คาร์ลอส เตเวซ กองหน้าเจ้าปัญหาทีมชาติอาร์เจนตินาได้โอกาสคืนสนามในเกมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบ 6 เดือนด้วยการถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองในครึ่งหลังก่อนช่วย แมนเชสเตอร์ ซิตี พลิกเกมแซง เชลซี คว้าชัย 2-1 ทำแต้มจี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เหลือเพียงแต้มเดียว
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดตกค้าง
แมนเชสเตอร์ ซิตี 2-1 เชลซี
ที่สนามเอติฮัด สเตเดียม แมนเชสเตอร์ ซิตี รองจ่าฝูงเปิดบ้านต้อนรับ เชลซี ทีมอันดับ 5 ที่กำลังทำผลงานดีวันดีคืน เกมนี้เจ้าถิ่นใส่ชื่อ คาร์ลอส เตเวซ กองหน้าเจ้าปัญหาชาวอาร์เจนไตน์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 6 เดือนโดยเริ่มต้นที่ม้านั่งสำรอง ขณะที่คู่หัวหอกใช้งาน เซร์คิโอ อเกวโร กับ มาริโอ บาโลเตลลี ด้านทีมเยือนขาด จอห์น เทอร์รี ปราการหลังกัปตันทีมที่ไม่ฟิตสมบูรณ์ ส่วนแนวรุกยังคงไว้ใจ เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่เพิ่งยิง 2 ลูกในช่วงสุดสัปดาห์ลงยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า
เริ่มเกมทั้งสองฝ่ายต่างมีโอกาสสร้างสรรค์เกมรุกจนได้จบสกอร์แต่ก็ยังไม่เข้าเป้า กระทั่งนาทีที่ 9 “เรือใบสีฟ้า” ก็เกือบได้เฮก่อนจากจังหวะที่ ซาเมียร์ นาสรี ฮาล์ฟวอลเลย์บนเส้นกรอบเขตโทษ ลูกผ่านมือ ปีเตอร์ เช็ก ที่ออกมาปิดมุมแล้ว แต่บอลไปชนคานอย่างน่าเสียดาย จากนั้นเกมก็เป็นการชิงจังหวะในแดนกลางเสียเป็นส่วนใหญ่จนถึงนาทีที่ 20 “สิงโตน้ำเงินคราม” ต้องถอด บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ที่มีอาการบาดเจ็บออกแล้วส่ง โชเซ โบซิงวา ลงมายืนแบ็กขวาแทน
เข้าสู่นาทีที่ 29 ทีมเยือนเกือบยื่นหอกให้ศัตรูหลังจาก แฟรงค์ แลมพาร์ด จ่ายบอลขวางสนามพลาดไปเข้าทาง บาโลเตลลี ที่จัดการควบเข้าหาเขตโทษแล้วแปเล่นทาง แต่ถูก เช็ก ล้มตัวปัดด้วยปลายมือออกหลังไปได้อย่างหวุดหวิด จากนั้น แมนฯ ซิตี ก็คุมสถานการณ์ได้เหนือกว่า ทว่ายังไม่สามารถเบิกสกอร์ได้ จบครึ่งแรกทั้งคู่จึงเสมอกันอยู่ที่ 0-0
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง “เรือใบสีฟ้า” ยังคงเดินหน้าบุกอย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 55 นาสรี เปิดบอลลึกไปชนคานกระดอนออกมา ปาโบล ซาบาเลตา ตามเก็บแล้วจ่ายมาให้ ดาบิด ซิลบา ชาร์จที่เสาแรก บอลเฉี่ยวเสาออกหลังเพียงแค่เส้นยาแดงผ่าแปด จากนั้นนาทีที่ 60 “สิงห์บลูส์” ที่แทบไม่มีโอกาสลุ้นกลับได้ประตูนำก่อน 1-0 เมื่อแนวรับเจ้าถิ่นเคลียร์ลูกเตะมุมไม่ขาดจึงถูก แกรี เคฮิลล์ ยิงสวนในเขตโทษส่งบอลแฉลบขา ยายา ตูเร เปลี่ยนทางหนีมือ โจ ฮาร์ท ที่ล้มตัวผิดทางไปแล้วเข้าสู่ก้นตาข่าย
แมนฯ ซิตี เริ่มอยู่เฉยไม่ได้ ทำให้ โรแบร์โต มันชินี กุนซือชาวอิตาลีตัดสินใจส่ง คาร์ลอส เตเวซ ลงมาเสริมเกมรุกโดยการถอดเอามิดฟิลด์ตัวรับอย่าง ไนเจล เดอ ยอง ออกไปในนาทีที่ 66 เท่านั้นไม่พอ 10 นาทีให้หลัง เอดิน เชโก ก็ถูกส่งลงมาแทน ซิลบา เพื่อเดินหน้าบุกเต็มสูบก่อนจะประสบความสำเร็จในนาทีที่ 78 หลังจากได้จุดโทษ เมื่อ ซาบาเลตา หวดไปติดแขน มิชาเอล เอสเซียง ตัวสำรองของเชลซี ก่อนที่ “กุน” อเกวโร จะสังหารเข้าไปไม่พลาดเป็น 1-1
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 85 แฟนบอลเจ้าบ้านก็ได้เฮกันสุดเสียงเมื่อ นาสรี ทำชิ่งกับ เตเวซ ก่อนหลุดเข้าเขตโทษแล้วชิปข้ามตัว เช็ก ส่งลูกเสียบโคนเสาเข้าไปอย่างเหนือชั้นเป็น 2-1 ก่อนที่ แมนฯ ซิตี จะตรึงสกอร์เอาไว้ได้จนกระทั่งคว้าชัยในบ้านเป็นนัดที่ 15 ติดต่อกันในที่สุด เก็บเพิ่มเป็น 69 คะแนน ไล่จี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แข่ง 29 นัดเท่ากันเหลือเพียงแต้มเดียว ส่วน เชลซี มี 49 คะแนนเท่าเดิม รั้งอันดับ 5 ต่อไป
รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ซิตี - โจ ฮาร์ท, ปาโบล ซาบาเลตา, ไมกาห์ ริชาร์ดส, โคโล ตูเร, กาแอล กลิชี, ดาบิด ซิลบา, ไนเจล เดอ ยอง, ยายา ตูเร, ซาเมียร์ นาสรี, เซร์คิโอ อเกวโร, มาริโอ บาโลเตลลี
เชลซี - ปีเตอร์ เช็ก, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ดาวิด หลุยซ์, แกรี เคฮิลล์, แอชลีย์ โคล, จอห์น โอบี มิเกล, ราอูล เมเรเลส, รามิเรส, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ฆวน มาตา, เฟร์นานโด ตอร์เรส
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ซิตี ชนะ เชลซี 2-1 (แกรี เคฮิลล์ 0-1 นาที 60), (เซร์คิโอ อเกวโร 1-1 จุดโทษ นาที 78), (ซาเมียร์ นาสรี 2-1 นาที 85)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เสมอ สโต๊ค ซิตี 1-1 (คาเมรอน เจอโรม 0-1 นาที 75), (ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท 1-1 นาที 90)
เอฟเวอร์ตัน แพ้ อาร์เซนอล 0-1 (โธมัส แฟร์มาเลน 0-1 นาที 8)
ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ชนะ ลิเวอร์พูล 3-2 (เซบาสเตียน โคอาเตส 0-1 นาที 54), (เดิร์ก เคาท์ 0-2 นาที 72), (ฌอน เดอร์รี 1-2 นาที 77), (ฌิบริล ซิสเซ 2-2 นาที 86), (เจมี แม็คกี 3-2 นาที 90+1)