คอลัมน์สุดฟากสนาม เรื่อง นกฟินิกซ์
ในช่วงระหว่างการค้นหาความหมายของชีวิตไปพร้อมกับการฟื้นฟูสภาพจิตใจเพื่อกลับมาต่อสู้ใหม่อีกครั้ง อังเดร และ เพอร์รี่ย์ ผู้เป็นทั้งผู้จัดการและเพื่อนสนิทได้ก่อตั้งโรงเรียนเพื่อเด็กด้อยโอกาส โดยอังเดรใช้วิธีการระดมทุนเพื่อก่อตั้งโรงเรียนจากเงินสนับสนุนของรัฐส่วนหนึ่ง การบริจาคจากเหล่านักแสดงที่รู้จักกับบรู๊ค ชีลด์ และ อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการจัดการแข่งขันเทนนิสการกุศล ซึ่งเส้นทางดังกล่าวทำให้ นักเทนนิสหนุ่มจากเวกัส ได้พบกับ เนลสัน แมนเดลล่า ชายผู้เปลี่ยนประวัติศาสตร์ของ สาธารณรัฐแอฟริกาใต้
การพบกันระหว่างนักเทนนิสจากซีกโลกหนึ่งกับผู้นำที่ปลดปล่อยเพื่อนร่วมชาติจากการเหยียดผิว เกิดขึ้นในระหว่างที่อังเดร และ เพอร์รี่ย์ กำลังมองหาสถานที่เพื่อตั้งโรงเรียน ขณะนั้นเอง อังเดร ได้รับโทรศัพท์จาก แกรี่ย์ มุลเลอร์ นักเทนนิสชาวแอฟริกาใต้ ที่เป็นทั้งผู้เล่นและโค้ชในเอทีพีทัวร์ นอกจากนี้ยังจัดการแข่งขันเทนนิสในเคปทาวน์ เพื่อหาเงินสบทบให้กับกองทุนของเนลสัน แมนเดลล่า และได้ชวนให้ อังเดร เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อการกุศล ซึ่งแน่นอนว่า อดีตนักเทนนิสหมายเลขหนึ่งเข้าร่วมด้วยความยินดี โดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้เลยว่านั่นคือการเส้นทางที่ทำให้เขาได้เข้าพบกับ แมนเดลล่า
หลังจากตกปากรับคำที่จะช่วยเหลือในเทนนิสการกุศลที่เคปทาวน์ ไม่ทันข้ามวันดี แกรี่ย์ มุลเลอร์ โทรศัพท์กลับมาแจ้งให้นักเทนนิสหนุ่มทราบทันทีว่า เขาและครอบครัวจะมีโอกาสได้เข้าพบกับเนลสัน แมนเดลล่า แน่นอนว่าอังเดร แทบจะไม่เชื่อหูตนเองว่าจะมีโอกาสได้พบกับชายผู้เป็นวีรบุรุษของคนในแอฟริกาใต้ และเป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพของคนทั้งโลก เพราะโดยส่วนตัวแล้วอังเดร มีความชื่นชมในการต่อสู้ของผู้นำรายนี้เป็นทุนเดิม
ทันทีที่ทราบข่าว อังเดร รีบแจ้งไปยังภรรยาสาว บรู๊ค ชีลด์ แน่นอนว่า บรู๊ค รู้สึกยินดีไม่แพ้สามี และเธอเตรียมตัว ไปช้อปปิ้งเพื่อการนี้ในทันที ขณะที่อังเดร เอง รู้สึกเหมือนมีแสงสว่างสาดเข้ามาในช่วงชีวิตที่กำลังมืดมน เมื่อเขาจะได้เข้าพบกับผู้นำประเทศที่กล่าวถึงชีวิตของตนเองโดยยกกลอนจาก Invictus มาอธิบายไว้อย่างลึกซึ้งว่า “I am the master of my fate: I am the captain of my soul” (ฉันคือผู้กำหนดโชคชะตาของตนเอง ฉันจะขีดเส้นชีวิตของฉันเอง)
ในช่วงระหว่างการค้นหาความหมายของชีวิตไปพร้อมกับการฟื้นฟูสภาพจิตใจเพื่อกลับมาต่อสู้ใหม่อีกครั้ง อังเดร และ เพอร์รี่ย์ ผู้เป็นทั้งผู้จัดการและเพื่อนสนิทได้ก่อตั้งโรงเรียนเพื่อเด็กด้อยโอกาส โดยอังเดรใช้วิธีการระดมทุนเพื่อก่อตั้งโรงเรียนจากเงินสนับสนุนของรัฐส่วนหนึ่ง การบริจาคจากเหล่านักแสดงที่รู้จักกับบรู๊ค ชีลด์ และ อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการจัดการแข่งขันเทนนิสการกุศล ซึ่งเส้นทางดังกล่าวทำให้ นักเทนนิสหนุ่มจากเวกัส ได้พบกับ เนลสัน แมนเดลล่า ชายผู้เปลี่ยนประวัติศาสตร์ของ สาธารณรัฐแอฟริกาใต้
การพบกันระหว่างนักเทนนิสจากซีกโลกหนึ่งกับผู้นำที่ปลดปล่อยเพื่อนร่วมชาติจากการเหยียดผิว เกิดขึ้นในระหว่างที่อังเดร และ เพอร์รี่ย์ กำลังมองหาสถานที่เพื่อตั้งโรงเรียน ขณะนั้นเอง อังเดร ได้รับโทรศัพท์จาก แกรี่ย์ มุลเลอร์ นักเทนนิสชาวแอฟริกาใต้ ที่เป็นทั้งผู้เล่นและโค้ชในเอทีพีทัวร์ นอกจากนี้ยังจัดการแข่งขันเทนนิสในเคปทาวน์ เพื่อหาเงินสบทบให้กับกองทุนของเนลสัน แมนเดลล่า และได้ชวนให้ อังเดร เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อการกุศล ซึ่งแน่นอนว่า อดีตนักเทนนิสหมายเลขหนึ่งเข้าร่วมด้วยความยินดี โดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้เลยว่านั่นคือการเส้นทางที่ทำให้เขาได้เข้าพบกับ แมนเดลล่า
หลังจากตกปากรับคำที่จะช่วยเหลือในเทนนิสการกุศลที่เคปทาวน์ ไม่ทันข้ามวันดี แกรี่ย์ มุลเลอร์ โทรศัพท์กลับมาแจ้งให้นักเทนนิสหนุ่มทราบทันทีว่า เขาและครอบครัวจะมีโอกาสได้เข้าพบกับเนลสัน แมนเดลล่า แน่นอนว่าอังเดร แทบจะไม่เชื่อหูตนเองว่าจะมีโอกาสได้พบกับชายผู้เป็นวีรบุรุษของคนในแอฟริกาใต้ และเป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพของคนทั้งโลก เพราะโดยส่วนตัวแล้วอังเดร มีความชื่นชมในการต่อสู้ของผู้นำรายนี้เป็นทุนเดิม
ทันทีที่ทราบข่าว อังเดร รีบแจ้งไปยังภรรยาสาว บรู๊ค ชีลด์ แน่นอนว่า บรู๊ค รู้สึกยินดีไม่แพ้สามี และเธอเตรียมตัว ไปช้อปปิ้งเพื่อการนี้ในทันที ขณะที่อังเดร เอง รู้สึกเหมือนมีแสงสว่างสาดเข้ามาในช่วงชีวิตที่กำลังมืดมน เมื่อเขาจะได้เข้าพบกับผู้นำประเทศที่กล่าวถึงชีวิตของตนเองโดยยกกลอนจาก Invictus มาอธิบายไว้อย่างลึกซึ้งว่า “I am the master of my fate: I am the captain of my soul” (ฉันคือผู้กำหนดโชคชะตาของตนเอง ฉันจะขีดเส้นชีวิตของฉันเอง)
