ขาย "เชส-นาสรี" ทำปืนกำไรอื้อซ่า

การตัดสินใจขาย เชส ฟาเบรกาส และ ซาเมียร์ นาสรี สองผู้เล่นตัวสำคัญเมื่อกลางปีก่อนทำให้ "ปืนโต" อาร์เซนอล มีกำไรก่อนหักภาษี 49.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2.4 พันล้านบาท ) ตามรายงานผลประกอบการในช่วง 6 เดือนจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

อาร์เซนอล ขาย ฟาเบรกาส ให้แก่ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลนา โคตรทีมแดนกระทิงดุ ขณะที่ นาสรี ย้ายไปเล่นกับ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี เพื่อนร่วมลีก เป็นจำนวนเงินรวมกัน 63 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3.1 พันล้านบาท) แม้สร้างความไม่พอใจแก่แฟนบอล "ปืนโต" แต่ทำให้สโมสรมีกำไรเพิ่มขึ้นดังกล่าว ซึ่งตรงข้ามกับผลประกอบการเมื่อ 1 ปีก่อนหน้านี้ที่ขาดทุน 6.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 305 ล้านบาท)

ด้าน ปีเตอร์ ฮิลล์-วูดส์ ประธานสโมสรกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่าการเสียผู้เล่นสำคัญไปทำให้ อาร์เซนอล มีผลงานขึ้นๆลงๆในฤดูกาลนี้ แต่ยืนยันว่าสโมสรลงทุนเงินจำนวน 74.7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3.7 พันล้านบาท) ซื้อผู้เล่นใหม่ และต่อสัญญาผู้เล่นเดิม ซึ่งเป็นรายจ่ายที่เพิ่มมากในหลายฤดูกาลที่ผ่านมา

"ในฐานะที่เราก็เป็นหนึ่งในแฟนบอล เรายังตั้งใจทำทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อให้สโมสรที่เรารักสามารถแข่งขันอยู่ในเกมฟุตบอลระดับสูงต่อไป" ส่วนหนึ่งจากแถลงการณ์ของ ฮิลล์-วูดส์

ทั้งนี้ อาร์เซนอล ซึ่งปัจจุบันมี สแตน โคเอนเก เศรษฐีชาวอเมริกัน เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ไม่คว้าแชมป์รายการใดมาตั้งแต่ปี 2005 และฤดูกาลนี้ก็จะมือเปล่าไร้โทรฟีแชมป์อีกหนึ่งฤดูกาล

แม้สถานะทางการเงินของ อาร์เซนอล ดูดีตามมาตรฐานการทำธุรกิจ แต่นโยบายของสโมสรที่ขายนักเตะสตาร์ดังและปั้นผู้เล่นดาวรุ่งทำให้แฟนบอลของทีมบางส่วนกังวลว่าจะส่งผลกระทบในอนาคต ตัวอย่างเช่นกลุ่ม "อาร์เซนอล ซัพพอร์ตเตอร์ ทรัสต์" กลุ่มแฟนบอลที่มีหุ้นจำนวนเล็กน้อยในสโมสร มองว่า ถ้าหาก อาร์เซนอล พลาดไปเตะฟุตบอลยูฟา แชมเปยีนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า ก็จะทำให้ทีมสูญเสียรายได้ไปอย่างน้อย 45 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2.2 พันล้านบาท)

หลังจากเกมลีกนัดล่าสุดพลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ส คู่รักคู่แค้น 5-2 ก็ทำให้ อาร์เซนอล ขึ้นมารั้งที่ 4 ของตารางพรีเมียร์ชิปซึ่งเป็นอันดับได้โควตาไปเตะฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรป แต่ทีมดังแห่งกรุงลอนดอนยังต้องขับเคี่ยวแย่งอันดับกับทีมอย่าง เชลซี และ ลิเวอร์พูล ต่อไปจนจบฤดูกาล