เชื่อแน่ว่าแฟนกอล์ฟมากมายคงเฝ้ารอการกลับมาคืนฟอร์มของ เซอร์จิโอ การ์เซีย โปรผู้เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นทายาทของ เซวี บาเยสเตรอส ตำนานก้านเหล็กแห่งแดนกระทิงดุ แต่หลังจากที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยอันดับ 2 ในตารางเวิลด์กอล์ฟแรงกิ้งเมื่อปี 2008 ผลงานของ การ์เซีย กลับตกลงไปอย่างน่าใจหาย จนทำให้หลายคนมองว่าโอกาสที่จะเจ้าตัวจะกลับมาผงาดอีกครั้งในเวทีระดับโลกน่าจะจบสิ้นลงแล้ว หากแต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (23 ต.ค.) เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานาได้ถูกยุติลง เมื่อการรอคอยเกือบ 3 ปีสำหรับแชมป์แรกได้สิ้นสุดลงในรายการ "คาสเทลโล มาสเตอร์ส" พร้อมกับเป้าหมายใหม่ที่เกิดขึ้นว่า "ผมต้องการกลับไปสู่จุดเดิมอีกครั้งเพื่อเป้าหมายเดียว คือ ชัยชนะในทุกรายการที่ลงสนาม"
หากนับย้อนไปในปี 2008 ซึ่งเป็นปีแจ้งเกิดอย่างแท้จริงสำหรับ การ์เซีย คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าจะไม่รู้จักชื่อของนักกอล์ฟหนุ่มชาวสเปนรายนี้ที่ฝากผลงานอันยอดเยี่ยมคว้าแชมป์ 3 รายการ โดยแบ่งออกเป็นรายการใหญ่ คือ "เดอะ เพลเยอร์ส แชมเปียนชิป" ซึ่งเป็นเมเจอร์ที่ 5 ของ "พีจีเอ ทัวร์" และ "เอชเอสบีซี แชมเปียนส์" ที่สาธารณรัฐประชาชน ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นซีรีย์ "เวิลด์กอล์ฟแชมเปียนชิป" ส่วนอีกรายการ คือ "คาสเทลโล มาสเตอร์ส" ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ยูโรเปียน ทัวร์ ที่ประเทศบ้านเกิด จนถูกเปรียบให้เป็น "ซูเปอร์สตาร์" ของยุโรป เทียบกับ "พญาเสือ" ไทเกอร์ วูดส์ ของฝั่งอเมริกา
ทว่าช่วงเวลาดีที่สุดก็ย่อมมีช่วงเลวร้ายที่สุดเช่นกัน เมื่อเริ่มต้นฤดูกาล 2009-2010 ฟอร์มของ เซอร์จิโอ การ์เซีย กลับหลุดหายไปดื้อๆ จนไม่สามารถสัมผัสโทรฟีรายการใดได้ ส่งผลให้เจ้าของสถิติผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในศึก "ไรเดอร์ คัพ" (19 ปี 8 เดือน) ต้องพลาดการช่วยทีมยุโรปเป็นครั้งแรก (2010) หลังจากเคยช่วยทีมคว้าชัยถึง 3 ครั้ง (2002, 2004 และ 2006) ระหว่างปี 1999-2008 กระทั่งมาถึงฤดูกาล 2011 "การ์เซีย" ก็เกือบพลาดเข้าร่วมการแข่งขันเมเจอร์เป็นครั้งแรก เมื่อทำอันดับหลุดท้อป 50 จนต้องตัดสินใจควอลิฟายในศึก "ยูเอส โอเพน" และได้รับสิทธิ์ "ลักกี้ลูเซอร์" จากการคว้ารองแชมป์ "บีเอ็มดับเบิลยู อินเตอร์เนชันแนล โอเพน" เข้าร่วม"ดิ โอเพน"
โดยตอนนั้น "การ์เซีย" ก้มหน้ายอมรับโชคชะตาที่เลวร้ายว่า "นี่คืออีกวันที่ผมจะไม่มีวันลืม เพราะ หากครั้งนี้ผมไม่ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน นั่นหมายถึงผมจะหยุดสถิติการเข้าร่วมรายการเมเจอร์อย่างต่อเนื่องไว้ที่ 47 ครั้ง จุดนี้ผมได้แต่ตั้งเป้าว่าจะทำผลงานให้ดีที่สุด เพื่อหาจุดเปลี่ยนกลับมาสู่ฟอร์มที่สุดยอดอีกครั้ง"
แม้ว่า ผลงานในรายการเมเจอร์ปีนี้ของ "เซอร์จิโอ" จะยังไม่ประสบความสำเร็จถึงแชมป์แต่การคว้าอันดับ 7 ร่วม และ 9 ร่วม ในศึก "ยูเอส โอเพน" และ "ดิ โอเพน" (เดอะ มาสเตอร์ส 35 ร่วม และพีจีเอ แชมเปียนชิป 12 ร่วม) ถือเป็นรางวัลตอบแทนของความพยายามได้เป็นอย่างดี จนกระทั่งฝันร้ายตลอด 3 ปีได้จบสิ้นลงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (20-23 ต.ค.) ในรายการ "คาสเทลโล มาสเตอร์ส" ณ สนาม คลับ เดอ แคมโป เดล เมดิเตอร์ราเนโอ เมืองบาเลนเซีย ประเทศสเปน ด้วยสกอร์ที่ถล่มทลาย 27 อันเดอร์พาร์
เริ่มต้นรอบแรก การ์เซีย เก็บสกอร์ที่ 4 อันเดอร์พาร์ 67 รั้งอันดับ 4 ร่วม แต่หลังจากนั้นเหมือนความมั่นใจของเจ้าตัวได้ถูกเรียกกลับมาอีกครั้ง เมื่อหวด 8 อันเดอร์พาร์ 63 ในรอบสอง ก่อนจะกดอีก 7 อันเดอร์พาร์ 64 และปิดเกมด้วยสกอร์ 8 อันเดอร์พาร์ 63 ทำสกอร์รวม 27 อันเดอร์พาร์ 257 ทิ้งห่าง กอนซาโล เฟอร์นานเดซ-คาสตาโญ สวิงร่วมชาติ ไปอย่างขาดลอย 11 สโตรก คว้าโทรฟีแรกนับตั้งแต่ปี 2008 ได้สำเร็จ พร้อมรอยยิ้มแห่งชัยชนะที่หวนกลับมาอีกครั้ง
ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจแรกในรอบสามปี ก้านเหล็กวัย 31 ปี ผู้รับเงินรางวัลชนะเลิศ 333,330 ยูโร (ประมาณ 14.3 ล้านบาท) กล่าวถึงเป้าหมายต่อไปทันทีว่า "ผมได้ทำการฝึกซ้อมอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา เพื่อก้าวผ่านระยะเวลาที่เลวร้ายให้ได้ ซึ่งชัยชนะนัดนี้ถือเป็นรางวัลสำหรับความมุ่งมั่นอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง ผมต้องการกลับไปสู่จุดเดิมให้ได้อีกครั้ง ตอนนี้รู้สึกสนุกกับเกมการเล่น และต้องการทำสกอร์ต่อรอบให้ได้ต่ำที่สุด เพื่อเป้าหมายเดียว คือชัยชนะในทุกรายการที่ลงสนาม โดยเฉพาะศึก 'ไรเดอร์ คัพ' ที่เป็นทัวร์นาเมนต์ที่ผมต้องการกลับไปติดทีมอีกครั้ง"
เรื่อง : วงศ์ธวัช อามทัศนศรี