เดิร์ก โนวิตซกี พลาดโอกาสนำ ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ คัมแบ็กอีกครั้ง เมื่อโดน คริส บอช ปล่อยทีเด็ดช่วย ไมอามี ฮีท บุกมาปล้นคืน 88-86 คะแนน ขึ้นนำซีรีส์รอบชิงใหญ่ศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) เป็น 2-1 เกม เมื่อช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2554
ที่ดัลลัส : อุตส่าห์บุกไปชิงมาได้หนึ่งเกม (95-93 คะแนน) จากการไล่หลังจากเป็นรอง 15 แต้มในเกมที่สอง ที่ฟลอริดา ทว่ากลับมาเล่นในถิ่น "แมฟส์แมน" ทรงเกมยังดูเป็นรอง ไมอามี ฮีท แม้ เดิร์ก โนวิตซกี พาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด ชาวเยอรมันพยายามนำต้นสังกัดคัมแบ็กอีกครั้ง แต่หนนี้ไม่สำเร็จ
ในครึ่งแรก ทีมเยือนมากันดีมีช่วงทิ้งห่าง 2 หลัก แต่ปลายควอเตอร์ที่สอง ดีเวย์น เหว็ด การ์ดแม่ทัพไปเสียฟาล์วในจังหวะส่องสามแต้ม ทว่า เจสัน คิดด์ เก็บลงได้แค่สอง ทำให้กวดเหลือ 42-47 คะแนน ลุยครึ่งหลัง ฮีท ออกตัวแรงอีกครั้งรัน 8-0 แต้ม และก็มีบางช่วงที่หนีไปไกล 14 แต้ม อย่างไรก็ตาม ก่อนจบเกม 6.31 นาที โนวิตซกี เริ่มแผลงฤทธิ์นำเจ้าถิ่นกลับมาไล่ 75-81 คะแนน
เกมมาตื่นเต้นช่วงท้ายอีกครั้ง คริส บอช ฟอร์เวิร์ดผู้มาเยือนฉีกไปมุมซ้ายชู้ตระยะ 16 ฟุต ซวบห่วง ขณะที่เหลือ 39.6 วินาที ฮีท นำ 88-86 คะแนน ถัดมา "เดิร์ก" จ่ายพลาดเป็นเทิร์นโอเวอร์ ทีมเยือนเอาไปผลาญช็อตคล็อกเกือบหมด แต่ เลอบรอน เจมส์ ชู้ตไม่ลง โนวิตซกี รีบาวด์พร้อมเรียกเวลานอก อย่างไรก็ดี ท้ายที่สุด ฟอร์เวิร์ดซูเปอร์สตาร์ทีมชาติเยอรมนี ก็พลาดจากการชู้ต 18 ฟุต กระแทกขอบห่วง ทำให้ ฮีท กลับมาได้เปรียบ แม้สองเกมถัดไป แมฟเวอร์ริกส์ ยังจะได้เล่นที่อเมริกันแอร์ไลน์ส เซ็นเตอร์ เช้าวันพุธและศุกร์นี้ตามวัน-เวลาประเทศไทย
โดยเกมที่เพิ่งผ่านไป ฮีท อาศัย "ดี-เหว็ด" ปล่อยทีเด็ดอีกครั้งทำไป 29 แต้ม 11 รีบาวด์ 3 แอสซิสต์ บอช ช่วย 18 แต้ม 3 รีบาวด์ เลอบรอน เสริม 17 แต้ม 3 รีบาวด์ 9 แอสซิสต์ ขณะที่ "แมฟส์แมน" อาศัย โนวิตซกี ทำคนเดียว 34 แต้ม 11 รีบาวด์ เจสัน เทอร์รี ลุกจากม้านั่งสำรองสอยอีก 15 แต้ม แต่ไม่ดีพอ
ซึ่งก็ทำให้ ฮีท เริ่มคิดถึงการย้ำแค้น แมฟเวอร์ริกส์ (ปี 2006 ทุบ 4-2 เกม) พร้อมเถลิงแชมป์สมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์ได้เหมือนกัน เพราะตั้งแต่ NBA เปลี่ยนระบบรอบชิงมาใช้แบบ 2-3-2 เกม ผู้ชนะ 4 จาก 7 เกมก่อนครอง "แลร์รี โอไบรอัน โทรฟี" ตั้งแต่ปี 1985 เมื่อซีรีส์เสมอกัน 1-1 เกม แล้วทีมใดคว้าชัยได้ในเกมที่ 3 จะเป็นฝ่ายคว้าแชมป์ในบ้ันปลายทั้ง 11 ครั้ง
หลังเกม เหว็ด ออกมาให้สัมภาษณ์ "นี่เป็นอีกหนึ่งชัยชนะของทั้งหมด คุณต้องการชนะเกมแบบนี้ ด้วยการใช้เกมรับหยุดยั้งและเราก็หยุดเอาไว้ได้"
ด้าน คิดด์ ซึ่งเกมนี้ทำไป 9 แต้ม 10 แอสซิสต์ กล่าวเช่นกัน "เราต้องมีใครขึ้นมาเคียงข้าง เดิร์ก (โนวิตซกี) เมื่อเราต้องลุยกันขึ้นไป สิ่งสำคัญคือเราสามารถสร้างเพลย์ได้ในช่วงท้ายเกม ซึ่งเกมสองเราทำได้ แต่เกมสามเราแค่ทำมันไม่ได้เท่านั้น"
ที่ดัลลัส : อุตส่าห์บุกไปชิงมาได้หนึ่งเกม (95-93 คะแนน) จากการไล่หลังจากเป็นรอง 15 แต้มในเกมที่สอง ที่ฟลอริดา ทว่ากลับมาเล่นในถิ่น "แมฟส์แมน" ทรงเกมยังดูเป็นรอง ไมอามี ฮีท แม้ เดิร์ก โนวิตซกี พาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด ชาวเยอรมันพยายามนำต้นสังกัดคัมแบ็กอีกครั้ง แต่หนนี้ไม่สำเร็จ
ในครึ่งแรก ทีมเยือนมากันดีมีช่วงทิ้งห่าง 2 หลัก แต่ปลายควอเตอร์ที่สอง ดีเวย์น เหว็ด การ์ดแม่ทัพไปเสียฟาล์วในจังหวะส่องสามแต้ม ทว่า เจสัน คิดด์ เก็บลงได้แค่สอง ทำให้กวดเหลือ 42-47 คะแนน ลุยครึ่งหลัง ฮีท ออกตัวแรงอีกครั้งรัน 8-0 แต้ม และก็มีบางช่วงที่หนีไปไกล 14 แต้ม อย่างไรก็ตาม ก่อนจบเกม 6.31 นาที โนวิตซกี เริ่มแผลงฤทธิ์นำเจ้าถิ่นกลับมาไล่ 75-81 คะแนน
เกมมาตื่นเต้นช่วงท้ายอีกครั้ง คริส บอช ฟอร์เวิร์ดผู้มาเยือนฉีกไปมุมซ้ายชู้ตระยะ 16 ฟุต ซวบห่วง ขณะที่เหลือ 39.6 วินาที ฮีท นำ 88-86 คะแนน ถัดมา "เดิร์ก" จ่ายพลาดเป็นเทิร์นโอเวอร์ ทีมเยือนเอาไปผลาญช็อตคล็อกเกือบหมด แต่ เลอบรอน เจมส์ ชู้ตไม่ลง โนวิตซกี รีบาวด์พร้อมเรียกเวลานอก อย่างไรก็ดี ท้ายที่สุด ฟอร์เวิร์ดซูเปอร์สตาร์ทีมชาติเยอรมนี ก็พลาดจากการชู้ต 18 ฟุต กระแทกขอบห่วง ทำให้ ฮีท กลับมาได้เปรียบ แม้สองเกมถัดไป แมฟเวอร์ริกส์ ยังจะได้เล่นที่อเมริกันแอร์ไลน์ส เซ็นเตอร์ เช้าวันพุธและศุกร์นี้ตามวัน-เวลาประเทศไทย
โดยเกมที่เพิ่งผ่านไป ฮีท อาศัย "ดี-เหว็ด" ปล่อยทีเด็ดอีกครั้งทำไป 29 แต้ม 11 รีบาวด์ 3 แอสซิสต์ บอช ช่วย 18 แต้ม 3 รีบาวด์ เลอบรอน เสริม 17 แต้ม 3 รีบาวด์ 9 แอสซิสต์ ขณะที่ "แมฟส์แมน" อาศัย โนวิตซกี ทำคนเดียว 34 แต้ม 11 รีบาวด์ เจสัน เทอร์รี ลุกจากม้านั่งสำรองสอยอีก 15 แต้ม แต่ไม่ดีพอ
ซึ่งก็ทำให้ ฮีท เริ่มคิดถึงการย้ำแค้น แมฟเวอร์ริกส์ (ปี 2006 ทุบ 4-2 เกม) พร้อมเถลิงแชมป์สมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์ได้เหมือนกัน เพราะตั้งแต่ NBA เปลี่ยนระบบรอบชิงมาใช้แบบ 2-3-2 เกม ผู้ชนะ 4 จาก 7 เกมก่อนครอง "แลร์รี โอไบรอัน โทรฟี" ตั้งแต่ปี 1985 เมื่อซีรีส์เสมอกัน 1-1 เกม แล้วทีมใดคว้าชัยได้ในเกมที่ 3 จะเป็นฝ่ายคว้าแชมป์ในบ้ันปลายทั้ง 11 ครั้ง
หลังเกม เหว็ด ออกมาให้สัมภาษณ์ "นี่เป็นอีกหนึ่งชัยชนะของทั้งหมด คุณต้องการชนะเกมแบบนี้ ด้วยการใช้เกมรับหยุดยั้งและเราก็หยุดเอาไว้ได้"
ด้าน คิดด์ ซึ่งเกมนี้ทำไป 9 แต้ม 10 แอสซิสต์ กล่าวเช่นกัน "เราต้องมีใครขึ้นมาเคียงข้าง เดิร์ก (โนวิตซกี) เมื่อเราต้องลุยกันขึ้นไป สิ่งสำคัญคือเราสามารถสร้างเพลย์ได้ในช่วงท้ายเกม ซึ่งเกมสองเราทำได้ แต่เกมสามเราแค่ทำมันไม่ได้เท่านั้น"
