริโอ และอเล็กซ์ ตัดสินใจเอาเองว่าใครจะเป็นคนยิงฟรีคิกในตำแหน่งนั้น ถือเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่มันคงจะเป็นครั้งสุดท้าย”