เวียดนามเน็ต - ในช่วงต้นเดือนธ.ค. 2554 สื่อของเวียดนามเคยเสนอข่าวเกี่ยวกับแผนก่อสร้างรีสอร์ทคอมเพล็กซ์ด้านการท่องเที่ยวในเวียดนามของกลุ่มลาสเวกัสแซนด์ส (Las Vegas Sands) ที่เป็นกลุ่มลงทุนด้านสถานบันเทิงและบริการการท่องเที่ยวขนาดใหญ่จากสหรัฐ แต่ดูเหมือนว่าบริษัทจากสหรัฐรายนี้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคหลายประการก่อนจะสามารถดำเนินโครงการตามแผนได้
ในการพูดคุยกับสื่อท้องถิ่นเมื่อเดือน ม.ค. นายเชลดอน เอเดลสัน (Sheldon Adelson) ประธานกลุ่มลาสเวกัสแซนด์ส กล่าวว่า บริษัทวางแผนจะสร้างรีสอร์ทคอมเพล็กซ์ 2 แห่งในเวียดนาม คือ ในนครโฮจิมินห์ 1 แห่ง และ กรุงฮานอยอีก 1 แห่ง โดยรีสอร์ทคอมเพล็กซ์ทั้งสองแห่งนี้จะใช้เงินลงทุนรวมราว 6,000 ล้านดอลลาร์ ที่จะประกอบไปด้วย โรงแรม ภัตตาคาร ร้านอาหาร ศูนย์การประชุมและนิทรรศการ ศูนย์การค้า ศูนย์ให้บริการสปา โรงภาพยนตร์ โรงละคร พิพิธภัณฑ์ และสถานบันเทิงต่างๆ ที่หมายรวมถึงกาสิโนด้วย
หากแผนก่อสร้างนี้ประสบความสำเร็จ เวียดนามจะกลายเป็นประเทศที่ 4 ของโลก ที่กลุ่มลาสเวกัสแซนด์สเข้าลงทุนพัฒนารีสอร์ทคอมเพล็กซ์ และจะกลายเป็นโครงการลงทุนจากต่างประเทศโครงการใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ขณะเดียวกันโครงการนี้ก็จะเป็นโครงการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่มลาสเวกัสแซนด์สเช่นเดียวกัน
จอร์จ ทานาสิวิช (George Tanasijevich) ประธานบริหาร มารีน่า เบย์ แซนด์ส สิงคโปร์ และผู้อำนวยการจัดการฝ่ายพัฒนาทั่วโลกของ ลาสเวกัส แซนด์ส กล่าวว่า บริษัทมองเห็นโอกาสที่ดีอย่างมากในการลงทุนในเวียดนามจึงตัดสินใจที่จะลงทุนในประเทศนี้ แต่บริษัทเข้าใจว่ายังมีอุปสรรคอีกหลายประการที่จะต้องจัดการหากต้องการจะเข้าดำเนินโครงการในเวียดนาม และแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีความอดทนเพียงพอ ทั้งนี้ รัฐบาลเวียดนามไม่ยอมรับโครงการที่บริษัทเสนอไป
"ลาสเวกัส แซนด์ส ต้องการที่จะเข้าลงทุนในเวียดนามเป็นอย่างมาก เรากำลังรอ และเราพร้อมที่จะตอบทุกคำถามที่รัฐบาลต้องการทราบเกี่ยวกับโครงการ แนวทางในการทำธุรกิจ และอุตสาหกรรมศูนย์การท่องเที่ยว" จอร์จ ทานาสิวิช กล่าวกับหนังสือพิมพ์เทยบ๋าวกีงเตเหวียดนาม (Toi Bao Kinh Te Vietnam) หรือ "เศรษฐกิจเวียดนาม"
อุปสรรคใหญ่ที่สุดที่อาจทำให้โครงการก่อสร้างถูกปฏิเสธคือ การก่อสร้างกาสิโน เพราะจนถึงปัจจุบัน รัฐบาลเวียดนามไม่อนุญาตให้มีการเปิดกาสิโนในประเทศ ขณะที่กลุ่มลงทุนจากสหรัฐรายนี้ได้ยืนยันว่ากาสิโนจะเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในโครงการก่อสร้าง และรีสอร์ทคอมเพล็กซ์ทุกแห่งของกลุ่มเวกัส แซนด์ ทั้งในสหรัฐ มาเก๊า และสิงคโปร์ ต่างมีกาสิโนเปิดให้บริการอยู่ด้วย และการดำเนินการจัดการรีสอร์ทคอมเพล็กซ์จะขึ้นอยู่กับผลกำไรที่ได้จากกาสิโนเป็นหลัก
"เรากำลังทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น พยายามแสดงให้เห็นถึงวิธีที่เราจะลดความเสี่ยงต่อสังคมที่อาจเกิดขึ้นจากกาสิโนให้น้อยที่สุด" จอร์จ ทานาสิวิช กล่าว
นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มาเยือนรีสอร์ทอาจไม่ได้เข้าไปใช้บริการกาสิโนเพียงอย่างเดียว นักท่องเที่ยวเหล่านี้สามารถเพลิดเพลินกับอาหารสุดอร่อยจากร้านอาหารภัตตาคารต่างๆ เที่ยวชมการแสดงในโรงละคร พิพิธภัณฑ์ หรือเข้าพักในโรงแรม
แม้ว่ากลุ่มบริษัทจากสหรัฐรายนี้เข้าใจว่าอุปสรรคยังคงรออยู่ข้างหน้า แต่ยังคงเชื่อว่าจะสามารถโน้มน้าวรัฐบาลเวียดนามและทางการท้องถิ่นได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามเป็นที่ชัดเจนว่า กลุ่มบริษัทจากสหรัฐรายนี้สามารถทำกำไรได้มากจากประเทศต่างๆ ที่บริษัทเข้าลงทุน เช่น มาริน่าเบย์แซนด์ ในสิงคโปร์ สามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนสิงคโปร์ในปี 2553 ได้ 20% และเพิ่มมูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวอีก 49% สำหรับตัวเลขสถิติในปี 2554 ยังไม่เปิดแพร่อย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นราว 40-60%.