โอกาสสร้างความยิ่งใหญ่คว้าทริปเปิลแชมป์ซ้ำรอยปี 1999 พังทลายไปแล้วสำหรับ "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นอกจากนี้ยังจะเจอกับโปรแกรม 5 นัดอันตรายที่ต้องลงสนามรอบ 16 วัน ซึ่งจะส่งผลสำคัญยิ่งต่อการลุ้น 2 แชมป์ที่เหลือว่าจะจบฤดูกาลแบบมือเปล่าหรือไม่
แมนฯยู เพิ่งกระเด็นตกรอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ หลังพ่าย แมนเชสเตอร์ ซิตี 0-1 สถานการณ์ของศึก พรีเมียร์ชิป เมื่อวันอังคารที่ 19 เมษายนที่่ผ่านมาบุกไปทำได้แค่เสมอ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 0-0 แน่นอนว่าเหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้กับ อาร์เซนอล และอาจจะรวมถึง เชลซี เนื่องจาก "ผีแดง" ต้องเจอกับทั้ง 2 ทีมช่วง 100 เมตรสุดท้ายของฤดูกาลนี้
จากนี้ 5 นัด แมนฯยู เตรียมเจอกับช่วงหฤโหดเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 23 เมษายนนี้เกมลีกเปิด โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รับมือ เอฟเวอร์ตัน ซึ่งก็เอาชนะไปได้แบบหืดจับ 1-0 จากประตูชัยก่อนหมดเวลา 6 นาทีของ ฮาเวียร์ เฮร์นานเดซ ตามด้วยไปเยือน ชาลเก 04 ศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก วันอังคารที่ 26 เม.ย.และไปเยือน อาร์เซนอล เกมลีกวันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคมนี้ จากนั้นรับมือ ชาลเก นัดสองวันพุธที่ 4 พ.ค.ปิดท้ายด้วยเกมลีกรับมือ เชลซี วันอาทิตย์ที่ 8 พ.ค.
มองถึงสถานการณ์คว้าแชมป์ พรีเมียร์ชิป ก่อน แมนฯยู กุมความได้เปรียบอยู่ก็จริง แต่ปีที่แล้วที่เสียแชมป์ให้กับ เชลซี ด้วยความห่างแค่แต้มเดียวก็ต้องเขกกะโหลกตัวเอง เพราะแม้จะคว้าชัย 4 นัดหลังสุด แต่พลาดก่อนหน้านั้นเกมเดียวคือนัดเสมอ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 0-0 ปีนี้ถือว่าโปรแกรมหนักกว่าและต้องไปเยือน "กุหลาบไฟ" นัดรองสุดท้ายก่อนปิดด้วยการพบ แบล็คพูล
แมนฯยู ผ่านไปแล้ว 1 ด่านเหลืออีก 4 ด่าน โดยเกมกับ เอฟเวอร์ตัน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นายใหญ่ "ผีแดง" ใจถึงและเสี่ยงไม่น้อยกับการส่ง 3 หอกลงไปบดท้ายเกมจนได้ประตูชัยในที่สุด นอกจากนี้ไปเยือน อาร์เซนอล ก็รู้กันอยู่ว่าปีนี้ "ผีแดง" เล่นนอกบ้านไม่ดีอาจจะหวังแค่ 1 แต้ม ตามด้วยรับมือ เชลซี ที่ปีที่แล้วแพ้คาถ้ำ 1-2
ส่วนการเจอกับ ชาลเก ก็จะประมาทไม่ได้ เพราะ "ราชันสีน้ำเงิน" ไม่ฟลุ๊คแน่นอนกับการเข้าถึงรอบตัดเชือก แชมเปียนส์ ลีก ที่ผ่านมา แมนฯยู ก็เคยถูกทีมจาก เยอรมนี เขี่ยตกรอบมาแล้วไม่ว่าจะเป็น บาเยิร์น มิวนิค รอบ 8 ทีมสุดท้ายเมื่อปีที่แล้ว รวมถึง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์