ASTVผู้จัดการรายวัน - กีฬาฟุตบอลไม่ได้มีความหมายเพียงแค่ผลการแข่งขัน 90 นาทีในสนามเท่านั้น เพราะปัจจุบันนี้มันได้แปรเปลี่ยนเป็นสินค้าที่มีความเป็นสากลมากที่สุด โดยผ่านกระบวนการจัดการให้กลายเป็น "สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง" ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด การหาสปอนเซอร์ รวมไปถึงสินค้าอุปกรณ์กีฬาชนิดต่างๆ โดยความนิยมกีฬาฟุตบอลกับคนไทยมีประวัติศาสตร์ร่วมกันมายาวนานตั้งแต่การถ่ายทอดสดเฉพาะคู่ มาจนถึงทุกคู่ ในขณะที่ผู้รับลิขสิทธิ์ต่างก็หมุนเวียนเปลี่ยนมือกันไปจากเคเบิลทีวีจนมาถึงธุรกิจฟรีทีวี และ กลุ่มธุรกิจบันเทิง ที่ยอมทุ่มทุนซื้อลิขสิทธิ์มาเผยแพร่จนประสบความสำเร็จอย่างมากมาย
ทั้งนี้ปี 2554 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งเมื่อ "จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่" ค่ายบันเทิงยักษ์ใหญ่ของเมืองไทยได้ประกาศรวบรวมเนื้อหาทุกประเภทเปลี่ยนจุดยืนเป็นเครือข่ายบันเทิงให้บริการลูกค้าอย่างลงตัว "จีเอ็มเอ็ม สปอร์ต" หน่วยงานธุรกิจใหม่ที่ดำเนินกิจกรรมทางการตลาดกีฬาฟุตบอลภายใต้การควบคุมดูแลของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ ยูฟา โดย "อากู๋" ไพบูลย์ ดำรงค์ชัยธรรม ประธานกรรมการบริษัทจีเอ็มเอ็มแกรมมี่จำกัด (มหาชน) เผยถึงยุทธศาสตร์ด้านการกีฬาว่า "เราจะเสริมสร้างศักยภาพการสร้างรายได้ด้วยการรุกเข้าสู่ธุรกิจกีฬาอย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากกระแสความนิยมกีฬาของคนทั่วโลกจะส่งผลให้ธุรกิจกีฬาเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยจะนำเอาจุดแข็งของความเป็นบริษัทบันเทิงที่เรามีความถนัดมาผสมผสานเข้ากับธุรกิจกีฬาให้ออกมาในรูปแบบสปอร์ตเทนเมนต์"
"โดยหลังจากที่บริษัทฯ ได้ลงทุน 300 ล้านบาท ในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลจากยูฟา ตลอดระยะเวลา 3 ปี ระหว่างปี 2554-2556 อาทิ การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป หรือ ยูโร 2012, ฟุตบอล ยูโร ยู 21 ปี 2554 และ 2556, ฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรปหญิง ปี 2556 และอื่นๆ ซึ่งลิขสิทธิ์ที่ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ได้รับไม่ใช่แค่สิทธิ์ในการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์เหมือนเช่นที่ผ่านมา หากแต่เป็นสิทธิ์ทั้งหมดของการแข่งขันโดยแกรมมี่ประเดิมการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป รุ่นอายุต่ำกว่า 21 ปี ระหว่างวันที่ 11-26 มิ.ย. นี้ ซึ่งสามารถรับชมได้จากการรับสัญญาณผ่านเสาอากาศฟรีทีวีทั่วไป ทางช่อง 3, โมเดิร์นไนท์ทีวี และ ช่อง MCOT1 ส่วนผู้รับชมผ่านจานดาวเทียมจะไม่สามารถรับชมได้ เนื่องจากเป็นข้อกำหนดของยูฟาในการควบคุมสัญญาณการเผยแพร่ที่จะต้องอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น โดยการถ่ายทอดสดครั้งนี้ถือเป็นการชิมลางของแกรมมี่ ก่อนถึงศึกใหญ่อย่างศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2012 ที่ประเทศยูเครนและโปแลนด์ จะร่วมกันเป็นเจ้าภาพในช่วงกลางปีหน้า”
ขณะเดียวกัน กอบเกียรติ แสงวนิชย์ กรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาธุรกิจ และสายงาน แกรมมี่ สปอร์ต ที่เคยร่วมงานใต้ร่มเงาค่าย "อาร์เอส" มายาวนาน เผยถึงสิทธิ์การถ่ายทอดสดในเมืองไทยว่า "ก่อนที่ แกรมมี่จะตัดสินใจซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลจาก ยูฟา เราได้มีการศึกษาถึงข้อสัญญาและสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากว่า 6 เดือน พร้อมได้มีการว่าจ้างสำนักงานกฏหมายจากต่างประเทศเพื่อให้ดูแลเรื่องลิขสิทธิ์ทั้งหมด โดยเฉพาะภาพเคลื่อนไหวที่ ยูฟา ได้มอบอำนาจให้ แกรมมี่เป็นผู้มีอำนาจอย่างเต็มตัว สำหรับการจัดเก็บลิขสิทธิ์ตามร้านผับหรือไม่นั้น ในเบื้องต้นทาง แกรมมี่ ไม่มีกลยุทธ์ทางด้านการค้ากับร้านผับอยู่แล้ว เพราะเราจะให้การสนับสนุนมากกว่า ทั้งนี้หากเขารับชมก็จะต้องรับสัญญาณตามช่องฟรีทีวีตามปกติ ทว่าอยากจะให้มันมีความคมชัดมากขึ้นก็ต้องมาซื้อเครื่องรับสัญญาณจากแกรมมี่โดยตรง"
"นอกจากนี้ในเดือนตุลาคมทาง แกรมมี่ มีแผนเปิดช่องกีฬาผ่านดาวเทียมอีก 3 ช่อง เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจการกีฬา ประกอบด้วยช่อง International Sports, Local Spotrs และ Action Sports โดยใช้ศักยภาพของ แกรมมี่ ในการบริหารธุรกิจบันเทิงและสื่อผนวกเข้ากับการสนับสนุนจากพันธมิตรทางการค้าในการทำกิจกรรม "สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง" โดยคาดว่าในช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 จะเป็นช่วงที่เห็นผลในด้านการสร้างรายได้อย่างชัดเจนที่สุด จากการใช้จ่ายเงินผ่านสื่อและการจัดกิจกรรมการตลาดของบรรดาสปอนเซอร์" กรรมการผู้จัดการสายงานแกรมมี่ สปอร์ต กล่าวเสริม
สำหรับ จีเอ็มเอ็ม สปอร์ต นอกจากจะเป็นอีกยุทธศาสตร์หลักในการดำเนินธุรกิจของ บริษัท จีเอ็ทเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ที่นำเสนอต่อลูกค้าที่ต้องการใช้กระแส "ฟุตบอลฟีเวอร์" เป็นกลไกที่จะสร้างสินค้าของเหล่านั้นเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับประเทศได้อย่างง่ายดายแล้ว ยังถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับแฟนบอลชาวไทยมีโอกาสสามารถรับชมการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรปรายการต่างๆ ผ่านสัญญาณช่องฟรีทีวีแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ตลอดทัวร์นาเมนต์เลยทีเดียว
