คอลัมน์ "สุดฟากสนาม" โดย "นกฟินิกซ์"
การพบกับนักเทนนิสที่เป็นเจ้าของตำแหน่งแชมป์เมื่อปีก่อนและเป็นราชาคอร์ตดินอย่างคาร์ลอส โมย่า นับว่าเป็นด่านที่โหดหินที่สุดสำหรับอังเดร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางของเขาเพิ่งอยู่เพียงรอบ 16 คนสุดท้ายความกดดันทั้งจากสื่อในฝรั่งเศส รวมไปถึงบรรยากาศภายในล็อกเกอร์รูมของโรลังด์ การ์ลอส ที่มองว่าอดีตมือวางอันดับหนึ่งของโลกอย่างอังเดร เหมือนกับม้าแก่ที่กำลังใกล้จะออกจากสนามแข่งเต็มทน
ในวัยที่ใกล้จะสามสิบ นักเทนนิสหนุ่มจากลาสเวกัส รู้ดีว่าความกดดันทั้งหมดจะส่งผลต่อเกมที่เจ้าตัวต้องเจอกับอดีตแชมป์อย่างโมย่า แต่หนนี้ อังเดร ลงสนามเหมือนไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป เกมของโมย่าที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาคอร์ตดินและทำให้คู่ต่อสู้ต้องหัวหกก้นขวิด มาตั้งแต่รอบแรก เมื่อมาพบกับอังเดร ที่รู้ทางเป็นอย่างดี การต่อสู้จึงดำเนินมาถึงเซตที่สี่ หลังจากที่อังเดรนั้นเก็บชัยชนะไปได้แล้วสองเซต และเป็นอังเดร ที่โยกให้โมย่าต้องวิ่งไปรอบๆคอร์ตซึ่งท้ายที่สุดแล้วแชมป์เก่ากลายเป็นฝ่ายที่ต้องตกรอบ 16 คนสุดท้ายส่งให้ อังเดร อากัสซี่ ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศในแกรนด์สแลมบนคอร์ตดินอย่างเฟรนช์ โอเพ่นปี 1995 ได้สำเร็จ
หลังจบการแข่งขันแบรด กิลเบิร์ต และอังเดร เดินทางกลับไปยังโรงแรมที่พัก ตลอดทางนั้น กิลเบิร์ต จ้องมองมาที่เพื่อนหนุ่มต่างวัยโดยตลอด เป็นการจ้องมองที่อังเดร ถึงกับต้องถามกลับไปว่า “กิล มีอะไรหรือเปล่า” เทรนเนอร์คู่ใจของนักเทนนิสที่กำลังพยายามเรียกพื้นที่ของตนเองกลับคืนมาตอบไปเพียงสั้นๆว่า “ไม่มีอะไรเพียงแต่ผมรู้สึกได้” อังเดร ถามกลับว่า “รู้สึกอะไร” กิลอธิบายว่า “ผมรู้สึกว่าโมเมนตัมของเกมบนคอร์ตกำลังจะเปลี่ยนกลับมาอยู่ที่ข้างเรา” เมื่อรู้คำตอบ อังเดร ตอบกลับไปยังเทรนเนอร์ที่เขารักเหมือนพี่ชายว่า “ผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนะ” ความเงียบเข้ามาปกคลุมระหว่างบทสนทนาอยู่ชั่วอึดใจก่อนที่ กิล จะตอบกลับอังเดรไปว่า “งั้นเรามาดูกัน สิ่งที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้อาจเกิดขึ้นก็ได้”
ชัยชนะเหนือคาร์ลอส โมย่า นับเป็นผลงานที่ทำให้บรรดานักวิจารณ์เกมเทนนิสในเฟรนช์โอเพ่น ตื่นเต้นกันไม่น้อยแต่หลายคนยังคงมีอคติกับอังเดร และในช่วงสองวันก่อนลงสนามในรอบก่อนรองชนะเลิศ แบรด ไม่ได้ให้อังเดร ลงสนามซ้อม หากแต่ชวนนักเทนนิสหนุ่มและเทรนเนอร์ ออกไปชมคอนเสิร์ต บรูซ สปริงทีน “เดอะบอส” ที่มาเปิดคอนเสิร์ตที่ปารีส แม้อังเดร จะไม่ค่อยเห็นด้วยในคำชวนครั้งแรก แต่เมื่อมองสถานการณ์รอบด้านที่เต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อแล้วการไปชมคอนเสิร์ตของ “เดอะ บอส” ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว
ภายสนามกีฬาที่จัดคอนเสิร์ตบรูซ สปริงทีนนั้นมีผู้ชมอยู่เต็มความจุ 16,000 ที่นั่ง เทียบเท่ากับความจุของผู้ชมในโรลังด์การ์ลอส และทันทีที่ปรากฎตัวดูเหมือนว่าทุกคนจะยินดีในการต้อนรับนักเทนนิสหนุ่ม มีเสียงของกองเชียร์ดังขึ้นมาก่อนว่า “Allez, Andre” (อังเดร สู้สู้) จากสองสามเสียงกลายมาเป็นเสียงที่เริ่มดังขึ้น และ ดังขึ้นเรื่อยจนกึกก้อง สนามกีฬากีฬาเมื่อสปอตไลท์ ฉายจับมาที่นักเทนนิสหนุ่ม เสียงตะโกน “Allez, Andre” กลายเป็นกำลังใจสำคัญที่ทำให้อดีตมือวางอันดับหนึ่งของโลกรู้สึกตีบตันด้วยความเต็มตื้นอยู่ในลำคอ ทั้งหมดนี้คือกำลังใจอย่างดี กำลังใจที่ปลดเปลื้องความรู้สึกกดดันทั้งมวลและทำให้เจ้าตัวรู้สึกถึงความพร้อมที่จะกลับลงสู่สนามแข่งและคว้าแชมป์แกรนด์สแลม เฟรนช์โอเพ่นมาครอง
การพบกับนักเทนนิสที่เป็นเจ้าของตำแหน่งแชมป์เมื่อปีก่อนและเป็นราชาคอร์ตดินอย่างคาร์ลอส โมย่า นับว่าเป็นด่านที่โหดหินที่สุดสำหรับอังเดร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางของเขาเพิ่งอยู่เพียงรอบ 16 คนสุดท้ายความกดดันทั้งจากสื่อในฝรั่งเศส รวมไปถึงบรรยากาศภายในล็อกเกอร์รูมของโรลังด์ การ์ลอส ที่มองว่าอดีตมือวางอันดับหนึ่งของโลกอย่างอังเดร เหมือนกับม้าแก่ที่กำลังใกล้จะออกจากสนามแข่งเต็มทน
ในวัยที่ใกล้จะสามสิบ นักเทนนิสหนุ่มจากลาสเวกัส รู้ดีว่าความกดดันทั้งหมดจะส่งผลต่อเกมที่เจ้าตัวต้องเจอกับอดีตแชมป์อย่างโมย่า แต่หนนี้ อังเดร ลงสนามเหมือนไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป เกมของโมย่าที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาคอร์ตดินและทำให้คู่ต่อสู้ต้องหัวหกก้นขวิด มาตั้งแต่รอบแรก เมื่อมาพบกับอังเดร ที่รู้ทางเป็นอย่างดี การต่อสู้จึงดำเนินมาถึงเซตที่สี่ หลังจากที่อังเดรนั้นเก็บชัยชนะไปได้แล้วสองเซต และเป็นอังเดร ที่โยกให้โมย่าต้องวิ่งไปรอบๆคอร์ตซึ่งท้ายที่สุดแล้วแชมป์เก่ากลายเป็นฝ่ายที่ต้องตกรอบ 16 คนสุดท้ายส่งให้ อังเดร อากัสซี่ ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศในแกรนด์สแลมบนคอร์ตดินอย่างเฟรนช์ โอเพ่นปี 1995 ได้สำเร็จ
หลังจบการแข่งขันแบรด กิลเบิร์ต และอังเดร เดินทางกลับไปยังโรงแรมที่พัก ตลอดทางนั้น กิลเบิร์ต จ้องมองมาที่เพื่อนหนุ่มต่างวัยโดยตลอด เป็นการจ้องมองที่อังเดร ถึงกับต้องถามกลับไปว่า “กิล มีอะไรหรือเปล่า” เทรนเนอร์คู่ใจของนักเทนนิสที่กำลังพยายามเรียกพื้นที่ของตนเองกลับคืนมาตอบไปเพียงสั้นๆว่า “ไม่มีอะไรเพียงแต่ผมรู้สึกได้” อังเดร ถามกลับว่า “รู้สึกอะไร” กิลอธิบายว่า “ผมรู้สึกว่าโมเมนตัมของเกมบนคอร์ตกำลังจะเปลี่ยนกลับมาอยู่ที่ข้างเรา” เมื่อรู้คำตอบ อังเดร ตอบกลับไปยังเทรนเนอร์ที่เขารักเหมือนพี่ชายว่า “ผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนะ” ความเงียบเข้ามาปกคลุมระหว่างบทสนทนาอยู่ชั่วอึดใจก่อนที่ กิล จะตอบกลับอังเดรไปว่า “งั้นเรามาดูกัน สิ่งที่เราคิดว่าเป็นไปไม่ได้อาจเกิดขึ้นก็ได้”
ชัยชนะเหนือคาร์ลอส โมย่า นับเป็นผลงานที่ทำให้บรรดานักวิจารณ์เกมเทนนิสในเฟรนช์โอเพ่น ตื่นเต้นกันไม่น้อยแต่หลายคนยังคงมีอคติกับอังเดร และในช่วงสองวันก่อนลงสนามในรอบก่อนรองชนะเลิศ แบรด ไม่ได้ให้อังเดร ลงสนามซ้อม หากแต่ชวนนักเทนนิสหนุ่มและเทรนเนอร์ ออกไปชมคอนเสิร์ต บรูซ สปริงทีน “เดอะบอส” ที่มาเปิดคอนเสิร์ตที่ปารีส แม้อังเดร จะไม่ค่อยเห็นด้วยในคำชวนครั้งแรก แต่เมื่อมองสถานการณ์รอบด้านที่เต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อแล้วการไปชมคอนเสิร์ตของ “เดอะ บอส” ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว
ภายสนามกีฬาที่จัดคอนเสิร์ตบรูซ สปริงทีนนั้นมีผู้ชมอยู่เต็มความจุ 16,000 ที่นั่ง เทียบเท่ากับความจุของผู้ชมในโรลังด์การ์ลอส และทันทีที่ปรากฎตัวดูเหมือนว่าทุกคนจะยินดีในการต้อนรับนักเทนนิสหนุ่ม มีเสียงของกองเชียร์ดังขึ้นมาก่อนว่า “Allez, Andre” (อังเดร สู้สู้) จากสองสามเสียงกลายมาเป็นเสียงที่เริ่มดังขึ้น และ ดังขึ้นเรื่อยจนกึกก้อง สนามกีฬากีฬาเมื่อสปอตไลท์ ฉายจับมาที่นักเทนนิสหนุ่ม เสียงตะโกน “Allez, Andre” กลายเป็นกำลังใจสำคัญที่ทำให้อดีตมือวางอันดับหนึ่งของโลกรู้สึกตีบตันด้วยความเต็มตื้นอยู่ในลำคอ ทั้งหมดนี้คือกำลังใจอย่างดี กำลังใจที่ปลดเปลื้องความรู้สึกกดดันทั้งมวลและทำให้เจ้าตัวรู้สึกถึงความพร้อมที่จะกลับลงสู่สนามแข่งและคว้าแชมป์แกรนด์สแลม เฟรนช์โอเพ่นมาครอง