"บิ๊กกาเซ็ม" เกษม จริยวัฒน์วงศ์ ผู้จัดการทีมชาติไทยหวั่น "เสือเหลือง" มาเลเซีย ทำพิษ แต่ก็มีการกระตุ้นบรรดานักเตะทีมชาติไทย มุ่งมั่นเรียกศักดิ์ศรีคว้าเหรียญทองฟุตบอลชายคืนมาให้ได้ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ที่ประเทศอินโดนีเซีย เดือนพฤศจิกายนนี้
เมื่อวันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม 2554 ที่ผ่านมา เกษม จริยวัฒน์วงศ์ ผู้จัดการทีมชาติไทยชุดสู้ศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ระหว่างวันที่ 11-22 พฤศจิกายน ได้เรียกตัว 35 ขุนพลแข้งมารายงานตัวที่อาคาร 300 เตียง ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
โดย เกษม กล่าวถึงการเตรียมงานในครั้งนี้ว่า "นับตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป ผมจะเรียกนักเตะมาเก็บตัวทุกสัปดาห์ ระหว่างวันจันทร์ถึงพุธและปล่อยตัวกลับต้นสังกัดวันพฤหัสบดี โดยจะหาเกมให้ลงสนามทุกวันพุธ ซึ่งเราอาจเชิญสโมสรจากไทยพรีเมียร์ลีก หรือระดับดิวิชั่น 1 ที่ไม่มีโปรแกรมแข่งกลางสัปดาห์มาเตะอุ่นเครื่องที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน หรือไปเยือนสนามของทีมนั้นๆ หรือไม่ก็ติดต่อทีมชาติจากนอกอาเซียน ถ้ามีโอกาสอาจเป็น อุซเบกิสถาน หรือ เติร์กเมนิสถาน"
"การเรียกตัวมาฝึกซ้อมก็ประสงค์ให้นักเตะสร้างความเข้าใจในเกม เป็นการให้โค้ชลองแท็คติกและดูฟอร์มผู้เล่น ก่อนตัดให้เหลือ 20 คนสำหรับไปแข่งซีเกมส์ โดยก่อนเดินทางไปยังประเทศอินโดนีเซีย วันที่ 4 พฤศจิกายน ผมจะเรียกนักเตะมาเก็บตัวยาวติดต่อกัน 15 วัน สถานที่เก็บตัวไม่ที่เชียงใหม่ ก็น่าจะเป็นภูเก็ต จากนั้นเรามีคิวเตะประเดิมนัดแรกวันที่ 7 พฤศจิกายนต่อไป" บิ๊กกาเซ็ม กล่าวต่อ
"ส่วนคู่แข่งที่น่ากลัวในซีเกมส์คราวนี้ คงหนีไม่พ้น มาเลเซีย ที่เราเคยแพ้เมื่อครั้งก่อนที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดย มาเลเซีย ชุดนี้เป็นทีมที่เล่นด้วยกันมานานตั้งแต่ครั้งซิวแชมป์ซูซูกิ คัพ เมื่อปีก่อน และยังสามารถเข้ารอบสามปรีโอลิมปิก เตรียมเจอกับญี่ปุ่นด้วย เรียกได้ว่าทีมเวิร์คน่าจะเข้าขากันพอสมควร ทว่าเราคงประมาทชาติอื่นๆ ไม่ได้ เนื่องจากคงไม่มีใครยอมให้ไทยกลับไปเป็นแชมป์ซีเกมส์ง่ายๆ อย่างไรก็ดี ทั้งอินโดนีเซียหรือสิงคโปร์ มีภารกิจในการคัดเลือกฟุตบอลโลกเหมือนเรา ดังนั้นคงมีการแบ่งทีมเป็นอีกชุดเพื่อแข่งซีเกมส์เช่นกัน โดยรอบแรกคาดว่าโอกาสที่จะเจอ อินโดนีเซีย เจ้าภาพมีสูง เนื่องจากพวกเขาน่าจะหลีกเลี่ยงการพบกับทีมชาติไทยก่อนที่จะถึงรอบชิงชนะเลิศ"
"ทั้งนี้เป้าหมายเดียวของไทยในซีเกมส์ คือเหรียญทองเท่านั้น หลังจากที่เราเคยเสียหน้าชวดแชมป์สมัยที่ 9 ติดต่อกันที่ สปป.ลาว โดยผมมีการกระตุ้นให้นักเตะมองเห็นความสำคัญของซีเกมส์ ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ความหวังของคนไทยทั้งชาติ ก็อยากให้ทุกคนตั้งใจ ส่วนเรื่องกฎระเบียบ ผมอยากเน้นให้งดอบายมุขทุกชนิด ตรงต่อเวลาในการนัดแต่ละครั้ง" ผจก.ทีมชาติไทยทิ้งท้าย
สำหรับทีมงานของ "บิ๊กกาเซ็ม" ในภารกิจล่าเหรียญทอง "อิเหนาเกมส์" ประกอบด้วย "โค้ชเหม่ง" ประพล พงษ์พานิช เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน โดยมี วิฑูรย์ กิจมงคลศักดิ์ เป็นผู้ช่วย ด้าน ธนิศร์ อารีย์สง่ากุล เป็นหนึ่งในสตาฟฟ์โค้ช เช่นเดียวกับ เจริญ กลมเกลี้ยง ที่จะดูแลในส่วนของผู้รักษาประตู
เมื่อวันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม 2554 ที่ผ่านมา เกษม จริยวัฒน์วงศ์ ผู้จัดการทีมชาติไทยชุดสู้ศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ระหว่างวันที่ 11-22 พฤศจิกายน ได้เรียกตัว 35 ขุนพลแข้งมารายงานตัวที่อาคาร 300 เตียง ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
โดย เกษม กล่าวถึงการเตรียมงานในครั้งนี้ว่า "นับตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป ผมจะเรียกนักเตะมาเก็บตัวทุกสัปดาห์ ระหว่างวันจันทร์ถึงพุธและปล่อยตัวกลับต้นสังกัดวันพฤหัสบดี โดยจะหาเกมให้ลงสนามทุกวันพุธ ซึ่งเราอาจเชิญสโมสรจากไทยพรีเมียร์ลีก หรือระดับดิวิชั่น 1 ที่ไม่มีโปรแกรมแข่งกลางสัปดาห์มาเตะอุ่นเครื่องที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน หรือไปเยือนสนามของทีมนั้นๆ หรือไม่ก็ติดต่อทีมชาติจากนอกอาเซียน ถ้ามีโอกาสอาจเป็น อุซเบกิสถาน หรือ เติร์กเมนิสถาน"
"การเรียกตัวมาฝึกซ้อมก็ประสงค์ให้นักเตะสร้างความเข้าใจในเกม เป็นการให้โค้ชลองแท็คติกและดูฟอร์มผู้เล่น ก่อนตัดให้เหลือ 20 คนสำหรับไปแข่งซีเกมส์ โดยก่อนเดินทางไปยังประเทศอินโดนีเซีย วันที่ 4 พฤศจิกายน ผมจะเรียกนักเตะมาเก็บตัวยาวติดต่อกัน 15 วัน สถานที่เก็บตัวไม่ที่เชียงใหม่ ก็น่าจะเป็นภูเก็ต จากนั้นเรามีคิวเตะประเดิมนัดแรกวันที่ 7 พฤศจิกายนต่อไป" บิ๊กกาเซ็ม กล่าวต่อ
"ส่วนคู่แข่งที่น่ากลัวในซีเกมส์คราวนี้ คงหนีไม่พ้น มาเลเซีย ที่เราเคยแพ้เมื่อครั้งก่อนที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดย มาเลเซีย ชุดนี้เป็นทีมที่เล่นด้วยกันมานานตั้งแต่ครั้งซิวแชมป์ซูซูกิ คัพ เมื่อปีก่อน และยังสามารถเข้ารอบสามปรีโอลิมปิก เตรียมเจอกับญี่ปุ่นด้วย เรียกได้ว่าทีมเวิร์คน่าจะเข้าขากันพอสมควร ทว่าเราคงประมาทชาติอื่นๆ ไม่ได้ เนื่องจากคงไม่มีใครยอมให้ไทยกลับไปเป็นแชมป์ซีเกมส์ง่ายๆ อย่างไรก็ดี ทั้งอินโดนีเซียหรือสิงคโปร์ มีภารกิจในการคัดเลือกฟุตบอลโลกเหมือนเรา ดังนั้นคงมีการแบ่งทีมเป็นอีกชุดเพื่อแข่งซีเกมส์เช่นกัน โดยรอบแรกคาดว่าโอกาสที่จะเจอ อินโดนีเซีย เจ้าภาพมีสูง เนื่องจากพวกเขาน่าจะหลีกเลี่ยงการพบกับทีมชาติไทยก่อนที่จะถึงรอบชิงชนะเลิศ"
"ทั้งนี้เป้าหมายเดียวของไทยในซีเกมส์ คือเหรียญทองเท่านั้น หลังจากที่เราเคยเสียหน้าชวดแชมป์สมัยที่ 9 ติดต่อกันที่ สปป.ลาว โดยผมมีการกระตุ้นให้นักเตะมองเห็นความสำคัญของซีเกมส์ ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ความหวังของคนไทยทั้งชาติ ก็อยากให้ทุกคนตั้งใจ ส่วนเรื่องกฎระเบียบ ผมอยากเน้นให้งดอบายมุขทุกชนิด ตรงต่อเวลาในการนัดแต่ละครั้ง" ผจก.ทีมชาติไทยทิ้งท้าย
สำหรับทีมงานของ "บิ๊กกาเซ็ม" ในภารกิจล่าเหรียญทอง "อิเหนาเกมส์" ประกอบด้วย "โค้ชเหม่ง" ประพล พงษ์พานิช เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน โดยมี วิฑูรย์ กิจมงคลศักดิ์ เป็นผู้ช่วย ด้าน ธนิศร์ อารีย์สง่ากุล เป็นหนึ่งในสตาฟฟ์โค้ช เช่นเดียวกับ เจริญ กลมเกลี้ยง ที่จะดูแลในส่วนของผู้รักษาประตู