คอลัมน์ "Final Quarter" โดย "ลุงแซม"
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ศึกเอ็นบีเอ (NBA) 2011/12 บรรเลงเพลงยัดห่วงกันมาถึงโค้งสุดท้ายของเรคกูล่า ซีซัน กันแล้ว ทั้งที่เพิ่งผ่านไป 50 เกม อย่าลืมว่าปีนี้ลีกเผชิญปัญหา "ล็อกเอาท์" กินเวลานาน ทำให้ฤดูกาลปกติถูกหั่นทอนให้เหลือเพียง 66 เกม แต่ช่วงปลายเมษายนนี้ แฟนๆ จะได้รู้ 16 ทีมสุดท้ายที่ตีตั๋วเข้าเพลย์ออฟ ทว่าหากมองถึงแฟรนไชส์ที่มีโอกาสลุ้นแชมป์ ตามทรรศนะของผู้เขียนเล็งเห็นเพียง ชิคาโก บูลส์, ไมอามี ฮีท, โอกลาโอมา ซิตี ธันเดอร์, ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส รวมทั้ง แอลเอ เลเกอร์ส
อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้ อยากให้จับตาดู OKC (โอกลาโอมา ซิตี) ให้ดี พลังหนุ่มทีมนี้มีโอกาสประสบความสำเร็จสูงสุดเร็วเกินคาด ส่วนหนึ่งต้องให้เครดิต แซม เพรสติ ที่ใช้เวลาแค่ 5 ปี ในการแต่งทัพธันเดอร์ หรือ ซีแอตเทิล ซูเปอร์โซนิกส์ เดิมให้กลายสภาพจากทีมหมูตู้เป็นทีมที่มีลุ้นแชมป์ โดยผู้จัดการทั่วไปสมองใสลองผิดลองถูกอยู่นาน กล้าๆ เทรด เรย์ อัลเลน ไปประสานเป็น "บิ๊กทรี" กับ พอล เพียร์ซ และเควิน การ์เน็ตต์ นำแชมป์มาสู่ บอสตัน เซลติกส์ ขณะที่ ธันเดอร์ ดำดิ่งสองขวบปีแรกชนะรวมกันแค่ 43 เกม แต่ เพรสติ แสดงให้เห็นถึงกึ๋นในช่วงดราฟท์นี่เอง เลือกเอา รัสเซลล์ เวสต์บรูก (อันดับ 4 ปี 2008) และเจมส์ ฮาร์เดน (อันดับ 3 ปี 2009) มาผนึกกำลัง เควิน ดูแรนท์ (อันดับ 2 ปี 2007) เข็นทีมเข้าโพสต์ซีซันจนได้ แม้รอบแรกพ่าย แอลเอ เลเกอร์ส 2-4 เกม ก็ตาม
มาปีนี้ OKC ถ้าไม่สะดุดขาตัวเอง โอกาสเข้าชิงสายตะวันตกเป็นปีที่สองติดต่อกัน (ซีซันก่อนเข้าไปโดน ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ สอนเชิง 4-1 เกม) ไม่ไกลเกินฝัน เหตุจาก ดูแรนท์ สมอลฟอร์เวิร์ดทีมชาติสหรัฐฯ กำลังพีคสุดขีด เฉลี่ย 27.9 แต้ม เป็นรองแค่ โคบี ไบรอันท์ ชู้ตติ้งการ์ดแม่ทัพเลเกอร์ส (เฉลี่ย 28.3 แต้มต่อเกม) ยังมีโอกาสเป็นแชมป์ทำคะแนนของ NBA สมัยที่สามติดต่อกัน ด้วยการส่องฟิลด์โกลลงห่วงน่าทึ่งคิดเป็นถึง 49.9 เปอร์เซ็นต์ แถมตัวช่วยมักเข้าฝักถูกที่ถูกเวลา เวสต์บรูก ตอบแทนความไว้วางใจ หลังมีกระแสโดนเทรดเนืองๆ ด้วยการทำเฉลี่ย 24 แต้ม 5.4 แอสซิสต์ เจมส์ ฮาร์เดน ซึ่งกำลังลุ้นผู้เล่นคนที่ 6 หรือสำรองยอดเยี่ยมแห่งปี แผลงฤทธิ์เสมอเมื่อได้โอกาส สกอตต์ บรูกส์ เฉลี่ย 17.2 แต้มเลยทีเดียว นี่ไม่รวมฟรอนท์คอร์ตอย่าง "แอร์คองโก" เซิร์จ อิบากา ที่แกร่งวงใน ขณะที่เซ็นเตอร์หน้าเครียดอย่าง เคนดริก เพอร์กินส์ ปรับตัวอยู่นาน ตอนนี้เริ่มโชว์ให้เห็นถึงพลังในเกมบุก และใครที่กังวลว่าทีมคนหนุ่มจะมีเป๋เมื่อถึงช่วงไคลแม็กซ์ในเพลย์ออฟ หายห่วงได้เปราะหนึ่ง เนื่องจาก เพรสติ ไปสอยเอา ดีเร็ค ฟิสเชอร์ พอยน์ทการ์ดจอมเก๋าดีกรีแชมป์ 5 สมัยกับเลเกอร์ส มาปลุกเร้าและคอยดึงสติรุ่นน้องในล็อกเกอร์รูม
ปัจจุบัน OKC นำฝั่งตะวันตกด้วยสถิติ 38-12 เกมในบ้านสุดแกร่ง ชนะมากที่สุดในลีก 22 แพ้แค่ 4 เกม เล่นนอกรังก็มีทีเด็ดโกยชัยได้ถึง 16 จาก 24 เกม หากมองคู่แข่งในคอนเฟอเรนซ์ ต้องให้เครดิต ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส ในฐานะอันดับ 2 มาว่ากันก่อน เกร็ก โพโพวิช ผสมผสานทีมได้ดีเหลือเชื่อ คาวี เลียวนาร์ด เป็นฟอร์เวิร์ดดาวรุ่งที่น่าจับตามอง โทนี พาร์เกอร์ ตั้งแต่ร้างลา อีวา ลองโกเรีย หันไปคบหานางงามรุ่นน้องชาวฝรั่งเศส ดูกระปรี้กระเป่า นี่ก็ได้ มานู จิโนบิลี การ์ดอาร์เจนไตน์ฟิตกลับมาเข้าคู่กันอีกครั้ง โชคดีที่ฤดูกาลสั้นกว่าเดิม (ปกติ 82 เกม) ทำให้สภาพร่างกายของ ทิม ดันแคน จอมเก๋ายังพอประคับประคองไปได้ หากต้องเจอ ธันเดอร์ คงต้องวัดสภาพร่างกายพละกำลังกันว่าใครเหนือกว่า เรื่องจังหวะวูบวาบ เวสต์บรูก กับ พาร์เกอร์ ไม่ห่างกันนัก แต่ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือ โพโพวิช จะส่งใครมาหยุดยั้ง ดูแรนท์
ส่วนสาวกพลพรรค "ม่วงทอง" เลเกอร์ส เริ่มเห็นแสงสะท้อนของ "แลร์รี โอไบรอัน โทรฟี" เข้ามากระทบดวงตาบ้าง โดย มิทช์ คัพแช็ค ผู้จัดการทั่วไปที่มักทำอะไรไม่ถูกใจผู้เล่นรวมถึงแฟนๆ เริ่มมีผลงานเข้าตา การเทรด เรมอน เซสชันส์ มาจาก คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ถือเป็นการเติมทีเด็ดให้แผงแบ็กคอร์ตอย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้ ไมค์ บราวน์ พยายามกระแซะอยากได้ตัวทำแต้มมาเสริมงาน โคบี ดังนั้น คัพแช็ค จึงสนองให้อย่างรวดเร็ว ปัญหาของเลเกอร์ส แท้จริงแล้วหาใช่เรื่องวงใน ก็เมื่อ เพา กาซอล ที่เป็นข่าวส่อโดนเทรดไม่เว้นแต่ละวัน แสดงพลังฮึดออกมาให้เห็น แอนดรูว์ บายนัม เซ็นเตอร์ดาวโรจน์รักษาสภาพร่างกายได้ดี น่าเสียดาย เมตตา เวิล์ด พีช หรือที่เรารู้จักกันในนาม รอน อาร์เตสท์ ฟอร์มรูด ยังดีที่มีลูกขยัน ซึ่งปัจจัยในสนามไม่ใช่เรื่องน่าห่วงนัก แต่เมื่อเข้าเพลย์ออฟไปแล้ว บราวน์ ต้องคุมสถานการณ์ให้อยู่ ถ้าแม่ทัพอย่าง โคบี เกิดของขึ้นไม่เชื่อมือโค้ชขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ป่วนทันที
ข้ามฟากไปดูฝั่งตะวันออกบ้าง จับพัดจับพลูเกิด OKC มาได้ไกลถึงรอบชิง คู่ปรับที่ต้องเผชิญไม่ ชิคาโก บูลส์ ก็ต้องเป็น ไมอามี ฮีท อย่างไม่ต้องสงสัย โดย "กระทิงเปลี่ยว" ตอนนี้สถิติเลิศสุดของลีก (40-11) ทั้งที่ เดอร์ริค โรส การ์ดซูเปอร์สตาร์ประสบปัญหาบาดเจ็บโคนขาและหลังเรื้อรัง ดีที่ คาร์ลอส บูเซอร์ แบกทีมไว้หลายเกม แต่ก็เริ่มมีคำถามเกิดขึ้นบ้างแล้วว่าความไม่สมบูรณ์ของ "ดี-โรส" อาจส่งผลกระทบต่อซีซันที่พวกเขามีโอกาสลุ้นแชมป์มากที่สุด ขณะที่ ฮีท พึ่งพา "บิ๊กทรี" มากเกินไป จังหวะสำคัญๆ บอลต้องอยู่ในมือ ดีเวย์น เหว็ด หรือไม่ก็ เลอบรอน เจมส์ ด้าน คริส บอช เป็นประเภทปิดทองหลังพระ หากว่าไปพวก เชน เบ็ตติเยร์ หรือ โจเอล แอนโธนีย์ น่าจะช่วยแบ่งเบาภาระใต้แป้นได้ดีกว่านี้ ที่สำคัญหาก ฮีท ไม่มีทีเด็ดยามเล่นนอกบ้าน (พ่ายถึง 11 จาก 26 เกม) เส้นทางการลุ้นแชมป์จึงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเลย ทั้งนี้ ฮีท ก็เพิ่งปราชัย OKC ย่อยยับ นี่ยังไม่รวมถึงการแพ้ให้ทีมระดับเพลย์ออฟอย่าง บูลส์, เลเกอร์ส, ออร์แลนโด แมจิก หรือที่ควรเลี่ยงได้อย่าง ยูทาห์ แจซซ์ และอินเดียนา เพเซอร์ส ถ้า เอริค สโปเอลสตรา กระตุ้นลูกทีมฮึดไม่ขึ้น ดูเหมือนอะไรค่อนข้างเข้าทาง ธันเดอร์ มาก
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ศึกเอ็นบีเอ (NBA) 2011/12 บรรเลงเพลงยัดห่วงกันมาถึงโค้งสุดท้ายของเรคกูล่า ซีซัน กันแล้ว ทั้งที่เพิ่งผ่านไป 50 เกม อย่าลืมว่าปีนี้ลีกเผชิญปัญหา "ล็อกเอาท์" กินเวลานาน ทำให้ฤดูกาลปกติถูกหั่นทอนให้เหลือเพียง 66 เกม แต่ช่วงปลายเมษายนนี้ แฟนๆ จะได้รู้ 16 ทีมสุดท้ายที่ตีตั๋วเข้าเพลย์ออฟ ทว่าหากมองถึงแฟรนไชส์ที่มีโอกาสลุ้นแชมป์ ตามทรรศนะของผู้เขียนเล็งเห็นเพียง ชิคาโก บูลส์, ไมอามี ฮีท, โอกลาโอมา ซิตี ธันเดอร์, ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส รวมทั้ง แอลเอ เลเกอร์ส
อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้ อยากให้จับตาดู OKC (โอกลาโอมา ซิตี) ให้ดี พลังหนุ่มทีมนี้มีโอกาสประสบความสำเร็จสูงสุดเร็วเกินคาด ส่วนหนึ่งต้องให้เครดิต แซม เพรสติ ที่ใช้เวลาแค่ 5 ปี ในการแต่งทัพธันเดอร์ หรือ ซีแอตเทิล ซูเปอร์โซนิกส์ เดิมให้กลายสภาพจากทีมหมูตู้เป็นทีมที่มีลุ้นแชมป์ โดยผู้จัดการทั่วไปสมองใสลองผิดลองถูกอยู่นาน กล้าๆ เทรด เรย์ อัลเลน ไปประสานเป็น "บิ๊กทรี" กับ พอล เพียร์ซ และเควิน การ์เน็ตต์ นำแชมป์มาสู่ บอสตัน เซลติกส์ ขณะที่ ธันเดอร์ ดำดิ่งสองขวบปีแรกชนะรวมกันแค่ 43 เกม แต่ เพรสติ แสดงให้เห็นถึงกึ๋นในช่วงดราฟท์นี่เอง เลือกเอา รัสเซลล์ เวสต์บรูก (อันดับ 4 ปี 2008) และเจมส์ ฮาร์เดน (อันดับ 3 ปี 2009) มาผนึกกำลัง เควิน ดูแรนท์ (อันดับ 2 ปี 2007) เข็นทีมเข้าโพสต์ซีซันจนได้ แม้รอบแรกพ่าย แอลเอ เลเกอร์ส 2-4 เกม ก็ตาม
มาปีนี้ OKC ถ้าไม่สะดุดขาตัวเอง โอกาสเข้าชิงสายตะวันตกเป็นปีที่สองติดต่อกัน (ซีซันก่อนเข้าไปโดน ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ สอนเชิง 4-1 เกม) ไม่ไกลเกินฝัน เหตุจาก ดูแรนท์ สมอลฟอร์เวิร์ดทีมชาติสหรัฐฯ กำลังพีคสุดขีด เฉลี่ย 27.9 แต้ม เป็นรองแค่ โคบี ไบรอันท์ ชู้ตติ้งการ์ดแม่ทัพเลเกอร์ส (เฉลี่ย 28.3 แต้มต่อเกม) ยังมีโอกาสเป็นแชมป์ทำคะแนนของ NBA สมัยที่สามติดต่อกัน ด้วยการส่องฟิลด์โกลลงห่วงน่าทึ่งคิดเป็นถึง 49.9 เปอร์เซ็นต์ แถมตัวช่วยมักเข้าฝักถูกที่ถูกเวลา เวสต์บรูก ตอบแทนความไว้วางใจ หลังมีกระแสโดนเทรดเนืองๆ ด้วยการทำเฉลี่ย 24 แต้ม 5.4 แอสซิสต์ เจมส์ ฮาร์เดน ซึ่งกำลังลุ้นผู้เล่นคนที่ 6 หรือสำรองยอดเยี่ยมแห่งปี แผลงฤทธิ์เสมอเมื่อได้โอกาส สกอตต์ บรูกส์ เฉลี่ย 17.2 แต้มเลยทีเดียว นี่ไม่รวมฟรอนท์คอร์ตอย่าง "แอร์คองโก" เซิร์จ อิบากา ที่แกร่งวงใน ขณะที่เซ็นเตอร์หน้าเครียดอย่าง เคนดริก เพอร์กินส์ ปรับตัวอยู่นาน ตอนนี้เริ่มโชว์ให้เห็นถึงพลังในเกมบุก และใครที่กังวลว่าทีมคนหนุ่มจะมีเป๋เมื่อถึงช่วงไคลแม็กซ์ในเพลย์ออฟ หายห่วงได้เปราะหนึ่ง เนื่องจาก เพรสติ ไปสอยเอา ดีเร็ค ฟิสเชอร์ พอยน์ทการ์ดจอมเก๋าดีกรีแชมป์ 5 สมัยกับเลเกอร์ส มาปลุกเร้าและคอยดึงสติรุ่นน้องในล็อกเกอร์รูม
ปัจจุบัน OKC นำฝั่งตะวันตกด้วยสถิติ 38-12 เกมในบ้านสุดแกร่ง ชนะมากที่สุดในลีก 22 แพ้แค่ 4 เกม เล่นนอกรังก็มีทีเด็ดโกยชัยได้ถึง 16 จาก 24 เกม หากมองคู่แข่งในคอนเฟอเรนซ์ ต้องให้เครดิต ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส ในฐานะอันดับ 2 มาว่ากันก่อน เกร็ก โพโพวิช ผสมผสานทีมได้ดีเหลือเชื่อ คาวี เลียวนาร์ด เป็นฟอร์เวิร์ดดาวรุ่งที่น่าจับตามอง โทนี พาร์เกอร์ ตั้งแต่ร้างลา อีวา ลองโกเรีย หันไปคบหานางงามรุ่นน้องชาวฝรั่งเศส ดูกระปรี้กระเป่า นี่ก็ได้ มานู จิโนบิลี การ์ดอาร์เจนไตน์ฟิตกลับมาเข้าคู่กันอีกครั้ง โชคดีที่ฤดูกาลสั้นกว่าเดิม (ปกติ 82 เกม) ทำให้สภาพร่างกายของ ทิม ดันแคน จอมเก๋ายังพอประคับประคองไปได้ หากต้องเจอ ธันเดอร์ คงต้องวัดสภาพร่างกายพละกำลังกันว่าใครเหนือกว่า เรื่องจังหวะวูบวาบ เวสต์บรูก กับ พาร์เกอร์ ไม่ห่างกันนัก แต่ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือ โพโพวิช จะส่งใครมาหยุดยั้ง ดูแรนท์
ส่วนสาวกพลพรรค "ม่วงทอง" เลเกอร์ส เริ่มเห็นแสงสะท้อนของ "แลร์รี โอไบรอัน โทรฟี" เข้ามากระทบดวงตาบ้าง โดย มิทช์ คัพแช็ค ผู้จัดการทั่วไปที่มักทำอะไรไม่ถูกใจผู้เล่นรวมถึงแฟนๆ เริ่มมีผลงานเข้าตา การเทรด เรมอน เซสชันส์ มาจาก คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ถือเป็นการเติมทีเด็ดให้แผงแบ็กคอร์ตอย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้ ไมค์ บราวน์ พยายามกระแซะอยากได้ตัวทำแต้มมาเสริมงาน โคบี ดังนั้น คัพแช็ค จึงสนองให้อย่างรวดเร็ว ปัญหาของเลเกอร์ส แท้จริงแล้วหาใช่เรื่องวงใน ก็เมื่อ เพา กาซอล ที่เป็นข่าวส่อโดนเทรดไม่เว้นแต่ละวัน แสดงพลังฮึดออกมาให้เห็น แอนดรูว์ บายนัม เซ็นเตอร์ดาวโรจน์รักษาสภาพร่างกายได้ดี น่าเสียดาย เมตตา เวิล์ด พีช หรือที่เรารู้จักกันในนาม รอน อาร์เตสท์ ฟอร์มรูด ยังดีที่มีลูกขยัน ซึ่งปัจจัยในสนามไม่ใช่เรื่องน่าห่วงนัก แต่เมื่อเข้าเพลย์ออฟไปแล้ว บราวน์ ต้องคุมสถานการณ์ให้อยู่ ถ้าแม่ทัพอย่าง โคบี เกิดของขึ้นไม่เชื่อมือโค้ชขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ป่วนทันที
ข้ามฟากไปดูฝั่งตะวันออกบ้าง จับพัดจับพลูเกิด OKC มาได้ไกลถึงรอบชิง คู่ปรับที่ต้องเผชิญไม่ ชิคาโก บูลส์ ก็ต้องเป็น ไมอามี ฮีท อย่างไม่ต้องสงสัย โดย "กระทิงเปลี่ยว" ตอนนี้สถิติเลิศสุดของลีก (40-11) ทั้งที่ เดอร์ริค โรส การ์ดซูเปอร์สตาร์ประสบปัญหาบาดเจ็บโคนขาและหลังเรื้อรัง ดีที่ คาร์ลอส บูเซอร์ แบกทีมไว้หลายเกม แต่ก็เริ่มมีคำถามเกิดขึ้นบ้างแล้วว่าความไม่สมบูรณ์ของ "ดี-โรส" อาจส่งผลกระทบต่อซีซันที่พวกเขามีโอกาสลุ้นแชมป์มากที่สุด ขณะที่ ฮีท พึ่งพา "บิ๊กทรี" มากเกินไป จังหวะสำคัญๆ บอลต้องอยู่ในมือ ดีเวย์น เหว็ด หรือไม่ก็ เลอบรอน เจมส์ ด้าน คริส บอช เป็นประเภทปิดทองหลังพระ หากว่าไปพวก เชน เบ็ตติเยร์ หรือ โจเอล แอนโธนีย์ น่าจะช่วยแบ่งเบาภาระใต้แป้นได้ดีกว่านี้ ที่สำคัญหาก ฮีท ไม่มีทีเด็ดยามเล่นนอกบ้าน (พ่ายถึง 11 จาก 26 เกม) เส้นทางการลุ้นแชมป์จึงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเลย ทั้งนี้ ฮีท ก็เพิ่งปราชัย OKC ย่อยยับ นี่ยังไม่รวมถึงการแพ้ให้ทีมระดับเพลย์ออฟอย่าง บูลส์, เลเกอร์ส, ออร์แลนโด แมจิก หรือที่ควรเลี่ยงได้อย่าง ยูทาห์ แจซซ์ และอินเดียนา เพเซอร์ส ถ้า เอริค สโปเอลสตรา กระตุ้นลูกทีมฮึดไม่ขึ้น ดูเหมือนอะไรค่อนข้างเข้าทาง ธันเดอร์ มาก