แอลเอ เลเกอร์ส ยอดทีมแห่งศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) เป็นข่าวเสนอส่ง ลามาร์ โอดอม พาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด กำลังเสริมตัวเก่งให้แก่ มินเนโซตา ทิมเบอร์วูล์ฟส เพื่อแลกกับสิทธิดราฟท์รอบแรก อันดับ 2 ของปี 2011
ใกล้วันดราฟท์เข้ามาทุกขณะ (คืนวันพฤหัสบดีที่ 23 มิ.ย.ตามวัน-เวลาท้องถิ่นในนิวอาร์ก นิวเจอร์ซีย์) หลายทีมเป็นข่าวพร้อมเทรดตัวผู้เล่นเพื่อขยับสิทธิการดราฟท์ขึ้นมาเลือกนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย หรือผู้เล่นต่างชาติที่แฟรนไชส์ต้องการ โดย แอลเอ เลเกอร์ส เป็นข่าวหมายปองสิทธิดราฟท์อันดับ 2 ของ มินเนโซตา ทิมเบอร์วูล์ฟส อยู่เช่นกัน
ก่อนหน้านี้มีกระแส เลเกอร์ส กำลังคิดที่จะเปลี่ยนผู้เล่นในตำแหน่งฟรอนท์คอร์ต เล็งไปที่ เควิน เลิฟ ของ "ที-วูล์ฟส" ทว่าคู่แข่งร่วมฝั่งตะวันตก ต้องการ เพา กาซอล มาเป็นการแลกเปลี่ยน จากนั้นบอร์ดบริหารขุนพล "ม่วง-ทอง" เบนเป้ามาที่สิทธิดราฟท์อันดับ 2 ของปี 2011 ซึ่ง ทิมเบอร์วูล์ฟส ก็ยังอยากได้ กาซอล ดีกรีทีมชาติสเปน หรือเล่นของหวงอย่าง แอนดรูว์ บายนัม เซ็นเตอร์แห่งอนาคตของเลเกอร์ส ซึ่งโอกาสเกิดขึ้นแทบไม่มีความเป็นไปได้
ทำให้สื่อมะกันรายงานเพิ่มเติมว่า เลเกอร์ส ยื่นข้อเสนอเป็น โอดอม แทน เพื่อให้ดีดขึ้นไปดราฟท์อันดับ 2 รองจาก คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ซึ่งก็น่าจะได้ เดอร์ริค วิลเลียมส์ ฟอร์เวิร์ดดาวเด่นของมหาวิทยาลัยอริโซนา ร่วมทัพ หรือไม่หาก "แคฟส์แมน" ชิงเลือก วิลเลียมส์ ก็ถือว่า เลเกอร์ส คุ้มค่าสำหรับการเทรด เพราะจะทำให้ คายรี เออร์วิง การ์ดจ่ายจากม.ดุ๊ค หล่นมาใส่มือ กรณี "ที-วูล์ฟส" ยอมเทรด โอดอม แต่แหล่งข่าวเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น
สำหรับ เลเกอร์ส มีผู้เล่นหลัก 30 ปี หรือมากกว่าในทีมถึง 10 คน เมื่อซีซันที่ผ่านมา ทำให้ ไมค์ บราวน์ เฮดโค้ชคนใหม่ต้องการปรับทีมด้วยการดึงเลือดใหม่สู่ถิ่นสเตเปิล เซ็นเตอร์ ซึ่งเป้าหมายจริงๆ คือทีมอยากได้ พอยน์ทการ์ดรายใหม่เข้ามาช่วย ดีเร็ค ฟิสเชอร์ หรือหาตัวแม่นๆ เสริมวงนอก แต่การไม่มีสิทธิรอบแรกเลยทำให้โอกาส เลเกอร์ส แทบไม่มีลุ้นพวกหัวแถว ส่อชวดแม้กระทั่ง โนแลน สมิธ การ์ดจากม.ดุ๊ค เนื่องจากคงไม่หล่นมาถึงอันดับ 41, 46, 56 หรือ 58 แน่นอน
ในส่วนของ โอดอม ทำเฉลี่ย 14.4 แต้ม 8.7 รีบาวด์ 3.0 แอสซิสต์ ต่อเกมให้ เลเกอร์ส เมื่อซีซันที่ผ่านมา โดยเป็นตัวจริง 35 เกม ตลอดอาชีพการเล่น 12 ปี เฉลี่ย 14.6 แต้ม 8.9 รีบาวด์ 4.0 แอสซิสต์ โดยฤดูกาลหน้า ฟอร์เวิร์ดวัย 31 ปี มีการันตีค่าจ้าง 8.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 267 ล้านบาท) ขณะที่ปีถัดไปการันตีค่าเหนื่อยจะลดลง และมีค่าฉีกสัญญาแค่ 2 ล้านเหรียญฯ (ราว 60 ล้านบาท)
ใกล้วันดราฟท์เข้ามาทุกขณะ (คืนวันพฤหัสบดีที่ 23 มิ.ย.ตามวัน-เวลาท้องถิ่นในนิวอาร์ก นิวเจอร์ซีย์) หลายทีมเป็นข่าวพร้อมเทรดตัวผู้เล่นเพื่อขยับสิทธิการดราฟท์ขึ้นมาเลือกนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย หรือผู้เล่นต่างชาติที่แฟรนไชส์ต้องการ โดย แอลเอ เลเกอร์ส เป็นข่าวหมายปองสิทธิดราฟท์อันดับ 2 ของ มินเนโซตา ทิมเบอร์วูล์ฟส อยู่เช่นกัน
ก่อนหน้านี้มีกระแส เลเกอร์ส กำลังคิดที่จะเปลี่ยนผู้เล่นในตำแหน่งฟรอนท์คอร์ต เล็งไปที่ เควิน เลิฟ ของ "ที-วูล์ฟส" ทว่าคู่แข่งร่วมฝั่งตะวันตก ต้องการ เพา กาซอล มาเป็นการแลกเปลี่ยน จากนั้นบอร์ดบริหารขุนพล "ม่วง-ทอง" เบนเป้ามาที่สิทธิดราฟท์อันดับ 2 ของปี 2011 ซึ่ง ทิมเบอร์วูล์ฟส ก็ยังอยากได้ กาซอล ดีกรีทีมชาติสเปน หรือเล่นของหวงอย่าง แอนดรูว์ บายนัม เซ็นเตอร์แห่งอนาคตของเลเกอร์ส ซึ่งโอกาสเกิดขึ้นแทบไม่มีความเป็นไปได้
ทำให้สื่อมะกันรายงานเพิ่มเติมว่า เลเกอร์ส ยื่นข้อเสนอเป็น โอดอม แทน เพื่อให้ดีดขึ้นไปดราฟท์อันดับ 2 รองจาก คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ซึ่งก็น่าจะได้ เดอร์ริค วิลเลียมส์ ฟอร์เวิร์ดดาวเด่นของมหาวิทยาลัยอริโซนา ร่วมทัพ หรือไม่หาก "แคฟส์แมน" ชิงเลือก วิลเลียมส์ ก็ถือว่า เลเกอร์ส คุ้มค่าสำหรับการเทรด เพราะจะทำให้ คายรี เออร์วิง การ์ดจ่ายจากม.ดุ๊ค หล่นมาใส่มือ กรณี "ที-วูล์ฟส" ยอมเทรด โอดอม แต่แหล่งข่าวเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดขึ้น
สำหรับ เลเกอร์ส มีผู้เล่นหลัก 30 ปี หรือมากกว่าในทีมถึง 10 คน เมื่อซีซันที่ผ่านมา ทำให้ ไมค์ บราวน์ เฮดโค้ชคนใหม่ต้องการปรับทีมด้วยการดึงเลือดใหม่สู่ถิ่นสเตเปิล เซ็นเตอร์ ซึ่งเป้าหมายจริงๆ คือทีมอยากได้ พอยน์ทการ์ดรายใหม่เข้ามาช่วย ดีเร็ค ฟิสเชอร์ หรือหาตัวแม่นๆ เสริมวงนอก แต่การไม่มีสิทธิรอบแรกเลยทำให้โอกาส เลเกอร์ส แทบไม่มีลุ้นพวกหัวแถว ส่อชวดแม้กระทั่ง โนแลน สมิธ การ์ดจากม.ดุ๊ค เนื่องจากคงไม่หล่นมาถึงอันดับ 41, 46, 56 หรือ 58 แน่นอน
ในส่วนของ โอดอม ทำเฉลี่ย 14.4 แต้ม 8.7 รีบาวด์ 3.0 แอสซิสต์ ต่อเกมให้ เลเกอร์ส เมื่อซีซันที่ผ่านมา โดยเป็นตัวจริง 35 เกม ตลอดอาชีพการเล่น 12 ปี เฉลี่ย 14.6 แต้ม 8.9 รีบาวด์ 4.0 แอสซิสต์ โดยฤดูกาลหน้า ฟอร์เวิร์ดวัย 31 ปี มีการันตีค่าจ้าง 8.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 267 ล้านบาท) ขณะที่ปีถัดไปการันตีค่าเหนื่อยจะลดลง และมีค่าฉีกสัญญาแค่ 2 ล้านเหรียญฯ (ราว 60 ล้านบาท)
