คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน
กีฬายอดนิยมที่สุดในประเทศ นิว ซีแลนด์ คือ รักบี้ ซึ่งพวกเขาเคยสร้างชื่อให้ชาวโลกยอมรับมาแล้วตั้งแต่เมื่อเกือบ 3 ทศวรรษที่แล้ว แต่ต่อมาด้วยความแข็งแกร่งของชาติอื่นๆที่ในยุคนี้ที่ไม่เพียงแต่ในซีกโลกใต้อย่าง ออสตราเลีย หรือ อัฟริกาใต้ แต่ยังมีประเทศมหาอำนาจรักบี้จาก ทวีปยุโรป ขึ้นมาท้าทาย ทำให้ รักบี้ นิว ซีแลนด์ ก็ต้องถูกดับรัศมีลงไป อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันชิงแชมป์โลกครั้งล่าสุดที่เพิ่งจบลงไป ทีมชาติ นิว ซีแลนด์ สามารถคว้าแชมป์ได้เป็นผลสำเร็จด้วยการเอาชนะ ฝรั่งเศส 8-7 ในนัดชิงชนะเลิศเมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา นี่เป็นการประกาศให้ชาวโลกได้รับรู้ถึงการกลับมาของ โอล แบล็คส์
ราว 140 ปีมาแล้วที่ นิว ซีแลนด์ ได้รู้จักกีฬาชนิดนี้เป็นครั้งแรกโดยการแนะนำของ ชาร์ลส์ จอน มอนโร ( Charles John Monro ) นักศึกษาที่ได้มีโอกาสไปเรียนที่ คริสท์ส ค็อลเลจ ฟินชลี่ย์ ( Christ’ s College Finchley ) ใกล้ๆกับ กรุงลอนเดิ้น ประเทศอังกฤษ และองค์กรรักบี้ก็ถูกก่อตั้งขึ้นที่ ไคร๊สท์เชิร์ช ( Christchurch ) เป็นแห่งแรกในนาม แคนเทอร์เบอรี่ รักบี้ ฟุตบอล ยูเนี่ยน ( Canterbury Rugby Football Union ) ในปี 1879
ความจริงในยุคแรกๆตั้งแต่ปี 1884 ที่ ทีมชาตินิว ซีแลนด์ ออกทัวร์ ประเทศออสตราเลีย ยังใช้สีเสื้อเป็นน้ำเงิน ดำ และมีสัญลักษณ์เป็นใบเฟิร์นสีทองด้วยซ้ำ แล้ว ทอมมัส เอ็ลลิเซิ่น ( Thomas Ellison ) นักรักบี้และผู้เขียนตำรารักบี้เป็นผู้เสนอให้ทีมชาติ นิว ซีแลนด์ ใช้ชุดดำล้วน รวมทั้งตราสัญลักษณ์เป็นใบเฟิร์นสีเงินเป็นครั้งแรกในการประชุมใหญ่ของ สมาคม รักบี้ แห่ง นิว ซีแลนด์ ( New Zealand Rugby Union ) ในปี 1893 แต่จากหลักฐานภาพถ่ายในช่วงปี 1894-96 ยังมีสวมกางเกงสีขาวอยู่บ้าง เพิ่งมาเริ่มสวมชุดดำล้วนในปี 1901
เกี่ยวกับฉายา โอล แบล็คส์ นั้น บิลลี่ ว็อลเลซ ( Billy Wallace ) ดารานักรักบี้ในยุคปี 1905-06 เคยเล่าให้ฟังในปี 1955 ว่า ตอนที่พวกเขาไปตระเวนแข่งในทวีปยุโรป หนังสือพิมพ์ เดลี่ เมล ( Daily Mail ) ของ อังกฤษ เป็นฉบับแรกที่ให้ฉายาพวกเขาว่า โอล แบล็คส์ เนื่องจากทีมชาติ นิว ซีแลนด์ สวมชุดดำล้วน ในขณะที่หนังสือพิมพ์บางฉบับให้เหตุผลง่ายๆของการสวมชุดดำล้วนว่า เป็นการไว้ทุกข์ให้กับทีมคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม นี่ก็คงถือเป็นชาติเดียวในโลกที่มีชุดทีมเหย้าและทีมเยือนเป็นดำล้วนชุดเดียวกัน ยกเว้น ตอนที่ต้องแข่งกับ สก็อทแลนด์ ใน รักบี้ ชิงแชมป์โลก 1995 ที่จำยอมต้องสวมชุดสีขาว และรายการเดียวกันในปี 2007 พวกเขาต้องหันมาสวมชุดสีเทา เมื่อเจอกับ สก็อทแลนด์ และ ฝรั่งเศส
จากสถิติการแข่งขันของ โอล แบล็คส์ ที่พบกับทีมชาติต่างๆในระดับโลกนับรวมจนถึงวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา พวกเขาเจอกับทีมชาติ อัฟริกาใต้ 83 ครั้ง ชนะ 46 เสมอ 3 แพ้ 34 คิดเป็นชัยชนะ 55.4 เพอร์เซ็นท์ เจอทีมชาติ อังกฤษ 34 ครั้ง ชนะ 27 เสมอ 1 แพ้ 6 คิดเป็นชัยชนะ 79.4 เพอร์เซ็นท์ เจอทีมชาติ ออสตราเลีย 143 ครั้ง ชนะ 97 เสมอ 5 แพ้ 41 คิดเป็นชัยชนะ 67.8 เพอร์เซ็นท์ อันนี้เป็นตัวอย่างทีมใหญ่ๆที่บ่งบอกให้เราทราบได้ว่า โอล แบล็คส์ เป็นทีมที่มีสถิติชนะมากที่สุดในประวัติศาสตร์รักบี้ โดยมีผล เฮ้ด-ทู-เฮ้ด เหนือกว่าทุกทีม ยิ่งไปกว่านั้น บางทีมตั้งแต่พบเจอกันมา ยังไม่สามารถเอาชนะ โอล แบล็คส์ ได้เลย แม้เวลาผ่านมาเป็นศตวรรษแล้วก็ตาม เช่น สก็อทแลนด์ อายร์แลนด์ อารเกนตีนา อิตาลี แคนาดา ฟิจิ ซาโมอา และ ต็องกา
โอล แบล็คส์ เคยพบกับความพ่ายแพ้ต่อ ออสตราเลีย 7-28 เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 1999 ซึ่งนั่นถือเป็นความพ่ายแพ้ที่มีสกอร์ห่างกันอย่างมโหฬารที่สุดแล้ว แต่ในทางตรงข้าม พวกเขาเคยสร้างสถิติถล่มคู่แข่งด้วยสกอร์ห่างที่สุดคือ ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 1995 วันนั้นสกอร์ยับยู่ยี่ถึง 145-17 ผมอยากรู้จังว่า โอล แบล็คส์ เจอกับ ทีมชาติไทย ผลจะเป็นอย่างไรครับ
กีฬายอดนิยมที่สุดในประเทศ นิว ซีแลนด์ คือ รักบี้ ซึ่งพวกเขาเคยสร้างชื่อให้ชาวโลกยอมรับมาแล้วตั้งแต่เมื่อเกือบ 3 ทศวรรษที่แล้ว แต่ต่อมาด้วยความแข็งแกร่งของชาติอื่นๆที่ในยุคนี้ที่ไม่เพียงแต่ในซีกโลกใต้อย่าง ออสตราเลีย หรือ อัฟริกาใต้ แต่ยังมีประเทศมหาอำนาจรักบี้จาก ทวีปยุโรป ขึ้นมาท้าทาย ทำให้ รักบี้ นิว ซีแลนด์ ก็ต้องถูกดับรัศมีลงไป อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันชิงแชมป์โลกครั้งล่าสุดที่เพิ่งจบลงไป ทีมชาติ นิว ซีแลนด์ สามารถคว้าแชมป์ได้เป็นผลสำเร็จด้วยการเอาชนะ ฝรั่งเศส 8-7 ในนัดชิงชนะเลิศเมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา นี่เป็นการประกาศให้ชาวโลกได้รับรู้ถึงการกลับมาของ โอล แบล็คส์
ราว 140 ปีมาแล้วที่ นิว ซีแลนด์ ได้รู้จักกีฬาชนิดนี้เป็นครั้งแรกโดยการแนะนำของ ชาร์ลส์ จอน มอนโร ( Charles John Monro ) นักศึกษาที่ได้มีโอกาสไปเรียนที่ คริสท์ส ค็อลเลจ ฟินชลี่ย์ ( Christ’ s College Finchley ) ใกล้ๆกับ กรุงลอนเดิ้น ประเทศอังกฤษ และองค์กรรักบี้ก็ถูกก่อตั้งขึ้นที่ ไคร๊สท์เชิร์ช ( Christchurch ) เป็นแห่งแรกในนาม แคนเทอร์เบอรี่ รักบี้ ฟุตบอล ยูเนี่ยน ( Canterbury Rugby Football Union ) ในปี 1879
ความจริงในยุคแรกๆตั้งแต่ปี 1884 ที่ ทีมชาตินิว ซีแลนด์ ออกทัวร์ ประเทศออสตราเลีย ยังใช้สีเสื้อเป็นน้ำเงิน ดำ และมีสัญลักษณ์เป็นใบเฟิร์นสีทองด้วยซ้ำ แล้ว ทอมมัส เอ็ลลิเซิ่น ( Thomas Ellison ) นักรักบี้และผู้เขียนตำรารักบี้เป็นผู้เสนอให้ทีมชาติ นิว ซีแลนด์ ใช้ชุดดำล้วน รวมทั้งตราสัญลักษณ์เป็นใบเฟิร์นสีเงินเป็นครั้งแรกในการประชุมใหญ่ของ สมาคม รักบี้ แห่ง นิว ซีแลนด์ ( New Zealand Rugby Union ) ในปี 1893 แต่จากหลักฐานภาพถ่ายในช่วงปี 1894-96 ยังมีสวมกางเกงสีขาวอยู่บ้าง เพิ่งมาเริ่มสวมชุดดำล้วนในปี 1901
เกี่ยวกับฉายา โอล แบล็คส์ นั้น บิลลี่ ว็อลเลซ ( Billy Wallace ) ดารานักรักบี้ในยุคปี 1905-06 เคยเล่าให้ฟังในปี 1955 ว่า ตอนที่พวกเขาไปตระเวนแข่งในทวีปยุโรป หนังสือพิมพ์ เดลี่ เมล ( Daily Mail ) ของ อังกฤษ เป็นฉบับแรกที่ให้ฉายาพวกเขาว่า โอล แบล็คส์ เนื่องจากทีมชาติ นิว ซีแลนด์ สวมชุดดำล้วน ในขณะที่หนังสือพิมพ์บางฉบับให้เหตุผลง่ายๆของการสวมชุดดำล้วนว่า เป็นการไว้ทุกข์ให้กับทีมคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม นี่ก็คงถือเป็นชาติเดียวในโลกที่มีชุดทีมเหย้าและทีมเยือนเป็นดำล้วนชุดเดียวกัน ยกเว้น ตอนที่ต้องแข่งกับ สก็อทแลนด์ ใน รักบี้ ชิงแชมป์โลก 1995 ที่จำยอมต้องสวมชุดสีขาว และรายการเดียวกันในปี 2007 พวกเขาต้องหันมาสวมชุดสีเทา เมื่อเจอกับ สก็อทแลนด์ และ ฝรั่งเศส
จากสถิติการแข่งขันของ โอล แบล็คส์ ที่พบกับทีมชาติต่างๆในระดับโลกนับรวมจนถึงวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา พวกเขาเจอกับทีมชาติ อัฟริกาใต้ 83 ครั้ง ชนะ 46 เสมอ 3 แพ้ 34 คิดเป็นชัยชนะ 55.4 เพอร์เซ็นท์ เจอทีมชาติ อังกฤษ 34 ครั้ง ชนะ 27 เสมอ 1 แพ้ 6 คิดเป็นชัยชนะ 79.4 เพอร์เซ็นท์ เจอทีมชาติ ออสตราเลีย 143 ครั้ง ชนะ 97 เสมอ 5 แพ้ 41 คิดเป็นชัยชนะ 67.8 เพอร์เซ็นท์ อันนี้เป็นตัวอย่างทีมใหญ่ๆที่บ่งบอกให้เราทราบได้ว่า โอล แบล็คส์ เป็นทีมที่มีสถิติชนะมากที่สุดในประวัติศาสตร์รักบี้ โดยมีผล เฮ้ด-ทู-เฮ้ด เหนือกว่าทุกทีม ยิ่งไปกว่านั้น บางทีมตั้งแต่พบเจอกันมา ยังไม่สามารถเอาชนะ โอล แบล็คส์ ได้เลย แม้เวลาผ่านมาเป็นศตวรรษแล้วก็ตาม เช่น สก็อทแลนด์ อายร์แลนด์ อารเกนตีนา อิตาลี แคนาดา ฟิจิ ซาโมอา และ ต็องกา
โอล แบล็คส์ เคยพบกับความพ่ายแพ้ต่อ ออสตราเลีย 7-28 เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 1999 ซึ่งนั่นถือเป็นความพ่ายแพ้ที่มีสกอร์ห่างกันอย่างมโหฬารที่สุดแล้ว แต่ในทางตรงข้าม พวกเขาเคยสร้างสถิติถล่มคู่แข่งด้วยสกอร์ห่างที่สุดคือ ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 1995 วันนั้นสกอร์ยับยู่ยี่ถึง 145-17 ผมอยากรู้จังว่า โอล แบล็คส์ เจอกับ ทีมชาติไทย ผลจะเป็นอย่างไรครับ