คอลัมน์ "ลูกฟุตบอลสีชมพู" โดย "ไม้ขีดไฟ"
‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูลเล่นเกมเปิดฤดูกาล 2011 – 12 ในถิ่นแอนฟิลด์บุกยิงประตู ‘แมวดำ’ ซันเดอร์แลนด์ ตั้งแต่นาทีที่ 11 จากลูกโหม่งของหลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกอุรุกวัย แฟนบอลในสนามโห่ร้องเชื่อว่าอีกไม่กี่นาทีลูกที่ 2 จะตามมา แต่ว่าไม่มี
จนกระทั่งนาทีที่ 57 เซบาสเตียน ลาร์สสัน วอลเล่ย์ลูกฟุตบอลผ่านโฆเซ่ เรน่า เข้าไปตุงตาขาย เป็นประตูตีเสมอ 1 – 1 จบเกมแบ่งแต้มกันไป บรรดากองเชียร์เจ้าบ้านพากันต่างผิดหวัง ‘หงส์แดง’ ควรจะแรงฤทธิ์แต่ยังมีบางสิ่งติดๆ ขัดๆ ทีมยังประสานไม่เป็นหนึ่ง
จบเกม เคนนี่ เดลกลิช กุนซือเลือดวิสกี้ไม่ตำหนิลูกทีมที่เก็บ 3 คะแนนในบ้านไม่ได้ ‘คิงเคนนี่’ ยอมรับว่า 4 นักเตะตัวใหม่ที่ลงเป็นตัวจริง ทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ชาร์ลี อดัม, โฆเซ่ เอ็นริเก้ และ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง เก็บอาการประหม่าและตื่นเต้นกับบรรยากาศในแอนฟิลด์
จะว่าไปเดลกลิชก็บ้าดีเดือดเหมือนกัน ที่ส่งโฆเซ่ เอ็นริเก้ กองหลังที่เพิ่งซื้อตัวจากนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แค่วันเดียวลงสนาม นักเตะใหม่ต้องการเวลาเล่นให้เข้ากับเพื่อนร่วมทีมมากกว่านี้
แต่เดลกลิชอาจมองไกลไปกว่านั้น ไหนๆ แผงหลังจะขาดมาร์ติน สเคอเทิล อีกระยะสู้ให้ลงไปรับความกดดันเสียตั้งแต่เกมแรกเสียเลย เกมต่อๆ ไปจะได้คุ้นเคย
กรณีของจอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ชาร์ลี อดัม กับ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ก็เช่นเดียวกัน ในเกมที่ขาดสตีเว่น เจอร์ราร์ด อีกหลายเกม เฮนเดอร์สันกับชาร์ลี อดัม จะช่วยได้ขนาดไหน ซึ่งนักเตะหน้าใหม่ทั้ง 4 คน ก็ไม่ได้ทำอะไรให้เสียหาย พูดตรงๆ ลิเวอร์พูลทั้งทีมยังผสมผสานกันไม่ลงตัว ต้องรอเกมหน้าหรืออีก 2 - 3 เกม ซึ่งนานเกินไป
คืนวันเสาร์โบลตัน วันเดอร์เรอร์สที่นักเตะเก่งเมื่อฤดูกาลที่แล้วไป 2 – 3 คน จะบูกไปถล่มเจ้าบ้านน้องใหม่ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส แหลกยับเยิน 0 – 4 ประตู นับเป็นการออกสตาร์ทที่สวยหรูของกุนซือโอเว่น คอยล์ แม้จะเป็นทีมกลางๆ หรือท้ายฤดูกาลอาจต้องหนีตกชั้น แต่การเริ่มต้นที่ดีกับเกมนอกบ้านทำให้นักเตะมีกำลังใจเป็นกอบเป็นกำ ถ้า 7 – 8 เกมแรก ยังรักษาฟอร์มที่ยอดเยี่ยมไว้ได้
ขณะเดียวกันแฟนๆ จะต้องจับตามองควีนส์ปาร์คด้วย ว่าเกิดอะไรผิดพลาดกับเกมในบ้านที่สมควรจะเก็บชัยชนะให้ได้ นีล วอร์น็อค กุนซือทีม ‘ทหารเสือราชินี’ มีการบ้านให้ทำเพียบหากต้องการเล่นในลีกสูงสุดต่อไป
เกมแรกของอาร์เซนอลที่บุกเสมอนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 0 – 0 แถมกองหน้าถูกตัวใหม่ แชร์วินโญ่ ถูกไล่ออกด้วยแทคติกเดิมๆ ของโจอี้ บาร์ตัน กองกลาง ‘สาลิกาดง’ เป็นหนังเรื่องเดิมซ้ำรอยฤดูกาลที่แล้ว ท้อแท้จนไม่น่าพูดถึง
เชลซีมีคิวบุกสนามบริทาเนียของกับสโต๊ค ซิตี้ ซึ่งไม่ง่ายที่จะเอาชนะลูกทีมของโทนี่ พูลิส ที่มักเล่นในบ้านได้แข็งแกร่ง แถมยังมีกำลังใจหลังผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟยูโรปา ลีกเรียบร้อย หลังเอาชนะ ไฮจ์ดุ๊ค สปลิท ทีมจากโครเอเชีย ด้วยประตูรวมสองนัด 2-0
เชลซีมีสิ่งที่ต้องจับตาหลายอย่าง อย่างแรกคือ อันเดร วิลลาช-โบอาช กุนซือใหม่อายุ 33 จะแสดงฝีมือสุดยอดออกมาเหมือนตอนอยู่ปอร์โต้หรือไม่
อย่างที่สอง เฟร์นานโด้ ตอร์เรส ได้เวลาสำแดงความสามารถจริงๆ ออกมาได้หรือไม่
และดิดิเยร์ ดร็อกบา หมดไฟแล้วจริงๆ หรือไม่
อยากรู้ว่าทีมไหนจะแซงขึ้นไปแย่งอันดับ 1 บนตางรางของโบลตันได้ (ฮา)
‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูลเล่นเกมเปิดฤดูกาล 2011 – 12 ในถิ่นแอนฟิลด์บุกยิงประตู ‘แมวดำ’ ซันเดอร์แลนด์ ตั้งแต่นาทีที่ 11 จากลูกโหม่งของหลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกอุรุกวัย แฟนบอลในสนามโห่ร้องเชื่อว่าอีกไม่กี่นาทีลูกที่ 2 จะตามมา แต่ว่าไม่มี
จนกระทั่งนาทีที่ 57 เซบาสเตียน ลาร์สสัน วอลเล่ย์ลูกฟุตบอลผ่านโฆเซ่ เรน่า เข้าไปตุงตาขาย เป็นประตูตีเสมอ 1 – 1 จบเกมแบ่งแต้มกันไป บรรดากองเชียร์เจ้าบ้านพากันต่างผิดหวัง ‘หงส์แดง’ ควรจะแรงฤทธิ์แต่ยังมีบางสิ่งติดๆ ขัดๆ ทีมยังประสานไม่เป็นหนึ่ง
จบเกม เคนนี่ เดลกลิช กุนซือเลือดวิสกี้ไม่ตำหนิลูกทีมที่เก็บ 3 คะแนนในบ้านไม่ได้ ‘คิงเคนนี่’ ยอมรับว่า 4 นักเตะตัวใหม่ที่ลงเป็นตัวจริง ทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ชาร์ลี อดัม, โฆเซ่ เอ็นริเก้ และ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง เก็บอาการประหม่าและตื่นเต้นกับบรรยากาศในแอนฟิลด์
จะว่าไปเดลกลิชก็บ้าดีเดือดเหมือนกัน ที่ส่งโฆเซ่ เอ็นริเก้ กองหลังที่เพิ่งซื้อตัวจากนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แค่วันเดียวลงสนาม นักเตะใหม่ต้องการเวลาเล่นให้เข้ากับเพื่อนร่วมทีมมากกว่านี้
แต่เดลกลิชอาจมองไกลไปกว่านั้น ไหนๆ แผงหลังจะขาดมาร์ติน สเคอเทิล อีกระยะสู้ให้ลงไปรับความกดดันเสียตั้งแต่เกมแรกเสียเลย เกมต่อๆ ไปจะได้คุ้นเคย
กรณีของจอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ชาร์ลี อดัม กับ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ก็เช่นเดียวกัน ในเกมที่ขาดสตีเว่น เจอร์ราร์ด อีกหลายเกม เฮนเดอร์สันกับชาร์ลี อดัม จะช่วยได้ขนาดไหน ซึ่งนักเตะหน้าใหม่ทั้ง 4 คน ก็ไม่ได้ทำอะไรให้เสียหาย พูดตรงๆ ลิเวอร์พูลทั้งทีมยังผสมผสานกันไม่ลงตัว ต้องรอเกมหน้าหรืออีก 2 - 3 เกม ซึ่งนานเกินไป
คืนวันเสาร์โบลตัน วันเดอร์เรอร์สที่นักเตะเก่งเมื่อฤดูกาลที่แล้วไป 2 – 3 คน จะบูกไปถล่มเจ้าบ้านน้องใหม่ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส แหลกยับเยิน 0 – 4 ประตู นับเป็นการออกสตาร์ทที่สวยหรูของกุนซือโอเว่น คอยล์ แม้จะเป็นทีมกลางๆ หรือท้ายฤดูกาลอาจต้องหนีตกชั้น แต่การเริ่มต้นที่ดีกับเกมนอกบ้านทำให้นักเตะมีกำลังใจเป็นกอบเป็นกำ ถ้า 7 – 8 เกมแรก ยังรักษาฟอร์มที่ยอดเยี่ยมไว้ได้
ขณะเดียวกันแฟนๆ จะต้องจับตามองควีนส์ปาร์คด้วย ว่าเกิดอะไรผิดพลาดกับเกมในบ้านที่สมควรจะเก็บชัยชนะให้ได้ นีล วอร์น็อค กุนซือทีม ‘ทหารเสือราชินี’ มีการบ้านให้ทำเพียบหากต้องการเล่นในลีกสูงสุดต่อไป
เกมแรกของอาร์เซนอลที่บุกเสมอนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 0 – 0 แถมกองหน้าถูกตัวใหม่ แชร์วินโญ่ ถูกไล่ออกด้วยแทคติกเดิมๆ ของโจอี้ บาร์ตัน กองกลาง ‘สาลิกาดง’ เป็นหนังเรื่องเดิมซ้ำรอยฤดูกาลที่แล้ว ท้อแท้จนไม่น่าพูดถึง
เชลซีมีคิวบุกสนามบริทาเนียของกับสโต๊ค ซิตี้ ซึ่งไม่ง่ายที่จะเอาชนะลูกทีมของโทนี่ พูลิส ที่มักเล่นในบ้านได้แข็งแกร่ง แถมยังมีกำลังใจหลังผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟยูโรปา ลีกเรียบร้อย หลังเอาชนะ ไฮจ์ดุ๊ค สปลิท ทีมจากโครเอเชีย ด้วยประตูรวมสองนัด 2-0
เชลซีมีสิ่งที่ต้องจับตาหลายอย่าง อย่างแรกคือ อันเดร วิลลาช-โบอาช กุนซือใหม่อายุ 33 จะแสดงฝีมือสุดยอดออกมาเหมือนตอนอยู่ปอร์โต้หรือไม่
อย่างที่สอง เฟร์นานโด้ ตอร์เรส ได้เวลาสำแดงความสามารถจริงๆ ออกมาได้หรือไม่
และดิดิเยร์ ดร็อกบา หมดไฟแล้วจริงๆ หรือไม่
อยากรู้ว่าทีมไหนจะแซงขึ้นไปแย่งอันดับ 1 บนตางรางของโบลตันได้ (ฮา)