คอลัมน์ "Final Quarter" โดย "ลุงแซม"
ที่สุดแล้ว ปรากฏการณ์ "เพอร์เฟกต์ ซีซัน" ทั้งด้านบวกและด้านลบก็ไม่เกิดพร้อมกันในศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) เมื่อ กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส ฟอร์มบู่บุกพ่าย แคนซัส ซิตี ชีฟส์ 14-19 ปราชัยเกมแรกของฤดูกาล 2011/12 ขณะที่ อินเดียนาโปลิส โคลต์ส ปล่อยให้แฟนๆ รอถึงสัปดาห์ที่ 15 กว่าจะสะกดชัยชนะเป็น หลังเปิดรังพิชิต เทนเนสซี ไตตันส์ 27-13 ได้อย่างงดงาม
ก่อนเกมสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เขียนแทบมองไม่เห็นหนทางที่ ชีฟส์ จะต่อกรกับ แพ็คเกอร์ส แฟรนไชส์ที่กดเฉลี่ย 35.8 แต้มต่อเกมได้เลย ถึงแม้ปักหลักเล่นในถิ่นแอร์โรวเฮด สเตเดียม ก็ตาม เนื่องจากเจ้าถิ่นไม่มี จามาล ชาร์ลส รันนิงแบ็กซึ่งโกยเกือบ 1,500 หลาซีซันก่อนคอยทะลวง ขณะที่ คายล์ ออร์ตัน เพิ่งสลัดอาการบาดเจ็บนิ้วมือลงขว้างบอล ทว่าทำไปทำมา โรมีโอ เครนเนล อดีตเฮดโค้ช คลีฟแลนด์ บราวน์ส ที่ขึ้นมารับตำแหน่งกุนซือชั่วคราวแทน ท็อดด์ เฮลีย์ กลับบัญชาเกมได้เหลือเชื่อนำมาซึ่งชัยชนะที่ ชีฟส์ มีต่อ "แพ็คส์แมน" ชนิดล็อกถล่ม
โดยกลยุทธ์ที่ เครนเนล ผู้เชี่ยวชาญเรื่องทีมรับ ใช้จัดการกับ แพ็คเกอร์ส คือการใช้ "บอลคอนโทรล" นี่หาใช่ทฤษฏีใหม่ที่หลายคนคิดไม่ได้ แต่เผอิญว่าที่ผ่านมาทำไม่ได้แค่นั้น อย่างไรก็ตาม เกมนี้ ชีฟส์ สลับใช้ตัววิ่งได้อย่างเห็นผล โธมัส โจนส์ ถือบอล 15 ครั้ง ได้มา 48 หลา แจ็คกี แบทเทิล วิ่ง 10 หน โกยไป 37 หลา 1 ทัชดาวน์ แม้ตัวเลขเรื่องของระยะไม่สวยหรู แต่สิ่งสำคัญคือ ทั้งคู่ช่วยกันเปลี่ยนเฟิร์สดาวน์ได้อย่างเห็นผล จำกัดการลงสนามของ แอรอน ร็อดเจอร์ส สุดยอดควอเตอร์แบ็กได้ชะงักงัน
เกมดังกล่าวผู้เขียนมีโอกาสรับชมการถ่ายทอดสด ยังคิดในใจว่า แพ็คเกอร์ส มีลุ้นเอาตัวรอดในครึ่งหลัง เหตุจากประสิทธิภาพในเรดโซน (พื้นที่ 20 หลาหน้าบ้านคู่แข่ง) ของชีฟส์ ไม่ดีเอาเสียเลย ออร์ตัน อุตส่าห์ขว้างสั้นสลับยาวให้ ดีเวย์น โบว์, เลียวนาร์ด โปป หรือ สตีฟ บรีสตัน ได้ไหลลื่น แต่สุดท้ายได้มาเพียง 4 ฟิลด์โกลจาก ไรอัน ซัคคอป อย่างไรก็ตาม ต้องให้เครดิตบรรดาผู้เล่นเจ้าถิ่นที่ตั้งมั่นอยู่ใน "เกมแพลน" ของเครนเนล ทีมบุกใช้ "บอลคอนโทรล" คุมสถานการณ์ไปเรื่อยๆ จึงไม่น่าแปลกใจที่ ชีฟส์ เวลาครองบอลเหนือกว่าแพ็คส์ 10 กว่านาที ขณะที่ ทีมรับโชว์ให้เห็นถึงสถิติการป้องกันเกมขว้างได้อย่างยอดเยี่ยม (ชีฟส์ เสียเฉลี่ยแค่ 209.3 หลา เมื่อเจอคู่แข่งบอมบ์) และต้องให้เครดิต แทมบา ฮาลี ยอดไลน์แบ็กเกอร์ที่หาทางกดดันจนเล่นงาน ร็อดเจอร์ส 3 แซ็ค
ความปราชัยหนนี้ของ แพ็คเกอร์ส จึงไม่สามารถลุ้นทาบสถิติ "เพอร์เฟกต์ ซีซัน" ที่ ไมอามี ดอลฟินส์ ชุดไร้พ่ายจริงๆ ทำเอาไว้ในปี 1972 ทั้งยังหยุดสถิติคว้าชัยไว้เพียง 19 เกมติด ลบสถิติเดิมของ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ที่ทำไว้ 21 เกมเมื่อฤดูกาล 2003/04 ก็ไม่ได้ แต่นั่นหาใช่เรื่องสำคัญ เพราะถ้าชนะทั้ง 16 เกมในเรคกูลา ซีซัน แล้วไปแพ้ในซูเปอร์โบว์ลเหมือน "แพทส์แมน" เมื่อ 4 ปีก่อน เชื่อว่า ไมค์ แม็คคาร์ธีย์ และพลพรรค "หัวเนยแข็ง" ก็ไม่เอาเหมือนกัน
การพ่ายแพ้หนนี้ นำมาซึ่งบทเรียนหลายสิ่งที่ แม็คคาร์ธีย์ ต้องเร่งแก้ไข เพราะจะเกิดอะไรขึ้นถ้า แพ็คเกอร์ส ต้องเผชิญหน้ากับทีมที่สามารถใช้ "บอลคอนโทรล" ได้อย่างเห็นผลอย่าง นิวออร์ลีนส์ เซ็นต์ส หรือ ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส ในเพลย์ออฟฝั่งเอ็นเอฟซี (NFC) หรือเกิดเข้าสู่ซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 46 ไปต่อกร ทอม เบรดี และกลุ่มปีกแพทริออตส์ที่ล้วนมีทีเด็ดอย่าง เวส เวลเกอร์, ร็อบ กรอนคาวสกี หรือ แอรอน เฮอร์นานเดซ ซึ่งพร้อมเจาะจุดอ่อนตรงหลังบ้านของแพ็คส์ได้ทุกเมื่อ หรือแม้แต่การเจอเกมป้องกันทางอากาศระดับท็อปของลีกทั้ง พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส, บัลติมอร์ เรฟเวนส์ และ นิวยอร์ก เจ็ตส์ ซึ่งทีมเหล่านี้ล้วนมีเกมบุกภาคพื้นดินที่ไม่ขี้เหร่
อีกทั้ง "บิ๊กแม็ค" ต้องตระหนักถึงปัญหาการปกป้อง ร็อดเจอร์ส โดยด่วน เนื่องจากเกิดช่องโหว่รอยใหญ่ขึ้นจากการที่ ไบรอัน บูลากา แท็คเกิลขวาคนสำคัญบาดเจ็บ ดีเร็ค เชอร์ร็อด รุคกี้มีอนาคตก็กระดูกแข้งแตกปิดเทอมยาว หากแก้ไม่ตกเห็นทีควอเตอร์แบ็กว่าที่ผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ต้องออกแรงหนีการไล่แท็คเกิลและแซ็คของคู่แข่งกันถี่หน่อย ประสิทธิภาพในการขว้างบอลอาจลดลง แม้ ร็อดเจอร์ส ขึ้นชื่อเรื่องการวิ่งไปขว้างไปเก่งพอตัวก็ตาม ทั้งนี้หลายทีมต้องขอบคุณ เครนเนล และพลพรรคชีฟส์ที่เปิดกลเม็ดเด็ด "หัวเนยแข็ง" เป็นกรณีให้ศึกษา ซึ่งนี่คงทำให้อุณหภูมิการคั่ว "วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี" เข้มข้นขึ้นมากจากที่เคยมองเห็นแค่ แพ็คเกอร์ส เป็นเต็งจ๋า
ที่สุดแล้ว ปรากฏการณ์ "เพอร์เฟกต์ ซีซัน" ทั้งด้านบวกและด้านลบก็ไม่เกิดพร้อมกันในศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) เมื่อ กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส ฟอร์มบู่บุกพ่าย แคนซัส ซิตี ชีฟส์ 14-19 ปราชัยเกมแรกของฤดูกาล 2011/12 ขณะที่ อินเดียนาโปลิส โคลต์ส ปล่อยให้แฟนๆ รอถึงสัปดาห์ที่ 15 กว่าจะสะกดชัยชนะเป็น หลังเปิดรังพิชิต เทนเนสซี ไตตันส์ 27-13 ได้อย่างงดงาม
ก่อนเกมสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เขียนแทบมองไม่เห็นหนทางที่ ชีฟส์ จะต่อกรกับ แพ็คเกอร์ส แฟรนไชส์ที่กดเฉลี่ย 35.8 แต้มต่อเกมได้เลย ถึงแม้ปักหลักเล่นในถิ่นแอร์โรวเฮด สเตเดียม ก็ตาม เนื่องจากเจ้าถิ่นไม่มี จามาล ชาร์ลส รันนิงแบ็กซึ่งโกยเกือบ 1,500 หลาซีซันก่อนคอยทะลวง ขณะที่ คายล์ ออร์ตัน เพิ่งสลัดอาการบาดเจ็บนิ้วมือลงขว้างบอล ทว่าทำไปทำมา โรมีโอ เครนเนล อดีตเฮดโค้ช คลีฟแลนด์ บราวน์ส ที่ขึ้นมารับตำแหน่งกุนซือชั่วคราวแทน ท็อดด์ เฮลีย์ กลับบัญชาเกมได้เหลือเชื่อนำมาซึ่งชัยชนะที่ ชีฟส์ มีต่อ "แพ็คส์แมน" ชนิดล็อกถล่ม
โดยกลยุทธ์ที่ เครนเนล ผู้เชี่ยวชาญเรื่องทีมรับ ใช้จัดการกับ แพ็คเกอร์ส คือการใช้ "บอลคอนโทรล" นี่หาใช่ทฤษฏีใหม่ที่หลายคนคิดไม่ได้ แต่เผอิญว่าที่ผ่านมาทำไม่ได้แค่นั้น อย่างไรก็ตาม เกมนี้ ชีฟส์ สลับใช้ตัววิ่งได้อย่างเห็นผล โธมัส โจนส์ ถือบอล 15 ครั้ง ได้มา 48 หลา แจ็คกี แบทเทิล วิ่ง 10 หน โกยไป 37 หลา 1 ทัชดาวน์ แม้ตัวเลขเรื่องของระยะไม่สวยหรู แต่สิ่งสำคัญคือ ทั้งคู่ช่วยกันเปลี่ยนเฟิร์สดาวน์ได้อย่างเห็นผล จำกัดการลงสนามของ แอรอน ร็อดเจอร์ส สุดยอดควอเตอร์แบ็กได้ชะงักงัน
เกมดังกล่าวผู้เขียนมีโอกาสรับชมการถ่ายทอดสด ยังคิดในใจว่า แพ็คเกอร์ส มีลุ้นเอาตัวรอดในครึ่งหลัง เหตุจากประสิทธิภาพในเรดโซน (พื้นที่ 20 หลาหน้าบ้านคู่แข่ง) ของชีฟส์ ไม่ดีเอาเสียเลย ออร์ตัน อุตส่าห์ขว้างสั้นสลับยาวให้ ดีเวย์น โบว์, เลียวนาร์ด โปป หรือ สตีฟ บรีสตัน ได้ไหลลื่น แต่สุดท้ายได้มาเพียง 4 ฟิลด์โกลจาก ไรอัน ซัคคอป อย่างไรก็ตาม ต้องให้เครดิตบรรดาผู้เล่นเจ้าถิ่นที่ตั้งมั่นอยู่ใน "เกมแพลน" ของเครนเนล ทีมบุกใช้ "บอลคอนโทรล" คุมสถานการณ์ไปเรื่อยๆ จึงไม่น่าแปลกใจที่ ชีฟส์ เวลาครองบอลเหนือกว่าแพ็คส์ 10 กว่านาที ขณะที่ ทีมรับโชว์ให้เห็นถึงสถิติการป้องกันเกมขว้างได้อย่างยอดเยี่ยม (ชีฟส์ เสียเฉลี่ยแค่ 209.3 หลา เมื่อเจอคู่แข่งบอมบ์) และต้องให้เครดิต แทมบา ฮาลี ยอดไลน์แบ็กเกอร์ที่หาทางกดดันจนเล่นงาน ร็อดเจอร์ส 3 แซ็ค
ความปราชัยหนนี้ของ แพ็คเกอร์ส จึงไม่สามารถลุ้นทาบสถิติ "เพอร์เฟกต์ ซีซัน" ที่ ไมอามี ดอลฟินส์ ชุดไร้พ่ายจริงๆ ทำเอาไว้ในปี 1972 ทั้งยังหยุดสถิติคว้าชัยไว้เพียง 19 เกมติด ลบสถิติเดิมของ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ที่ทำไว้ 21 เกมเมื่อฤดูกาล 2003/04 ก็ไม่ได้ แต่นั่นหาใช่เรื่องสำคัญ เพราะถ้าชนะทั้ง 16 เกมในเรคกูลา ซีซัน แล้วไปแพ้ในซูเปอร์โบว์ลเหมือน "แพทส์แมน" เมื่อ 4 ปีก่อน เชื่อว่า ไมค์ แม็คคาร์ธีย์ และพลพรรค "หัวเนยแข็ง" ก็ไม่เอาเหมือนกัน
การพ่ายแพ้หนนี้ นำมาซึ่งบทเรียนหลายสิ่งที่ แม็คคาร์ธีย์ ต้องเร่งแก้ไข เพราะจะเกิดอะไรขึ้นถ้า แพ็คเกอร์ส ต้องเผชิญหน้ากับทีมที่สามารถใช้ "บอลคอนโทรล" ได้อย่างเห็นผลอย่าง นิวออร์ลีนส์ เซ็นต์ส หรือ ซานฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส ในเพลย์ออฟฝั่งเอ็นเอฟซี (NFC) หรือเกิดเข้าสู่ซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 46 ไปต่อกร ทอม เบรดี และกลุ่มปีกแพทริออตส์ที่ล้วนมีทีเด็ดอย่าง เวส เวลเกอร์, ร็อบ กรอนคาวสกี หรือ แอรอน เฮอร์นานเดซ ซึ่งพร้อมเจาะจุดอ่อนตรงหลังบ้านของแพ็คส์ได้ทุกเมื่อ หรือแม้แต่การเจอเกมป้องกันทางอากาศระดับท็อปของลีกทั้ง พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส, บัลติมอร์ เรฟเวนส์ และ นิวยอร์ก เจ็ตส์ ซึ่งทีมเหล่านี้ล้วนมีเกมบุกภาคพื้นดินที่ไม่ขี้เหร่
อีกทั้ง "บิ๊กแม็ค" ต้องตระหนักถึงปัญหาการปกป้อง ร็อดเจอร์ส โดยด่วน เนื่องจากเกิดช่องโหว่รอยใหญ่ขึ้นจากการที่ ไบรอัน บูลากา แท็คเกิลขวาคนสำคัญบาดเจ็บ ดีเร็ค เชอร์ร็อด รุคกี้มีอนาคตก็กระดูกแข้งแตกปิดเทอมยาว หากแก้ไม่ตกเห็นทีควอเตอร์แบ็กว่าที่ผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ต้องออกแรงหนีการไล่แท็คเกิลและแซ็คของคู่แข่งกันถี่หน่อย ประสิทธิภาพในการขว้างบอลอาจลดลง แม้ ร็อดเจอร์ส ขึ้นชื่อเรื่องการวิ่งไปขว้างไปเก่งพอตัวก็ตาม ทั้งนี้หลายทีมต้องขอบคุณ เครนเนล และพลพรรคชีฟส์ที่เปิดกลเม็ดเด็ด "หัวเนยแข็ง" เป็นกรณีให้ศึกษา ซึ่งนี่คงทำให้อุณหภูมิการคั่ว "วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี" เข้มข้นขึ้นมากจากที่เคยมองเห็นแค่ แพ็คเกอร์ส เป็นเต็งจ๋า