ASTV ผู้จัดการรายวัน – วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือชาวเยอรมัน หวั่นการลุ้นแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกในช่วงโค้งสุดท้ายจะส่งผลกระทบต่อสภาพร่างกายของนักเตะทีมชาติไทย พร้อมกำชับทุกคนต้องดูแลตัวเองอย่างดีที่สุด เพื่อรักษาความฟิตให้สมบูรณ์เต็มที่ รวมถึงแก้จุดอ่อนต่างๆ สำหรับการลุ้นเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายในศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย
โดย “วินนี” ให้สัมภาษณ์ภายหลัง “ช้างศึก” เปิดบ้านเสมอ ซาอุดีอาระเบีย 0-0 ในนัดที่สามของรอบ 20 ทีมสุดท้าย กลุ่มดี เมื่อวันอังคารที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า “สิ่งที่ควรปรับปรุง คือ เราต้องฟิตสมบูรณ์เต็มร้อยจริงๆ เพราะเกมที่ผ่านมาเราเสียบอลในแดนกลางมาก อีกทั้งการแย่งบอลและการเข้าปะทะก็ต้องทำให้ดีกว่านี้ นอกจากนั้น การเข้าทำและการเล่นลูกโหม่งก็เป็นสิ่งที่เราต้องแก้ไขสำหรับ 2 นัดต่อไปที่จะพบ ซาอุดีอาระเบีย (เยือน 11 พฤศจิกายน) และ ออสเตรเลีย (เหย้า 15 พฤศจิกายน)”
เฮดโค้ชวัย 61 ปี กล่าวต่อไปว่า “การที่ผู้เล่นส่วนใหญ่อยู่ในทีมลุ้นแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกอย่าง ชลบุรี, เมืองทอง และ บุรีรัมย์ พีอีเอ อาจส่งผลกระทบในเรื่องความฟิต เพราะพวกเขาจะต้องเล่นเต็มที่เพื่อความสำเร็จในระดับสโมสร ดังนั้น ผมจึงขอให้พวกเขามีความรับผิดชอบต่อตัวเองในการดูแลร่างกายก่อนกลับมาสู่ทีมชาติไทย ตลอดจนมีความกระหายในการแย่งชิงตำแหน่งตัวจริงด้วย ขณะเดียวกันก็อยากฝากให้สโมสรช่วยดูแลผู้เล่นอีกแรงเช่นกัน เพราะเรายังมีลุ้นเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายอันเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างประวัติศาสตร์เข้าไปเล่นที่บราซิลอยู่”
สำหรับสถานการณ์ล่าสุดในกลุ่มดีหลังจากผ่านไปแล้ว 3 นัด ออสเตรเลีย นำเป็นจ่าฝูงมี 9 คะแนนเต็ม ส่วน ไทย ตามมาเป็นอันดับ 2 มี 4 คะแนน ด้าน ซาอุดีอาระเบีย รั้งที่ 3 มี 2 คะแนน ขณะที่ โอมาน จมบ๊วยของตาราง มีเพียงแต้มเดียว
ทั้งนี้ ทีมชาติไทย มีโปรแกรมลงเตะอุ่นเครื่องกับ เนปาล ในวันที่ 3 พฤศจิกายน จากนั้นจะเดินทางไปเก็บตัวที่ประเทศกาตาร์ในวันที่ 5 พฤศจิกายน เพื่อทำความคุ้นเคยและปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศ ก่อนมุ่งหน้าเข้าสู่ประเทศซาอุดีอาระเบียในวันที่ 9 พฤศจิกายน เพื่อเตรียมตัวลงสนามแข่งขันจริงในอีก 2 วันให้หลัง ก่อนที่จะเดินทางกลับเมืองไทยทันที เนื่องจากมีเกมเฝ้าบ้านปะทะ ออสเตรเลีย รออยู่ในวันที่ 15 พฤศจิกายน
โดย “วินนี” ให้สัมภาษณ์ภายหลัง “ช้างศึก” เปิดบ้านเสมอ ซาอุดีอาระเบีย 0-0 ในนัดที่สามของรอบ 20 ทีมสุดท้าย กลุ่มดี เมื่อวันอังคารที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า “สิ่งที่ควรปรับปรุง คือ เราต้องฟิตสมบูรณ์เต็มร้อยจริงๆ เพราะเกมที่ผ่านมาเราเสียบอลในแดนกลางมาก อีกทั้งการแย่งบอลและการเข้าปะทะก็ต้องทำให้ดีกว่านี้ นอกจากนั้น การเข้าทำและการเล่นลูกโหม่งก็เป็นสิ่งที่เราต้องแก้ไขสำหรับ 2 นัดต่อไปที่จะพบ ซาอุดีอาระเบีย (เยือน 11 พฤศจิกายน) และ ออสเตรเลีย (เหย้า 15 พฤศจิกายน)”
เฮดโค้ชวัย 61 ปี กล่าวต่อไปว่า “การที่ผู้เล่นส่วนใหญ่อยู่ในทีมลุ้นแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกอย่าง ชลบุรี, เมืองทอง และ บุรีรัมย์ พีอีเอ อาจส่งผลกระทบในเรื่องความฟิต เพราะพวกเขาจะต้องเล่นเต็มที่เพื่อความสำเร็จในระดับสโมสร ดังนั้น ผมจึงขอให้พวกเขามีความรับผิดชอบต่อตัวเองในการดูแลร่างกายก่อนกลับมาสู่ทีมชาติไทย ตลอดจนมีความกระหายในการแย่งชิงตำแหน่งตัวจริงด้วย ขณะเดียวกันก็อยากฝากให้สโมสรช่วยดูแลผู้เล่นอีกแรงเช่นกัน เพราะเรายังมีลุ้นเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายอันเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างประวัติศาสตร์เข้าไปเล่นที่บราซิลอยู่”
สำหรับสถานการณ์ล่าสุดในกลุ่มดีหลังจากผ่านไปแล้ว 3 นัด ออสเตรเลีย นำเป็นจ่าฝูงมี 9 คะแนนเต็ม ส่วน ไทย ตามมาเป็นอันดับ 2 มี 4 คะแนน ด้าน ซาอุดีอาระเบีย รั้งที่ 3 มี 2 คะแนน ขณะที่ โอมาน จมบ๊วยของตาราง มีเพียงแต้มเดียว
ทั้งนี้ ทีมชาติไทย มีโปรแกรมลงเตะอุ่นเครื่องกับ เนปาล ในวันที่ 3 พฤศจิกายน จากนั้นจะเดินทางไปเก็บตัวที่ประเทศกาตาร์ในวันที่ 5 พฤศจิกายน เพื่อทำความคุ้นเคยและปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศ ก่อนมุ่งหน้าเข้าสู่ประเทศซาอุดีอาระเบียในวันที่ 9 พฤศจิกายน เพื่อเตรียมตัวลงสนามแข่งขันจริงในอีก 2 วันให้หลัง ก่อนที่จะเดินทางกลับเมืองไทยทันที เนื่องจากมีเกมเฝ้าบ้านปะทะ ออสเตรเลีย รออยู่ในวันที่ 15 พฤศจิกายน