หวั่นกลโกงอิเหนา"บิ๊กจา"สั่งไทยคว้าชัยขาด

ASTV ผู้จัดการรายวัน - "เสธ.จา" พลตรีจารึก อารีราชการัณย์ รองประธานและเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ปลงตกไทยได้เหรียญทองน้อยกว่า "อิเหนา" พร้อมสั่งทุกสมาคมติวเข้มทัพนักกีฬาทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ให้ชนะขาดลอยเท่านั้น เนื่องจากหวั่นเล่ห์เหลี่ยมประเทศเจ้าภาพ โดยเฉพาะกีฬาที่ตัดสินด้วยสายตา

เมื่อเวลา 09.30 น. วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน 2554 นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ ครั้งที่ 1/2554 ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

โดยที่ประชุมได้รายงานความคืบหน้าการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ตามที่ประเทศอินโดนีเซีย เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ ณ เมืองปาเล็มบัง และ เมืองจาการ์ต้า ที่กำหนดจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 11-22 พฤศจิกายน 2554 และกำหนดให้มีการจัดการแข่งขันทั้งสิ้น 42 ชนิดกีฬานั้น

ความคืบหน้าล่าสุด "บิ๊กหนุ่ม" กนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) ได้เผยถึงการเตรียมความพร้อมนักกีฬาว่า "จากที่มีแผนส่งนักกีฬาทีมชาติไทยเข้าร่วมการแข่งขันรวม 39 ชนิด มีนักกีฬาเก็บตัวทั้งสิ้น 856 คน แบ่งเป็นนักกีฬาชาย 475 คน นักกีฬาหญิง 381 คน โดยแบ่งสนามแข่งขันออกเป็น 2 เมือง คือ จาการ์ต้า 19 ชนิดกีฬา และ ปาเล็มบัง 20นิดกีฬา ซึ่งมีแผนเก็บตัวฝึกซ้อมเป็นเวลา 9 เดือน ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม - 7 พฤศจิกายน 2554 ส่วนความคาดหวังสมาคมฯ ได้ประเมินว่าจะได้เหรียญจากการแข่งขันจำนวน 141 เหรียญทอง"

ขณะเดียวกัน "เสธ.จา" พลตรีจารึก อารีราชการัณย์ รองประธานและเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย เผยถึงความหวังเหรียญทองซีเกมส์ว่า "ยอมรับว่าทีมชาติไทยคงได้เหรียญทองน้อยกว่าประเทศเจ้าภาพแน่นอน เนื่องจากอินโดนีเซียได้บรรจุกีฬาพื้นบ้านเพิ่มมาก อีกทั้งเขามีการเก็บตัวฝึกมากกว่า 1 ปี ขณะที่ ไทย ได้เก็บตัวเพียงแค่ 4 เดือนเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้ทีมชาติไทยควรจะชนะอย่างขาดลอยเท่านั้นไม่ใช่เพียงแค่สูสี ที่สำคัญต้องระวังกีฬาจำพวกที่ตัดสินด้วยสายตาเป็นพิเศษ อาทิ วินด์เซิร์ฟ และ เรือใบ อย่างไรก็ตามสมาคมกีฬาต้องเน้นให้นักกีฬามีความเฉียบคมมากว่านี้จึงเหมาะสมแก่การตั้งเป้าเหรียญที่มากเกินไป"

สำหรับการคาดหวังเหรียญทอง "เสธ.จา" กล่าวว่า "การตั้งเป้าหมายไว้ที่ 141 เหรียญทอง ถือว่ายากเกินไปเมื่อ อินโดนีเซีย เป็นประเทศเจ้าภาพ ส่วนตนนั้นขอหวังราว 100 ต้นๆ เท่านั้นก็พอ ทั้งนี้เมื่อนักกีฬาสามารถคว้าเหรียญรางวัลได้ทางผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องควรที่จะให้เงินรางวัลแก่เด็กอย่างรวดเร็วเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติหรือเอเชียต่อไป"

ท้ายนี้ ผู้ว่าการ กกท. กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการผลักดันร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ..... ว่า "ขณะนี้กำลังจะผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการกฤษฎีกาภายในสิ้นเดือนกันยายนก่อนที่จะส่งเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีและให้คณะกรรมาธิการการกีฬา วุฒิสภา ตรวจสอบเพื่อให้เกิดฉบับสมบูรณ์ที่สุดในการเข้าที่ประชุมรัฐสภาเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่จะมีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเน้นให้เกิดการสนับสนุน ส่งเสริมกีฬาอาชีพโดยตรง ซึ่งจะมีการเพิ่มบทลงโทษต่างๆ เพื่อให้ทุกสมาคมกีฬาและผู้ที่เกี่ยวข้องกระทำการอย่างโปร่งใส"