คอลัมน์ "The Golf Touch" โดย "วันปีย์ สัจจมาร์ค"
ว่างๆในช่วงน้ำท่วม ก๊วนแตกสาแหรกขาดแยกกันไปสูบน้ำกันคนละทิศ จิตใจฟุ้งซ่านเพราะอดีตกอล์ฟ ทำให้นึกถึงว่า การเล่นกอล์ฟในอนาคตจะเป็นยังไง? ไม่ว่าจะเป็นการไปซ้อมที่สนามไดร์ฟ หรือไปออกรอบที่สนามกอล์ฟ โจทย์ที่แล่นผ่านเข้ามาในหัวคือ "ในช่วง 5-10 ปีข้างหน้าการเล่นกอล์จะเป็นอย่างไร?"
เริ่มจากพื้นที่ในเมืองจำกัดขึ้นเนื่องมีประชากรเพิ่มมากขึ้น ปัจจัยเรื่องการกินการอยู่ก็ต้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วย สิ่งที่เริ่มกระทบผิวเราให้เห็นบ้างแล้วนิดๆก็คือสนามไดร์ฟในเมืองเริ่มลดจำนวนลง เนื่องจากมูลค่าของที่ดินสูงขึ้น ส่วนมากก็จะเปลี่ยนเป็นโครงการธุรกิจกันหมด ไม่ว่าจะเป็นคอนโด หอพัก หรือห้างสรรพสินค้า ประชากรกอล์ฟเองก็น่าจะเพิ่มตามไปด้วย ผลกระทบต่อมาก็คือความต้องการซ้อมของคนในเมืองก็จะสูงขึ้น โดยเฉพาะช่วงเย็นหรือเวลาเลิกงาน
สุดท้ายแล้วซ้อมกอล์ฟในกรุงเทพก็คงไม่ต่างจากญี่ปุ่นหรือเกาหลีเท่าไหร่ อาจจะต้องมีการจองกันล่วงหน้า ถึงเวลาก็มาซ้อม และก็คงเป็นไปไม่ได้ที่สนามซ้อมจะ ยอมให้สั่ง 3 ถาดแล้วนั่งกินน้ำกินอาหารโดยใช้เวลา 3-4 ชั่วโมงในการมาซ้อมแต่ละครั้ง สนามซ้อมชั้นนำทั้งหลายคงจะเริ่มเก็บค่าซ้อมคล้ายๆเวลาที่เราไปตีสนุกเกอร์ คือคิดเป็นชั่วโมง แล้วจะตีกี่ลูกก็ได้ ส่วนการเสริม 3 – 4 ชั้นคงยังไม่เกิดขึ้นใน 5-10 ปีนี้
ในด้านของสนามกอล์ฟสิทธิประโยชน์ของการโทรจอง Tee time ล่วงหน้าน่าจะชัดเจนมากขึ้น เพราะทุกวันนี้การจองล่วงหน้าไม่ได้มีความพิเศษกว่าคนอื่นเลย ถ้าจองล่วงหน้าแล้วได้ราคาที่ดีกว่า และได้ออกตรงเวลาตามที่จองไว้โดยไม่มีคนอำนาจบาตรใหญ่ที่สนิทสนมกับเจ้าหน้าที่สนามมาลัดคิว นักกอล์ฟส่วนมากในบ้านเราก็คงจะมีวินัยมากขึ้น ตรงต่อเวลา และให้เกียรตินักกอล์ฟท่านอื่นที่มาใช้บริการ การใช้อำนาจหรือความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่สนามคงจะน้อยลงไปโดยปริยาย
สำคัญอย่างยิ่งถ้าประเทศไทยของเราในวันข้างหน้าก้าวเข้าสู่การพัฒนาในเชิงอุตสาหกรรมมากกว่านี้ สิ่งที่ตามมาก็คงไม่ต่างจากอเมริกาหรือยุโรป นั่นก็คือค่าแรงขั้นต่ำน่าจะสูงขึ้น บวกกับสแตนดาร์ดของระบบ GPS ที่บอกระยะการเล่นของสนามกอล์ฟทั่วๆไป สามารถใช้งานง่ายและแม่นยำทำให้นักกอล์ฟสามารถคำนวนระยะเองได้ จะส่งผลให้การใช้แค้ดดี้ในการออกรอบกลายเป็นความพิเศษของสนามกอล์ฟชั้นนำเท่านั้น
สุดท้ายไม่ว่าทุกอย่างที่กล่าวมานั้นจะเปลี่ยนไปหรือไม่อย่างไร แต่สิ่งที่จะคงอยู่กับนักกอล์ฟในประเทศไทยต่อไปแน่ๆก็คือกล้วยหอมกับไข่ต้มแน่นอน
ว่างๆในช่วงน้ำท่วม ก๊วนแตกสาแหรกขาดแยกกันไปสูบน้ำกันคนละทิศ จิตใจฟุ้งซ่านเพราะอดีตกอล์ฟ ทำให้นึกถึงว่า การเล่นกอล์ฟในอนาคตจะเป็นยังไง? ไม่ว่าจะเป็นการไปซ้อมที่สนามไดร์ฟ หรือไปออกรอบที่สนามกอล์ฟ โจทย์ที่แล่นผ่านเข้ามาในหัวคือ "ในช่วง 5-10 ปีข้างหน้าการเล่นกอล์จะเป็นอย่างไร?"
เริ่มจากพื้นที่ในเมืองจำกัดขึ้นเนื่องมีประชากรเพิ่มมากขึ้น ปัจจัยเรื่องการกินการอยู่ก็ต้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วย สิ่งที่เริ่มกระทบผิวเราให้เห็นบ้างแล้วนิดๆก็คือสนามไดร์ฟในเมืองเริ่มลดจำนวนลง เนื่องจากมูลค่าของที่ดินสูงขึ้น ส่วนมากก็จะเปลี่ยนเป็นโครงการธุรกิจกันหมด ไม่ว่าจะเป็นคอนโด หอพัก หรือห้างสรรพสินค้า ประชากรกอล์ฟเองก็น่าจะเพิ่มตามไปด้วย ผลกระทบต่อมาก็คือความต้องการซ้อมของคนในเมืองก็จะสูงขึ้น โดยเฉพาะช่วงเย็นหรือเวลาเลิกงาน
สุดท้ายแล้วซ้อมกอล์ฟในกรุงเทพก็คงไม่ต่างจากญี่ปุ่นหรือเกาหลีเท่าไหร่ อาจจะต้องมีการจองกันล่วงหน้า ถึงเวลาก็มาซ้อม และก็คงเป็นไปไม่ได้ที่สนามซ้อมจะ ยอมให้สั่ง 3 ถาดแล้วนั่งกินน้ำกินอาหารโดยใช้เวลา 3-4 ชั่วโมงในการมาซ้อมแต่ละครั้ง สนามซ้อมชั้นนำทั้งหลายคงจะเริ่มเก็บค่าซ้อมคล้ายๆเวลาที่เราไปตีสนุกเกอร์ คือคิดเป็นชั่วโมง แล้วจะตีกี่ลูกก็ได้ ส่วนการเสริม 3 – 4 ชั้นคงยังไม่เกิดขึ้นใน 5-10 ปีนี้
ในด้านของสนามกอล์ฟสิทธิประโยชน์ของการโทรจอง Tee time ล่วงหน้าน่าจะชัดเจนมากขึ้น เพราะทุกวันนี้การจองล่วงหน้าไม่ได้มีความพิเศษกว่าคนอื่นเลย ถ้าจองล่วงหน้าแล้วได้ราคาที่ดีกว่า และได้ออกตรงเวลาตามที่จองไว้โดยไม่มีคนอำนาจบาตรใหญ่ที่สนิทสนมกับเจ้าหน้าที่สนามมาลัดคิว นักกอล์ฟส่วนมากในบ้านเราก็คงจะมีวินัยมากขึ้น ตรงต่อเวลา และให้เกียรตินักกอล์ฟท่านอื่นที่มาใช้บริการ การใช้อำนาจหรือความสนิทสนมกับเจ้าหน้าที่สนามคงจะน้อยลงไปโดยปริยาย
สำคัญอย่างยิ่งถ้าประเทศไทยของเราในวันข้างหน้าก้าวเข้าสู่การพัฒนาในเชิงอุตสาหกรรมมากกว่านี้ สิ่งที่ตามมาก็คงไม่ต่างจากอเมริกาหรือยุโรป นั่นก็คือค่าแรงขั้นต่ำน่าจะสูงขึ้น บวกกับสแตนดาร์ดของระบบ GPS ที่บอกระยะการเล่นของสนามกอล์ฟทั่วๆไป สามารถใช้งานง่ายและแม่นยำทำให้นักกอล์ฟสามารถคำนวนระยะเองได้ จะส่งผลให้การใช้แค้ดดี้ในการออกรอบกลายเป็นความพิเศษของสนามกอล์ฟชั้นนำเท่านั้น
สุดท้ายไม่ว่าทุกอย่างที่กล่าวมานั้นจะเปลี่ยนไปหรือไม่อย่างไร แต่สิ่งที่จะคงอยู่กับนักกอล์ฟในประเทศไทยต่อไปแน่ๆก็คือกล้วยหอมกับไข่ต้มแน่นอน
