ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ด้วยตัวเลขคลิกชมภาพเคลื่อนไหวผ่าน "ยูทูบ" ศูนย์กลางอัปโหลดและแลกเปลี่ยนคลิปวีดีโอทางเว็บไซต์ 8,770,504 ครั้งต้องยอมรับว่า อวานา ดิอับ แข้ง สหรัฐ อาหรับ เอมิเรตส์ ประสบความสำเร็จกับการหมุนตัว 180 องศาตอกลูกส้นยิงจุดโทษ ในเวลาไล่เลี่ยกัน มาริโอ บาโลเตลลี กองหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี ดันนึกครึ้มอกครึ้มใจโชว์ลีลาแผลงหน้าประตูเกมอุ่นเครื่องที่ประเทศสหรัฐฯ แน่นอนว่าทั้งสองรายถูกเสียงต่อว่าจมหูเหมือนกันในเรื่องที่ว่าไม่ให้เกียรติคู่ต่อสู้และไร้ความเป็นมืออาชีพ
ทว่าทั้งสองกรณีไม่ได้มีกฎข้อห้ามใดระบุเป็นลายลักษณ์อักษร ณ ห้องสมุดของ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ เพราะเป็นเรื่องของสามัญสำนึกถึงสิ่งที่ควรกับไม่ควรรวมถึงมารยาทที่มีต่อคู่แข่ง เพราะหากกลับกันทีมของตัวเองโดนบ้างก็อาจจะไม่พอใจถึงขั้นลงไม้ลงมือ แต่โชคดีที่ทั้งสองเกมเป็นแมตช์อุ่นเครื่องช่วงปรีซีซันจึงถือเป็นกรณีศึกษาชั้นดี รายของ ดิอับ ไม่นานก็คงจะถูกลืม แต่ "พี่โอ้" ค่อนข้างหน้าเป็นห่วง เขาไม่ใช่พระเอกละคร "เพลิงทรนง" ช่องน้อยสี แต่เป็นกองหน้าทีมชาติอิตาลีและด้วยประวัติห่ามก่อนหน้านี้ยิ่งทำให้โดนโจมตีหนักเป็นพิเศษ
เหตุเกิดขึ้นเกมอุ่นเครื่องกับ ลอส แองเลลิส กาแล็คซี บาโตเลลี เกือบเป็นพระเอกอยู่แล้วเมื่อยิงให้ แมนฯซิตี ขึ้นนำแต่หัววัน ทว่านาที 29 โอกาสที่จะบวกสกอร์เพิ่มให้ทีมกลับหมุนตัวพยายามยิงประตูอย่างเหนือชั้นทะลักออกหลังไป โรแบร์โต มันชินี ฉุนขาดเปลี่ยนตัวออกทันทีก่อนมีปากเสียงกัน สุดท้าย "เรือใบสีฟ้า" โดนตีเสมอ 1-1 และเฉือนชนะจากการดวลจุดโทษ แน่นอนว่านายใหญ่ชาวอิตาเลี่ยนทำถูกแล้วเพื่อไม่ให้คนอื่นเอาเยี่ยงอย่างและปรามไม่ให้แข้งวัย 20 ปีคิดทำแบบนี้ตอนแข่งขันเกมอย่างเป็นทางการ
เรื่องนี้น้อยคนนักที่จะเข้าข้าง บาโลเตลลี ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผล "ได้ใจเจ๋งมากคนอื่นคงไม่กล้า" หรือ "หัวใจนายหล่อมาก" หลังเกม ไนเจล เดอ ยอง กองกลางเลือดดัตช์ของ แมนฯซิตี ที่เคยฝากรอยเท้ากลางอก ชาบี อลอนโซ เกมนัดชิงฟุตบอลโลก 2010 ที่แพ้ สเปน ออกมาเตือนเพื่อนร่วมทีมและหวังว่าจะได้รับบทเรียนจากการกระทำครั้งนี้ ส่วน เดวิด เบ็คแฮม ดาวค้างฟ้าวงการฟุตบอลอังกฤษที่อยู่ในสนามวันนั้นเห็นเหตุการณ์ชัดเจนปกป้องด้วยเหตุผลเจ้าตัวอาจจะคิดว่าล้ำหน้า รวมถึงวุฒิภาวะไม่มากพอ แต่สุดท้ายก็ต้องพูดเรื่องความเป็นมืออาชีพว่าไม่ควรทำ
บาโลเตลลี ถือเป็นนักฟุตบอลอารมณ์ศิลปินที่มีโลกส่วนตัวสูงและเข้าใจยาก เชื่อว่าบางครั้งเจ้าตัวก็อาจจะไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เห็นได้จากหลังเกิดเหตุการณ์ไม่มีการออกมาให้สัมภาษณ์ใดๆ ทั้งสิ้นไม่ว่าจะขอโทษหรือแก้ตัว ส่วนใน "เฟซบุ๊ค" เครือข่ายสังคมออนไลน์ของอดีตนักเตะ อินเตอร์ มิลาน มีแฟนบอลทั้งชมและต่อว่ามีข้อความหนึ่งว่า "ผมคิดว่าคุณควรจะเลิกเล่นฟุตบอลได้แล้วและไปหาอะไรทำที่เหมาะกับตัวเองดีกว่า การเล่นลูกแบบนั้นไร้สาระสิ้นดี" ส่วนอีกรายบอกว่า "คุณบ้ามาก แต่ก็ถือเป็นแข้งสัตว์ร้ายของวงการลูกหนัง"
หลังย้ายจาก อินเตอร์ ด้วยค่าตัว 24 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,200 ล้านบาท) เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว บาโลเตลลี สร้างเรื่องที่ถูกพูดถึงมากมายไม่ว่าจะเป็นปีเดียวโดนใบสั่งใน อังกฤษ ที่ถือว่าเข้มงวดมากเรื่องนี้ถึง 27 ใบ, ต่อยกับ เฌโรม บัวเต็ง กองหลังทีมชาติเยอรมนีในสนามซ้อมเมื่อปลายปี 2010, พาเด็กนักเรียนขึ้นรถ "มาเซราติ" สุดหรูไปส่งโรงเรียนหลังอ้างว่าโดดเรียนเพราะถูกเพื่อนแกล้งจึงมาดูแข้ง แมนฯซิตี ซ้อม ปิดท้ายด้วยไม่มาขึ้นรถบัสแห่ถ้วยแชมป์ เอฟเอ คัพ ว่ากันว่าเพราะไม่ยอมให้เอาน้องหมาขึ้นไปด้วย
ไม่ว่าจะมีพฤติกรรมบ้าบิ่นหรือระห่ำขนาดไหน แต่ทุกคนก็ยอมรับเป็นเสียงเดียวกันว่า บาโลเตลลี ที่ตอนอายุ 15 เคยไปทดสอบฝีเท้ากับ บาร์เซโลนา ว่าเป็นนักเตะที่มีความสามารถสูง ซึ่งหากเป็นไปตามที่เจ้าตัวเคยลั่นวาจาไว้ว่าจะกลับ อิตาลี ไปเล่นให้ เอซี มิลาน หนึ่งในสีสันของ พรีเมียร์ชิป อังกฤษ คงหายไปและหลายคนก็คงจะคิดถึงเขาอย่างแน่นอน