นายสมบัติ คุรุพันธ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แสดงความคิดเห็นว่ารัฐบาลใหม่ไม่ควรแยกงานด้านการท่องเที่ยว และกีฬา ออกจากกันตามกระแสข่าว พร้อมยืนยันทำงานได้กับรัฐมนตรีจากทุกพรรค ขอให้มีวิสัยทัศน์เป็นพอ
เมื่อเวลา 13.30 น. ของวันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม 2554 ณ ห้องประชุมกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสมบัติ คุรุพันธ์ ปลัดกระทรวงฯ เป็นประธานในการแถลงข่าวการจัดงานเทศกาลท่องเที่ยวและกีฬา(Tourism & Sports Festival 2011) โดยเป็นการจัดกิจกรรมพิเศษเป็นครั้งแรก เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติฯด้านการท่องเที่ยวและกีฬา เนื่องวโรกาสแห่งการเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 โดยร่วมกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดงานดังกล่าวขึ้น ณ บริเวณ Hall 3 อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 15-17 กรกฏาคม 2554 ช่วงเวลา 10.00-21.00 น.ของทุกวัน
พร้อมกันนี้ "ปลัดฯสมบัติ" ยังได้ตอบคำถามถึงกระแสข่าวที่ว่าก่อนหน้านี้ พรรคเพื่อไทย ที่ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา วางแผนแยกงานด้านการท่องเที่ยว และกีฬาออกจากกันว่า "ผมไม่เคยได้ยินเรื่องดังกล่าว แต่ก็เชื่อว่าจะไม่เป็นอย่างที่กังวลกัน เนื่องจากที่ผ่านมาเกือบ 9 ปี กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีการทำงานทั้งสองด้านประสานกันมาเป็นอย่างดี อีกทั้งหากต้องแยกออกเป็นสองกระทรวงจริง จะทำให้ต้องเพิ่มบุคลากร และงบประมาณอีกจำนวนมาก ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะเหมาะสมในสถานการณ์ดังกล่าว"
ขณะเดียวกันนายสมบัติ กล่าวต่อถึงความต้องการของบุคลากรในกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาว่าต้องการรัฐมนตรีที่มีคุณสมบัติเช่นไรว่า "ผมคงไม่สามารถกำหนดคุณสมบัติของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคนใหม่ได้ แต่ก็เชื่อว่าจะได้บุคคลที่เหมาะสม มีวิสัยทัศน์ในการบริหารจัดการที่ดี และบุคลากรในกระทรวงพร้อมที่จะทำงานกับรัฐมนตรีท่านใหม่ไม่ว่าจะเป็นใคร หรือคนจากพรรคใดก็ตาม"
นอกจากนี้ปลัดฯท่องเที่ยวและกีฬา เผยถึงการเตรียมนโยบายต่างๆ เสนอรัฐมนตรีคนใหม่ด้วยว่า "ที่ผ่านมามีการเรียกประชุมหัวหน้าหน่วยงานภายในกระทรวงว่ามีงานใดบ้างที่ยังคั่งค้างอยู่ และจำเป็นต้องทำให้สำเร็จ รวมถึงมีงานหรือนโยบายใดที่เห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี และต้องการริเริ่มโครงการใหม่ เพื่อสรุปให้แล้วเสร็จก่อนนำเสนอให้รัฐมนตรีกระทรวงคนใหม่พิจารณา"
ท้ายที่สุด "ปลัดฯสมบัติ" กล่าวถึงความต้องการจากรัฐบาลใหม่ว่า "กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สามารถนำรายได้เข้าสู่ประเทศจากการท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก แต่กลับมีงบประมาณในการบริหารจัดการจำนวนน้อยมาก ทั้งที่ต้องดูแลงานทั้งด้านการท่องเที่ยว และด้านกีฬา ซึ่งหากอยากให้ประเทศชาติประสบความสำเร็จในเรื่องกีฬาก็ต้องขอความกรุณารัฐบาลใหม่ให้พิจารณาเพิ่มงบประมาณให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ขณะที่งานด้านการท่องเที่ยวแม้ที่ผ่านมาจะมีวิกฤติภายในประเทศ อีกทั้งมีการปะทะกันกับประเทศเพื่อนบ้าน ก็ยังมีนักท่องเที่ยวหลั่งใหลเข้าประเทศเป็นจำนวนที่ลดลงไปไม่มาก ดังนั้นเชื่อว่าอนาคตถ้ารัฐบาลใหม่ทำให้สถานการณ์ภายในและภายนอกสงบได้ก็จะทำให้มีนักท่องเที่ยวและรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้นอีก"