ระหว่างที่พรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรคต่อสู้ฟาดฟันกันแบบไม่ใครก็ใครต้องตายกันไปข้าง
อีกมุมหนึ่งในการหาเสียงเลือกตั้งก็ยังมีบรรดาพรรคเล็กพรรคน้อย ที่ร่วมลงอาสาตัวแข่งขันในครั้งนี้ด้วยร่วมทั้งหมดในสมรภูมิ 40 พรรค แต่ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อในฐานะพรรคกระแสหลักหรือกระแสรอง กลายเป็น “พรรคตกกระแส” ไปโดยปริยาย
ซึ่งพรรคเหล่านี้ในฐานะ “ตัวประกอบ” ก็ต้องดิ้นรนหาทางรอด โดยการสร้างสีสันให้สังคมและสื่อมวลชนหันมาจับจ้องให้ความสนใจบ้าง ซึ่งบ้างครั้งก็ได้ผลเช่นกัน
แต่คงไม่ต้องพูดถึง พรรครักประเทศไทย ของ “เสี่ยอ่าง” ชูวิษฎ์ กมลวิศิษฏ์ ที่ส่งผู้สมัครเพียง 10 คน แต่กลับปรากฏเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นพรรคกระแสหลักไปแล้ว ด้วยลีลาของหัวหน้าพรรคที่ปรากฏตัวครั้งใดก็ต้องเป็นข่าว โดยเฉพาะกับรายการคุยข่าวดังที่ “ช่องน้อยสี” ซึ่งส่งทีมมาเดินงานออกาไนซ์ให้ “เสี่ยอ่าง” โดยเฉพาะ
จน “วิน-วิน” ทั้งคนขายข่าวและคนหาเสียง
ขณะที่พรรคเล็กจิ๋วอื่นๆ อย่าง พรรคเพื่อนเกษตรไทย ที่ อุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม หัวหน้าพรรคลงทุนนำควายที่ชนะเลิศการวิ่งแข่งควายจาก จ.ชลบุรี ขี่ไปตามถนนสีลม เพื่อขอคะแนนเสียงจากบรรดาพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของ ซึ่งก็ได้รับความสนใจพอสมควร และก็ได้ลงหน้า 1 ในหนังสือพิมพ์หลายฉบับทีเดียว
หรืออย่าง พรรคความหวังใหม่ และพรรคเครือข่ายขาวนาแห่งประเทศไทย ที่หวังสร้างกระแสตั้งแต่วันสมัคร โดยให้ผู้สมัครขนเหรียญบาทล้วนๆ มาเป็นค่าสมัครจำนวน 5 พันบาท ที่แม้จะเป็น “มุกเก่า” แต่ก็ได้รับความสนใจพอสมควร
แต่ก็ทำได้เพียงเป็นสีสันวูบวาบเท่านั้น เพราะสื่อก็ยังไม่ได้ให้ความสนใจนโยบายของแต่ละพรรคอยู่ดี
ส่วนที่ไปไกลที่สุดแบบไม่เห็นฝั่งต้องยกให้ พรรคพลังคนกีฬา ที่นำโดย “บิ๊กหอย” วนัสธนา หรือธวัชชัย สัจจกุล อดีตผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทยคนดัง ที่ส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบเต็มสูบทั่วประเทศ ที่เคย “เมาไมค์” โวลั่นต่อหน้าสื่อมวลชนว่าตั้งเป้ากวาด ส.ส.250 ที่นั่ง เป็นแกนนำจัดตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ”
ก่อนที่สติจะกลับคืนมาแล้วลดเป้าหมายของตัวเองลงเป็นแค่ 5-6 ที่นั่งเท่านั้น
หันมาดูในส่วนของนโยบายที่แน่นอนย่อมมีนโยบายด้านกีฬาออกมาขาย ในฐานะผู้คว่ำหวอดในแวดวงมาอย่างยาวนาน ทั้ง“บอลไทยไปบอลโลก เลือกบิ๊กหอย” หรือนโยบายด้านยาเสพติดที่ว่า “ขจัดสารตั้งต้นผลิตยาบ้า เลือกบิ๊กหอย” ตรงนี้ยังค่อนข้างคล้ายกับแนวทางของพรรคการเมืองอื่นๆ
แต่ที่น่าประหลาดใจคือนโยบายที่ไม่เหมือนใคร และคงไม่มีใครอยากเหมือน ทั้ง “ผมขอเป็นรัฐมนตรีกีฬา เลือกบิ๊กหอย” หรือ “แก้เศรษฐกิจ เอา ดร.ศุภชัยเป็นนายก”
ทำเอาผู้พบเห็นต่างงุนงงว่าคราวนี้ “บิ๊กหอย” มามุกไหน
เพราะยังไม่ทันไรก็ประกาศจับจองเก้าอี้รัฐมนตรีเสียแล้ว แบบที่ไม่รู้ว่าปรึกษาพรรคแกนนำแล้วหรือยัง
ขณะที่นโยบายทางการเมืองที่ใช้แนวทาง “ชูนายกฯ คนนอก” โดยเสนอชื่อ “ดร.ซุป” ศุกชัย พานิชภักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ก็ไม่เห็นทางที่จะเป็นไปได้ จนมีคำถามไปถึง “บิ๊กหอย” ถึงที่มาที่ไปของแนวคิดนี้ เพราะ “ดร.ซุป” ไม่ได้ลงเลือกตั้งครั้งนี้ จึงไม่เห็นทางที่จะมาเป็น ส.ส.ได้
ซึ่ง “บิ๊กหอย” อรรถาธิบายว่าได้วางแผนมาเป็นอย่างดี โดยจะเสนอให้รัฐบาลเชิญ “ดร.ซุป” มานั่งเป็นรองนายกฯ ควบรักษาการนายกฯ ก่อนที่จะให้ ส.ส.ของพรรคพลังคนกีฬาลาออก ให้ “ดร.ซุป” ลงสมัครเลือกตั้งซ่อม แล้วจึงให้สภาผู้แทนราษฎรเลือก “ดร.ซุป” ให้เป็นนายกฯอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ต้องยกให้เป็นแนวทางใน “อุดมคติ” ที่ลึกซึ้งจริงๆ
ถึงวันนี้ไม่รู้ว่า “บิ๊กหอย” ได้สอบถามทาบทามความสมัครใจไปทาง “ดร.ซุป” แล้วหรือยัง หากจะติดต่อไปก็ไม่ควรไปผิดที่เพราะในเว็บไซต์ของพรรคพลังคนกีฬายังระบุตำแหน่ง “ดร.ซุป” ว่าเป็นผู้อำนวยการองค์การค้าโลก (WTO) อยู่เลย ทั้งๆ ที่วันนี้ “ดร.ซุป” โยกมานั่งเป็นเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรืออังก์ถัด (UNCTAD) ตั้งแต่เมื่อปี 2548 แล้ว
พิสูจน์แล้วว่าการเมืองร้อนๆ ทำให้นักการเมืองเพี้ยนไปได้เหมือนกัน
เสือกระดาษ
อีกมุมหนึ่งในการหาเสียงเลือกตั้งก็ยังมีบรรดาพรรคเล็กพรรคน้อย ที่ร่วมลงอาสาตัวแข่งขันในครั้งนี้ด้วยร่วมทั้งหมดในสมรภูมิ 40 พรรค แต่ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อในฐานะพรรคกระแสหลักหรือกระแสรอง กลายเป็น “พรรคตกกระแส” ไปโดยปริยาย
ซึ่งพรรคเหล่านี้ในฐานะ “ตัวประกอบ” ก็ต้องดิ้นรนหาทางรอด โดยการสร้างสีสันให้สังคมและสื่อมวลชนหันมาจับจ้องให้ความสนใจบ้าง ซึ่งบ้างครั้งก็ได้ผลเช่นกัน
แต่คงไม่ต้องพูดถึง พรรครักประเทศไทย ของ “เสี่ยอ่าง” ชูวิษฎ์ กมลวิศิษฏ์ ที่ส่งผู้สมัครเพียง 10 คน แต่กลับปรากฏเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นพรรคกระแสหลักไปแล้ว ด้วยลีลาของหัวหน้าพรรคที่ปรากฏตัวครั้งใดก็ต้องเป็นข่าว โดยเฉพาะกับรายการคุยข่าวดังที่ “ช่องน้อยสี” ซึ่งส่งทีมมาเดินงานออกาไนซ์ให้ “เสี่ยอ่าง” โดยเฉพาะ
จน “วิน-วิน” ทั้งคนขายข่าวและคนหาเสียง
ขณะที่พรรคเล็กจิ๋วอื่นๆ อย่าง พรรคเพื่อนเกษตรไทย ที่ อุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม หัวหน้าพรรคลงทุนนำควายที่ชนะเลิศการวิ่งแข่งควายจาก จ.ชลบุรี ขี่ไปตามถนนสีลม เพื่อขอคะแนนเสียงจากบรรดาพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของ ซึ่งก็ได้รับความสนใจพอสมควร และก็ได้ลงหน้า 1 ในหนังสือพิมพ์หลายฉบับทีเดียว
หรืออย่าง พรรคความหวังใหม่ และพรรคเครือข่ายขาวนาแห่งประเทศไทย ที่หวังสร้างกระแสตั้งแต่วันสมัคร โดยให้ผู้สมัครขนเหรียญบาทล้วนๆ มาเป็นค่าสมัครจำนวน 5 พันบาท ที่แม้จะเป็น “มุกเก่า” แต่ก็ได้รับความสนใจพอสมควร
แต่ก็ทำได้เพียงเป็นสีสันวูบวาบเท่านั้น เพราะสื่อก็ยังไม่ได้ให้ความสนใจนโยบายของแต่ละพรรคอยู่ดี
ส่วนที่ไปไกลที่สุดแบบไม่เห็นฝั่งต้องยกให้ พรรคพลังคนกีฬา ที่นำโดย “บิ๊กหอย” วนัสธนา หรือธวัชชัย สัจจกุล อดีตผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทยคนดัง ที่ส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบเต็มสูบทั่วประเทศ ที่เคย “เมาไมค์” โวลั่นต่อหน้าสื่อมวลชนว่าตั้งเป้ากวาด ส.ส.250 ที่นั่ง เป็นแกนนำจัดตั้ง “รัฐบาลแห่งชาติ”
ก่อนที่สติจะกลับคืนมาแล้วลดเป้าหมายของตัวเองลงเป็นแค่ 5-6 ที่นั่งเท่านั้น
หันมาดูในส่วนของนโยบายที่แน่นอนย่อมมีนโยบายด้านกีฬาออกมาขาย ในฐานะผู้คว่ำหวอดในแวดวงมาอย่างยาวนาน ทั้ง“บอลไทยไปบอลโลก เลือกบิ๊กหอย” หรือนโยบายด้านยาเสพติดที่ว่า “ขจัดสารตั้งต้นผลิตยาบ้า เลือกบิ๊กหอย” ตรงนี้ยังค่อนข้างคล้ายกับแนวทางของพรรคการเมืองอื่นๆ
แต่ที่น่าประหลาดใจคือนโยบายที่ไม่เหมือนใคร และคงไม่มีใครอยากเหมือน ทั้ง “ผมขอเป็นรัฐมนตรีกีฬา เลือกบิ๊กหอย” หรือ “แก้เศรษฐกิจ เอา ดร.ศุภชัยเป็นนายก”
ทำเอาผู้พบเห็นต่างงุนงงว่าคราวนี้ “บิ๊กหอย” มามุกไหน
เพราะยังไม่ทันไรก็ประกาศจับจองเก้าอี้รัฐมนตรีเสียแล้ว แบบที่ไม่รู้ว่าปรึกษาพรรคแกนนำแล้วหรือยัง
ขณะที่นโยบายทางการเมืองที่ใช้แนวทาง “ชูนายกฯ คนนอก” โดยเสนอชื่อ “ดร.ซุป” ศุกชัย พานิชภักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ก็ไม่เห็นทางที่จะเป็นไปได้ จนมีคำถามไปถึง “บิ๊กหอย” ถึงที่มาที่ไปของแนวคิดนี้ เพราะ “ดร.ซุป” ไม่ได้ลงเลือกตั้งครั้งนี้ จึงไม่เห็นทางที่จะมาเป็น ส.ส.ได้
ซึ่ง “บิ๊กหอย” อรรถาธิบายว่าได้วางแผนมาเป็นอย่างดี โดยจะเสนอให้รัฐบาลเชิญ “ดร.ซุป” มานั่งเป็นรองนายกฯ ควบรักษาการนายกฯ ก่อนที่จะให้ ส.ส.ของพรรคพลังคนกีฬาลาออก ให้ “ดร.ซุป” ลงสมัครเลือกตั้งซ่อม แล้วจึงให้สภาผู้แทนราษฎรเลือก “ดร.ซุป” ให้เป็นนายกฯอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ต้องยกให้เป็นแนวทางใน “อุดมคติ” ที่ลึกซึ้งจริงๆ
ถึงวันนี้ไม่รู้ว่า “บิ๊กหอย” ได้สอบถามทาบทามความสมัครใจไปทาง “ดร.ซุป” แล้วหรือยัง หากจะติดต่อไปก็ไม่ควรไปผิดที่เพราะในเว็บไซต์ของพรรคพลังคนกีฬายังระบุตำแหน่ง “ดร.ซุป” ว่าเป็นผู้อำนวยการองค์การค้าโลก (WTO) อยู่เลย ทั้งๆ ที่วันนี้ “ดร.ซุป” โยกมานั่งเป็นเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรืออังก์ถัด (UNCTAD) ตั้งแต่เมื่อปี 2548 แล้ว
พิสูจน์แล้วว่าการเมืองร้อนๆ ทำให้นักการเมืองเพี้ยนไปได้เหมือนกัน
เสือกระดาษ