xs
xsm
sm
md
lg

หงส์แดงจิกเรือใบไม่สำเร็จเจ๊า 1-1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กอมปานี (4) ปะทะกับ ซัวเรซ แบบถึงลูกถึงคนตลอดทั้งเกม
ลิเวอร์พูล ไล่บดขยี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี อย่างหนักในช่วงท้ายเกม หลังจาก มาริโอ บาโลเตลลี โดนใบเหลือง-แดง แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะ โจ ฮาร์ท ที่โชว์ฟอร์มป้องกันประตูอย่างเหนียวหนึบได้ ทำให้ผลจบลงด้วยการเสมอ 1-1 ในบิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันอาทิตย์

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ.2554
ลิเวอร์พูล 1-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี

บิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์นี้ ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 7 ของตารางเปิดสนามแอนฟิลด์ต้อนรับการมาเยือนของจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ซิตี เกมนี้เจ้าบ้านยังคงไร้เงา สตีเวน เจอร์ราร์ด มิดฟิลด์กัปตันทีมที่ยังคงรักษาแผลติดเชื้อบริเวณข้อเท้าอีกนัด ขณะเดียวกันก็มีการปรับแผนด้วยการส่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงมาเป็นกองกลางตัวรุก โดยใช้ เดิร์ก เคาท์ กับ สจวร์ต ดาวนิง เดินเกมริมเส้นขวา-ซ้าย พร้อมทั้งวาง หลุยส์ ซัวเรซ เป็นกองหน้าตัวเป้า ส่วนทีมเยือนได้ มาริโอ บาโลเตลลี หัวหอกอารมณ์ศิลปินหายไข้กลับมาเป็นตัวสำรอง ซึ่งแดนหน้าวาง ดาบิด ซิลบา เป็นหน้าต่ำคอยสนับสนุน เซร์คิโอ “กุน” อเกวโร

ซึ่งก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มขึ้นได้มีการยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาที เพื่อไว้อาลัยให้กับการจากไปของ แกรี สปีด กุนซือทีมชาติเวลส์ที่เพิ่งเสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาด้วยวัย 42 ปี เปิดฉากมาได้ 6 นาที “เรือใบสีฟ้า” มีโอกาสสร้างความหวาดเสียวได้ก่อนจากจังหวะต่อเนื่องที่ได้ลูกเตะมุมโดย ยายา ตูเร เก็บตกซัดด้วยซ้ายบริเวณจุดโทษส่งบอลเฉี่ยวเสาออกไปเพียงนิดเดียว จากนั้นนาทีที่ 17 “หงส์แดง” เกือบหยิบยื่นโอกาสทองให้อาคันตุกะ เมื่อ โฆเซ เอ็นริเก จ่ายคืนหลังไม่ดีจนหวิดถูก อเกวโร ฉกเข้าไปล่อเป้า แต่ โฆเซ เรนา ยังอ่านเกมขาดออกมาสไลด์บอลจากเท้าดาวยิงทีมชาติอาร์เจนตินาแล้วตามมาเคลียร์ทิ้งออกข้างได้ทัน

กระทั่งนาทีที่ 31 แมนฯ ซิตี ก็มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 เมื่อ ซิลบา เปิดลูกเตะมุมทางฝั่งขวามาที่เสาแรกให้ แว็งซ็องต์ กอมปานี เบียดมากับ เกล็น จอห์นสัน แล้วโหม่งสะบัดส่งบอลเสียบมุมบนที่เสาสอง อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล สามารถตีเสมอเป็น 1-1 ได้ในนาทีที่ 33 จากจังหวะที่แนวรับทีมเยือนโหม่งสกัดไม่ขาด เคาท์ เก็บบอลได้แล้วจ่ายคืนมาให้ ชาร์ลี อดัม วางเท้ากดนอกเขตโทษ ลูกพุ่งเข้าหา โจเลียน เลสคอตต์ ที่สกัดเปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเองชนิดที่ โจ ฮาร์ท หลงทางไปแล้วกลับมาป้องกันไม่ทัน

จากนั้น หงส์แดง เกือบพลิกสถานการณ์แซงนำได้บ้างในนาทีที่ 37 หลังจาก เคาท์ พาบอลเข้าเขตโทษด้านซ้ายแต่ถูกบีบจนไม่มีมุมยิงจึงไหลคืนกลับมาให้ อดัม บรรจงแปด้วยขวาเน้นๆ บริเวณเส้นเขตโทษ แต่ ฮาร์ท ที่ล้มตัวผิดทางไปแล้วยังใช้เท้าขวาป้องกันไว้ได้อย่างหวุดหวิด ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก เรือใบสีฟ้า ได้คุกคามเจ้าถิ่นอีกครั้งโดย “กุน” อเกวโร ทำชิ่งกับ ซิลบา แล้วตัดสินใจยิงมุมแคบ แต่ เรนา ยังล้มตัวเซฟไว้ได้ จบ 45 นาทีแรกยังเสมอกันที่ 1-1

เข้าสู่ครึ่งหลัง นาทีที่ 53 ลิเวอร์พูล มีลุ้นขึ้นนำอีกครั้งเมื่อ ดาวนิง เปิดบอลจากด้านซ้ายไปแฉลบ กอมปานี เลยมาถึงเสาสอง เคาท์ วิ่งตัดหลัง กาแอล กลิชี แล้วโหม่งย้อนศรส่งลูกผ่านหน้าประตูออกหลังไป เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 65 แมนฯ ซิตี แก้เกมด้วยการถอด ซาเมียร์ นาสรี ที่ไม่มีบทบาทในเกมรุกออกแล้วส่ง มาริโอ บาโลเตลลี ลงมาเสริมแดนหน้าแทน แต่ก็เกือบถูก หงส์แดง ทะลวงตาข่ายอีกครั้งในนาทีที่ 67 จากการฮาล์ฟวอลเลย์ของ ดาวนิง ที่ส่งบอลกระดอนพื้นทำท่าจะย้อยเสียบใต้คาน ทว่า ฮาร์ท ยังไม่พลาดกระโดดปัดข้ามคานออกไปได้

เกมตกอยู่ในกำมือของเจ้าถิ่นเกือบตลอด นาทีที่ 74 ซัวเรซ กระชากขึ้นมาถึงสุดเส้นหลังด้านซ้ายแล้วตวัดเข้ากลาง เคาท์ เข้าฮอสช้าไปก้าวเดียวแล้ว เลสคอตต์ เตะสกัดทีแรกไม่ขาด แต่ก็ยังหวดเคลียร์จังหวะสองไปโดน เคาท์ ออกหลังได้อย่างหวุดหวิด นาทีที่ 78 ดาวนิง ได้หวดเต็มข้อในเขตโทษด้านซ้าย แต่ลูกก็ไม่ตรงกรอบและบอลก็แรงเกินไปจนเพื่อนร่วมทีมเข้าชาร์จไม่ทัน

นาทีที่ 82 โรแบร์โต มันชินี กุนซือเรือใบสีฟ้าปรับหมากอีกครั้งด้วยการส่ง เอดิน เชโก ลงมาล่าตาข่ายแทน อเกวโร ที่มีอาการล้าจากเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก กลางสัปดาห์ แต่เพียงแค่ 1 นาทีให้หลังทีมเยือนต้องมาเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน เมื่อ บาโลเตลลี ที่โดนจดชื่อไปก่อนหน้านี้กางแขนใส่ มาร์ติน สเคอร์เทล ในจังหวะแย่งโหม่งบอล ทำให้ผู้ตัดสิน มาร์ติน แอตกินสัน ชักใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม หงส์แดง จึงอาศัยความได้เปรียบเสริมเกมรุกทันทีด้วยการปล่อย แอนดี คาร์โรลล์ ลงมาแทน เคาท์ เพื่อยืนเป็นศูนย์หน้าคอยช่วย ซัวเรซ อีกแรง

นาทีที่ 88 เจ้าถิ่นได้ลุ้นจากการยิงในเขตโทษของ ซัวเรซ แต่ ฮาร์ท ยังล้มตัวปัดไว้ได้ก่อนที่บอลจะเสียบเสาแรก จากนั้นทีมเยือนหวิดช็อกกองเชียร์หงส์แดงเมื่อได้โอกาสสวนกลับ เชโก ผ่านบอลจากด้านซ้ายให้ ซิลบา เลี้ยงบอลหลอกล่อ เรนา ที่ออกมาปิดมุมแล้วตวัดยิงแต่เบาเกินไปจึงถูก สเคอร์เทล ตามมาสกัดบนเส้นประตูไว้ได้

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ คาร์โรลล์ เกือบเป็นซูเปอร์ซับ หลังจากได้โขกเต็มหัวบอลทำท่าจะเข้าอยู่แล้ว แต่ ฮาร์ท ยังโชว์ซูเปอร์เซฟพุ่งปัดสุดปลายมือเอาไว้ได้ จบเกมจึงลงเอยที่ผลเสมอ 1-1 ลิเวอร์พูล เก็บเพิ่มเป็น 23 คะแนน แซง อาร์เซนอล กลับมาอยู่อันดับ 6 อีกครั้ง ส่วน แมนฯ ซิตี้ ได้เพิ่มเป็น 35 คะแนน รั้งจ่าฝูงต่อไปโดยนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ 5 แต้มเท่าเดิม

รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล - โฆเซ เรนา, เกล็น จอห์นสัน, มาร์ติน สเคอร์เทล, ดาเนียล แอกเกอร์, โฆเซ เอ็นริเก, ลูคัส เลวา, ชาร์ลี อดัม, เดิร์ก เคาท์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, สจวร์ต ดาวนิง, หลุยส์ ซัวเรซ

แมนเชสเตอร์ ซิตี - โจ ฮาร์ท, ไมกาห์ ริชาร์ดส, แว็งซ็องต์ กอมปานี, โจเลียน เลสคอตต์, กาแอล กลิชี, เจมส์ มิลเนอร์, แกเร็ธ แบร์รี, ยายา ตูเร, ซาเมียร์ นาสรี, ดาบิด ซิลบา, เซร์คิโอ อเกวโร

ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สวอนซี เสมอ แอสตัน วิลลา 0-0

ลิเวอร์พูล เสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี 1-1 (แว็งซ็องต์ กอมปานี 0-1 นาที 31), (โจเลียน เลสคอตต์ 1-1 ทำเข้าประตูตัวเอง นาที 33)
ยืนไว้อาลัยให้กับการจากไปของ แกรี สปีด ตำนานนักเตะของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
มิลเนอร์ ถูก ลูคัส ตามสอยจากด้านหลัง
จังหวะโขกให้ แมนฯ ซิตี้ ขึ้นนำ 1-0 โดย กอมปานี
อดัม ชูมือดีใจหลังตีเสมอให้หงส์แดงเป็น 1-1 อย่างทันควัน
เคนนี ดัลกลิช (ซ้าย) ดวลกึ๋นกับ โรแบร์โต มันชินี ข้างสนาม
ที่สนามลิเบอร์ตี สเตเดียม ก็มีการไว้อาลัยให้ แกรี สปีด ก่อนเกมที่ สวอนซี เสมอ แอสตัน วิลลา 0-0
กำลังโหลดความคิดเห็น