“เดอะตุ๊ก” ลาทัพฟ้าลง ส.ส.

“เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตกองหน้าทีมชาติไทย ยอมลาออกจากตำแหน่งในกรมสวัสดิการทหารอากาศ กองทัพอากาศ เพื่อหันเล่นการเมืองอย่างเต็มตัว พร้อมย้ำไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นคนกีฬาที่พร้อมจะพัฒนาตามนโยบาย “รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย พลังไทยสร้างชาติ” ขณะเดียวกัน ได้เปิดตัว “บิ๊กแน็ต” ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ นั่งที่ปรึกษาด้านกีฬาของพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน

เมื่อเวลา 14.00 น.วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม 2554 นายแพทย์ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานแถลงข่าวแถลงนโยบายด้านกีฬา และเปิดตัว “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตศูนย์หน้าทีมชาติไทย และ “บิ๊กแน็ต” ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ณ ที่ทำการพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน

โดย นายแพทย์ วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน กล่าวเปิดงานว่า “การแถลงนโยบายด้านกีฬาในวันนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่อยู่ในนโยบายพรรคทั้งหมด หลังจากได้แถลงนโยบายด้านเศรษฐกิจ จึงได้หันมาสนใจในด้านกีฬา เพราะเห็นว่ากีฬาสามารถทำให้ประชาชนได้ซึมซับคำว่า รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ภายใต้นโยบาย “รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย พลังไทยสร้างชาติ” ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนในชาติเกิดความสามัคคีกันได้”

ขณะเดียวกัน หัวหน้าพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ได้กล่าวเปิดตัว “บิ๊กแน็ต” ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ นายกสมาคมฮอกกี้ และรองประธานคณะกรรมการโอลิมปิก นั่งเป็นที่ปรึกษาด้านกีฬาของพรรค โดย “บิ๊กแน็ต” กล่าวหลังรับตำแหน่งว่า “ผมจะช่วยพัฒนาวงการกีฬาให้ดีขึ้น เพราะกีฬาเป็นสิ่งที่ทุกคนชื่นชอบ และต่างก็หวังว่าจะการเปลี่ยนแปลงในด้านดี ผมจะขอสานความฝันเหล่านั้นเอง”

จากนั้นได้มีการเปิดตัว ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขตสายไหม ของพรรค โดย “เดอะตุ๊ก” กล่าวว่า “ผมมีความรู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าลงเล่นฟุตบอลทีมชาติ หลังจากที่ได้รับเกียรติมาร่วมพรรคการเมือง ซึ่งการเมืองถือเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ การที่ผมเข้ามารับตำแหน่งในพรรค เปรียบเสมือนกูรูด้านกีฬา ไม่ใช่นักการเมือง เพราะทุกวันนี้กีฬาของชาติได้หดหายไป ดังนั้น ผมในฐานะนักกีฬาที่เคยผ่านมาหลายทัวร์นาเมนต์และสัมผัสได้กับคำว่า รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย จึงต้องการให้กีฬาเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนและพัฒนาไปด้านต่างๆ ได้”

“ทั้งนี้ เพื่อความโปร่งใสผมได้ลาออกจากตำแหน่ง นาวาอากาศตรี ของสังกัดกรมสวัสดิการทหารอากาศ กองทัพอากาศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ที่สำคัญ ผมเห็นตัวอย่างการทุ่มเทด้านกีฬามาจาก คุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายกสมาคมลอนเทนนิสแห่งประเทศไทย ที่แม้จะถูกตัดสิทธิ์ทางด้านการเมือง แต่ท่านก็ไม่ทอดทิ้งวงการกีฬา อีกทั้งยังนำพาบุคคลที่มีชื่อเสียงด้านกีฬาระดับโลกมาแข่งขันที่เมืองไทย อย่างไรก็ตาม ผมขอย้ำว่า ผมไม่ได้ทำหน้าที่เป็นนักการเมือง แต่คนกีฬาอย่างผมจะมาร่วมกันสร้างนโยบายกีฬามากกว่า เพื่อพัฒนาวงการกีฬาของไทยให้ก้าวหน้า ส่วนจะลงสมัคร ส.ส.ระบบใดนั้น ขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค”

ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ได้มีเปิดตัว “ซูเปอร์บอล” ภราดร ศรีชาพันธุ์ อดีตนักเทนนิสมืออันดับ 9 ของโลก, “น้องวิว” เยาวภา บุรพลชัย อดีตนักเทควันโดเหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์ 2004 และ อภิรักษ์ อารีย์มิตร อดีตนักรักบี้ทีมชาติ ที่ได้ตัดสินใจลงเล่นการเมืองด้วยการสมัครเป็น ส.ส.ของพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน เช่นกัน

ด้าน "ซูเปอร์บอล" ภราดร ศรีชาพันธุ์ ได้ตอบคำถามถึงกรณีที่อาจถูกตัดสิทธิ์การลงสมัคร ส.ส. เหตุเพราะไม่ได้ไปใช้สิทธิ์การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาว่า "เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของผู้บริหารของพรรคและทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามหากผมโดนตัดสิทธิ์ก็ไม่เสียใจ เพราะผมมีสปิริตความเป็นนักกีฬา ผมยังยินดีที่จะให้ความร่วมมือและพร้อมที่จะทำงานกับพรรค ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ ณ ตอนนั้นผมอาจอยู่ต่างประเทศก็เป็นได้"

สำหรับนโยบายด้านกีฬาของพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน “รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย พลังไทยสร้างชาติ” ประกอบด้วย 10 ข้อ ดังนี้
1.สร้างศูนย์กีฬาทุกตำบลทั่วประเทศ ในลักษณะสนามกีฬาอเนกประสงค์ พร้อมอุปกรณ์กีฬามาตรฐานสากล รวมทั้งมีผู้ฝึกสอนกีฬาประจำตำบล
2.อุดหนุนงบประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อนำไปจัดสรรให้แก่สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยทุกสมาคม และ 1,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อนำไปจัดสรรให้แก่สมาคมกีฬาจังหวัดทุกจังหวัด
3.อุดหนุนเงินสนับสนุนให้กับกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติปีละ 1,000 ล้านบาท
4.จัดตั้งกองทุนสวัสดิการนักกีฬาทีมชาติด้วยประทุนเดิมเริ่มต้น 1,000 ล้านบาท
5.เพิ่มเงินรางวัลให้กับนักกีฬาและบุคลากรทางการกีฬาที่ประสบความสำเร็จชนะเลิศในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติในทุกรายการ อาทิ เหรียญทองโอลิมปิก 20 ล้านบาท จากเดิม 10 ล้านบาท, เอเชียนเกมส์ 2 ล้านบาท จากเดิม 1 ล้านบาท และ ซีเกมส์ 1 ล้านบาท จากเดิม 2 แสนบาท
6.ใช้มาตรการทางด้านภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา ด้วยการยกเว้นภาษีเงินได้ 3 เท่าจากยอดบริจาคเงินให้แก่ผู้บริจาคเงินเพื่อการพัฒนากีฬาของชาติ รวมถึงยกเว้นภาษีให้กับนักกีฬาอาชีพและทีมชาติและนักกีฬาต่างชาติที่เข้ามาแข่งขันในประเทศไทย
7.สร้างที่พักอาศัยประเภทหมู่บ้านอาศัยสำหรับนักกีฬาทีมชาติ
8.จัดให้มีโทรทัศน์ช่องกีฬานานาชาติฟรีทีวี ถ่ายทอดสด 24 ชั่วโมง
9.จัดให้มีการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติในประเทศไทยทุกเดือน
10.บอลไทยไปบอลโลก โดยสร้างทีมชาติไทยให้เป็นแชมป์เอเชีย และเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ด้วยการส่งเสริมฟุตบอลลีกอาชีพและระดับจังหวัดให้มีการแข่งขันกันมากขึ้น จัดหาโค้ชและผู้จัดการทีมฟุตบอลระดับโลกเพื่อสร้างทีมชาติไทยที่ยิ่งใหญ่ จัดสรรงบประมาณให้เพียงพอ และสร้างฟุตบอลทีมชาติตั้งแต่ระดับเยาวชนทั่วประเทศ