สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ มีกรณีศึกษาให้ได้ดูเป็นตัวอย่าง หลัง อินโดนีเซีย ที่ยังไม่สามารถจัดการเลือกตั้งประมุขลูกหนังได้ รอดพ้นจากการถูกแบนโดย สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ที่ให้โอกาสครั้งสุดท้ายในการสรรหาผู้นำองค์กรลูกหนังของประเทศภายในวันที่ 30 มิถุนายนนี้
สืบเนื่องจากปัญหาวุ่นวายภายในวงการลูกหนังแดนอิเหนาปีนี้ ซึ่ง อาริฟิน ปานิโกโร มหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจน้ำมันได้จัดการแข่งขันฟุตบอลลีกในประเทศภายใต้ชื่อ “อินโดนีเซีย พรีเมียร์ลีก” แยกตัวออกมาจาก “อินโดนีเซีย ซูเปอร์ลีก” ที่ดำเนินการโดยสมาคมฟุตบอลอินโดนีเซีย (พีเอสเอสไอ) ก่อให้เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายระหว่างขั้วอำนาจเดิมกับกลุ่ม “นักปฏิวัติ” จนกลายเป็นความขัดแย้ง ทำให้ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งนายกสมาคมได้
หลังจากนั้น ฟีฟ่า ได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเข้ามาดูแลเพื่อให้ พีเอสเอสไอ จัดการเลือกตั้งประมุขลูกหนังได้ โดยขีดเส้นตายในเบื้องต้นไว้ในวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่แล้วการเลือกตั้งก็มีอันล่มลงไปก่อนเดดไลน์เพียง 1 วัน
ทำให้เป็นที่คาดกันว่า อินโดนีเซีย จะถูกฟีฟ่าสั่งแบน ห้ามลงเล่นในการแข่งขันระดับนานาชาติ ซึ่งรวมถึงฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง ที่มีคิวลงเตะกับ เติร์กเมนิสถาน ในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ และการแข่งขันฟุตบอล กับ ฟุตซอล ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ซึ่ง “อิเหนา” เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 11-22 พฤศจิกายนนี้ จนอาจกระทบต่อชาติอื่นๆ ที่ตั้งใจส่งทีมเข้าชิงเหรียญทอง เนื่องจากไม่มีการจัดการแข่งขันเพราะเจ้าภาพหมดสิทธิ์ลงชิงชัย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ตูบากุส อาดี โฆษกของพีเอสเอสไอออกมาแถลงภายหลังการตัดสินของฟีฟ่าว่า “เราดีใจที่ ฟีฟ่า ให้โอกาส อินโดนีเซีย อีกครั้งในการจัดการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ก่อนวันที่ 30 มิถุนายนนี้ แต่หากเรายังไม่สามารถสะสางปัญหาได้อีกคาดว่า ฟีฟ่า คงไม่ปรานีเหมือนคราวนี้อย่างแน่นอน”
อนึ่ง จากปัญหาความขัดแย้งในการเลือกตั้งประมุขลูกหนังแดนอิเหนาที่ล่มลงไปดังกล่าว ทำให้ ฟีฟ่า สั่งแบนผู้สมัครชิงตำแหน่งทั้ง ปานิโกโร, จอร์จ ทอยซุตตา ผู้บัญชาการกองทัพบก ตลอดจน นูร์ดิน ฮาลิด อดีตนายกสมาคมฯ ที่พ้นจากเก้าอี้ไปแล้วหลังจากมีส่วนพัวพันกับการคอร์รัปชัน
ทั้งนี้ ปัจจุบัน อินโดนีเซีย รั้งอันดับ 130 บนตารางฟีฟ่าแรงกิง ต่ำกว่า เอธิโอเปีย และ เยเมน
สืบเนื่องจากปัญหาวุ่นวายภายในวงการลูกหนังแดนอิเหนาปีนี้ ซึ่ง อาริฟิน ปานิโกโร มหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจน้ำมันได้จัดการแข่งขันฟุตบอลลีกในประเทศภายใต้ชื่อ “อินโดนีเซีย พรีเมียร์ลีก” แยกตัวออกมาจาก “อินโดนีเซีย ซูเปอร์ลีก” ที่ดำเนินการโดยสมาคมฟุตบอลอินโดนีเซีย (พีเอสเอสไอ) ก่อให้เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายระหว่างขั้วอำนาจเดิมกับกลุ่ม “นักปฏิวัติ” จนกลายเป็นความขัดแย้ง ทำให้ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งนายกสมาคมได้
หลังจากนั้น ฟีฟ่า ได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเข้ามาดูแลเพื่อให้ พีเอสเอสไอ จัดการเลือกตั้งประมุขลูกหนังได้ โดยขีดเส้นตายในเบื้องต้นไว้ในวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่แล้วการเลือกตั้งก็มีอันล่มลงไปก่อนเดดไลน์เพียง 1 วัน
ทำให้เป็นที่คาดกันว่า อินโดนีเซีย จะถูกฟีฟ่าสั่งแบน ห้ามลงเล่นในการแข่งขันระดับนานาชาติ ซึ่งรวมถึงฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง ที่มีคิวลงเตะกับ เติร์กเมนิสถาน ในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ และการแข่งขันฟุตบอล กับ ฟุตซอล ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ซึ่ง “อิเหนา” เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 11-22 พฤศจิกายนนี้ จนอาจกระทบต่อชาติอื่นๆ ที่ตั้งใจส่งทีมเข้าชิงเหรียญทอง เนื่องจากไม่มีการจัดการแข่งขันเพราะเจ้าภาพหมดสิทธิ์ลงชิงชัย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ตูบากุส อาดี โฆษกของพีเอสเอสไอออกมาแถลงภายหลังการตัดสินของฟีฟ่าว่า “เราดีใจที่ ฟีฟ่า ให้โอกาส อินโดนีเซีย อีกครั้งในการจัดการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ก่อนวันที่ 30 มิถุนายนนี้ แต่หากเรายังไม่สามารถสะสางปัญหาได้อีกคาดว่า ฟีฟ่า คงไม่ปรานีเหมือนคราวนี้อย่างแน่นอน”
อนึ่ง จากปัญหาความขัดแย้งในการเลือกตั้งประมุขลูกหนังแดนอิเหนาที่ล่มลงไปดังกล่าว ทำให้ ฟีฟ่า สั่งแบนผู้สมัครชิงตำแหน่งทั้ง ปานิโกโร, จอร์จ ทอยซุตตา ผู้บัญชาการกองทัพบก ตลอดจน นูร์ดิน ฮาลิด อดีตนายกสมาคมฯ ที่พ้นจากเก้าอี้ไปแล้วหลังจากมีส่วนพัวพันกับการคอร์รัปชัน
ทั้งนี้ ปัจจุบัน อินโดนีเซีย รั้งอันดับ 130 บนตารางฟีฟ่าแรงกิง ต่ำกว่า เอธิโอเปีย และ เยเมน