ชิเมง หยาง ผู้ฝึกสอนกระโดดน้ำ หวังลึกๆ ลุ้นชิงเหรียญทองแดงจากประเภทแพลตฟอร์ม 10 ม. ชาย และปริงส์บอร์ด 3 ม. ชาย โดยมีคุ่แข่งสำคัญคือ เจ้าภาพ อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ ด้าน สาธิต ธรรมโอรส นักกีฬากระโดดน้ำแพลตฟอร์ม หวั่นการตัดสินด้วยสายตาที่ไม่เป็นธรรม
การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ณ ประเทศอินโดนีเซีย สำหรับกีฬากระโดดน้ำ ชิเมง หยาง ผู้ฝึกสอนชาวจีนของทีมชาติไทย ได้เผยถึงความหวังว่า "ลุ้นลึกๆ ให้ไทยคว้าเหรียญทองแดงในประเภท แพลตฟอร์ม 10 ม. ชาย โดยไทยส่งนักกีฬา ได้แก่ สาธิต ธรรมโอรส และ ธีรภัทร ศิริบูรณ์ เพราะเด็กมีการตั้งใจฝึกซ้อมเป็นอย่างดี โดยมีคุ่แข่งที่สำคัญคือ อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์"
ขณะเดียวกัน สุชาติ พิชิ นักกีฬากระโดดน้ำ ประเภทสปริงส์บอร์ด 3 ม. ชาย กล่าวว่า "ยอมรับว่าไทยเป็นรองมาเลเซียมาก เนื่องจากเขามีดีกรีระดับท็อปไฟว์โลก อย่างไรก็ตามจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด มั่นใจมีหวังลุ้นเหรียญแน่นอน"
ทั้งนี้ สาธิต ธรรมโอรส นักกีฬาโดดน้ำประเภท แพลตฟอร์ม 10 ม. ชาย เผยว่า "ตอนนี้หวั่นแต่เจ้าภาพอย่างเดียว เนื่องจากเป็นกีฬาที่ต้องตัดสินด้วยสายตา โดยไทยมีคู่แข่งที่สำคัญคือ ฟิลิปปินส์ เนื่องจากมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีเหรียญติดมือ นอกจากนี้โค้ชหยางได้เน้นในเรื่องฟิตเนส ร่างกาย และเทคนิคการขึ้นท่ากระโดดและเรื่องระะยะเวลา"
การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ณ ประเทศอินโดนีเซีย สำหรับกีฬากระโดดน้ำ ชิเมง หยาง ผู้ฝึกสอนชาวจีนของทีมชาติไทย ได้เผยถึงความหวังว่า "ลุ้นลึกๆ ให้ไทยคว้าเหรียญทองแดงในประเภท แพลตฟอร์ม 10 ม. ชาย โดยไทยส่งนักกีฬา ได้แก่ สาธิต ธรรมโอรส และ ธีรภัทร ศิริบูรณ์ เพราะเด็กมีการตั้งใจฝึกซ้อมเป็นอย่างดี โดยมีคุ่แข่งที่สำคัญคือ อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์"
ขณะเดียวกัน สุชาติ พิชิ นักกีฬากระโดดน้ำ ประเภทสปริงส์บอร์ด 3 ม. ชาย กล่าวว่า "ยอมรับว่าไทยเป็นรองมาเลเซียมาก เนื่องจากเขามีดีกรีระดับท็อปไฟว์โลก อย่างไรก็ตามจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด มั่นใจมีหวังลุ้นเหรียญแน่นอน"
ทั้งนี้ สาธิต ธรรมโอรส นักกีฬาโดดน้ำประเภท แพลตฟอร์ม 10 ม. ชาย เผยว่า "ตอนนี้หวั่นแต่เจ้าภาพอย่างเดียว เนื่องจากเป็นกีฬาที่ต้องตัดสินด้วยสายตา โดยไทยมีคู่แข่งที่สำคัญคือ ฟิลิปปินส์ เนื่องจากมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีเหรียญติดมือ นอกจากนี้โค้ชหยางได้เน้นในเรื่องฟิตเนส ร่างกาย และเทคนิคการขึ้นท่ากระโดดและเรื่องระะยะเวลา"
