ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ตกเป็นฝ่ายตามหลัง อาร์เซนอล ตลอดทั้งเกมก่อนฮึดตามตีเสมอ 3-3 ได้สำเร็จแบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนนในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งต่างฝ่ายต่างบุกแลกหมัดกันอย่างสุดมัน
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ.2554
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 3-3 อาร์เซนอล
ศึกลอนดอนดาร์บีแมตช์กลางสัปดาห์ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ทีมอันดับ 5 เปิดสนามไวท์ ฮาร์ท เลน รับการมาเยือนของ อาร์เซนอล รองจ่าฝูง เกมนี้เจ้าถิ่นได้ ปีเตอร์ เคราช์ ที่ติดโทษแบนจากยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก กลับมาลงล่าตาข่ายกับ โรมัน พาฟลูเชนโก ขณะที่ แกเร็ธ เบล นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ (พีเอฟเอ) คนล่าสุดก็ลงเดินเกมรุกทางกราบซ้าย ส่วนทีมเยือนได้ บาการี ซานญา หายเจ็บเข่ากลับมายืนแบ็กขวา โดยมี ธีโอ วัลคอตต์, เชส ฟาเบรกาส, ซาเมียร์ นาสรี เดินเกมรุกหลัง โรบิน ฟาน เพอร์ซี หัวหอกตัวเป้า
เริ่มเกมมาเป็น “ไก่เดือยทอง” ที่เปิดฉากบุกเข้าใส่ตั้งแต่ต้น ทว่ากลับเป็น “ปืนใหญ่” ที่ฉวยโอกาสพังประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 อย่างรวดเร็วในนาทีที่ 5 เมื่อ เชส ฟาเบรกาส พลิกบอลหนี วิลเลียม กัลลาส ตรงกลางสนามแล้วจ่ายเข้าช่องให้ ธีโอ วัลคอตต์ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปแปหนีมือ เออเรลโญ โกเมส เสียบมุมอย่างเยือกเย็น อย่างไรก็ตาม สเปอร์ส มาตีเสมอ 1-1 อย่างทันควันในนาทีที่ 7 หลังจาก เวดราน ชอร์ลูกา เปิดให้ ฟาน เดอร์ ฟาร์ท จับบอลลงแล้วแตะหนี อาบู ดิยาบี ก่อนซัดด้วยขวาเสียบเสาแรกอย่างเฉียบขาด
จากนั้นเกมก็เปิดแลกกันอย่างสนุก นาทีที่ 11 ซาเมียร์ นาสรี จ่ายให้ ฟาน เพอร์ซี ทะลุขึ้นไปทางด้านซ้ายของเขตโทษแล้วกดมุมแคบถูก โกเมส ทุบทิ้งออกหลังไปได้ ถัดมานาทีที่ 12 เดอะ กันเนอร์ส ก็ออกนำอีกครั้งเป็น 2-1 โดย นาสรี ทำชิ่งกับ ดิยาบี แล้วตะบันเต็มข้อหน้าเขตโทษส่งลูกลอดขา ไมเคิล ดอว์สัน หนีมือ โกเมส ตุงตาข่ายชนิดสะใจแฟนบอลปืนใหญ่ จากนั้น ไก่เดือยทอง ก็พยายามเอาคืนให้ได้แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่ดีพอ นาทีที่ 22 ชอร์ลูกา หนุนขึ้นมาหวดนอกเขตโทษ ลูกเฉี่ยวเสาแรกออกหลัง
ผ่านมานาทีที่ 29 อาร์เซนอล ชวดได้ประตูที่ 3 อย่างน่าเสียดาย เมื่อ ฟาน เพอร์ซี ตวัดให้ วัลคอตต์ หลุดกับดักล้ำหน้าอีกครั้ง ทว่าหนนี้หัวหอกจรวดทางเรียบแปหนีมือ โกเมส ถากโคนเสาสองไปเพียงแค่คืบเท่านั้น 2 นาทีต่อมา สเปอร์ส มีโอกาสจากการซัดระยะ 20 หลาของ ลูกา โมดริช แต่ วอยเซียค เชสนี ยังล้มตัวเซฟไว้ได้ นาทีที่ 35 ฟาน เดอร์ ฟาร์ท เปิดลูกเตะมุมให้ กัลลาส โขกเล่นทางออกหลังไป
ปืนใหญ่มาทะลวงตาข่ายหนีห่างเป็น 3-1 ในนาทีที่ 40 จากความผิดพลาดของ กัลลาส ที่สกัดลูกเปิดของ บาการี ซานญา ไม่เด็ดขาด วัลคอตต์ จึงตามไปเก็บแล้วเปิดให้ ฟาน เพอร์ซี โหม่งหนแรกถูก โกเมส เซฟบนเส้นก่อนตามซ้ำดาบสองจ่อๆ ไม่เหลือซาก ต่อมา แกเร็ธ เบล ปะทะกับ เชสนี จนได้รับบาดเจ็บเข่าซ้ายต้องหิ้วปีกออกไปข้างสนาม ก่อนที่ ทอม ฮัดเดิลสตัน จะตั้งป้อมหวดหน้าเขตโทษ ฟาน เดอร์ ฟาร์ท กระโดดปล่อยบอลพุ่งลอดขาเข้าไปอย่างเด็ดขาด ทำให้ สเปอร์ส ตีตื้นเป็น 2-3 ก่อนจบครึ่งแรก
ครึ่งหลัง ไก่เดือยทองเปลี่ยนตัว 2 คนเอา อารอน เลนนอน ลงมาแทน เบล ที่เจ็บ และ ยูเนส กาบูล แทน ชอร์ลูกา นาทีที่ 48 ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ได้ปั่นฟรีคิกระยะหวังผลข้ามคานไปแบบใกล้เคียง จากนั้นปืนใหญ่แก้เกมบ้างโดยส่ง แจ๊ค วิลเชียร์ ลงไปคุมเกมแทน ดิยาบี แต่นาทีที่ 54 สเปอร์ส มีลุ้นตีเสมอจาก ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ที่หลุดเข้าไปกระหน่ำในเขตโทษถูก เชสนี พุ่งปัดสุดตัวออกหลังไปได้อีก 3 นาทีต่อมา เดอะ กันเนอร์ส อาศัยจังหวะโต้กลับส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายโดย ฟาเบรกาส วางบอลให้ ฟาน เพอร์ซี ตะบัน โกเมส ปัดไม่อยู่ทะลักเข้าไป แต่ไลน์แมนยกธงให้ ฟาน เพอร์ซี ล้ำหน้าไปก่อน
กระทั่งนาทีที่ 70 เจ้าบ้านมาได้จุดโทษ เมื่อ เลนนอน อาศัยความเร็วสปีดเข้าไปในเขตโทษแล้วถูก เชสนี คว้าขาล้มลง ฟาน เดอร์ ฟาร์ท รับหน้าที่สังหารไม่พลาดตีเสมอเป็น 3-3 จนได้ 2 นาทีต่อมา สเปอร์ส เกือบพลิกสถานการณ์ขึ้นนำได้ เมื่อ กาบูล เติมขึ้นมาทางขวาแล้วปาดเข้ากลางให้ โมดริช แปเน้นๆ เชสนี ล้มตัวถลำไปผิดทางแล้วแต่ยังใช้ขาเซฟเอาไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ นาทีที่ 73 ปืนใหญ่ก็เกือบขยับสกอร์ได้อีกเช่นกันจากการยิงของ ฟาเบรกาส แต่ โกเมส ยังล้มตัวปัดด้วยปลายมือออกหลังไปได้
เกมยังเปิดแลกกันอย่างสนุกตื่นเต้น นาทีที่ 79 เคราช์ ได้โขกจ่อๆ ชนิดน่าเป็นประตู ทว่า เชสนี โชว์ซูเปอร์เซฟปัดข้ามคานออกไปได้อย่างน่าเสียวไส้ จากนั้น เดอะ กันเนอร์ส เทหมดหน้าตักส่ง นิคลาส เบนดท์เนอร์ กับ อังเดร อาร์ชาวิน ลงมาแทน นาสรี และ วัลคอตต์ ที่เริ่มหายไปจากเกม ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีการทำสกอร์เพิ่ม ครบ 90 นาทีจึงเสมอกันอย่างดุเดือด 3-3 ทำให้ สเปอร์ส มี 54 คะแนน อยู่อันดับ 5 ตามเดิม ส่วน อาร์เซนอล มี 64 คะแนน หล่นลงมาอยู่อันดับ 3 ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่าฝูง 6 แต้มเท่าเดิม
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ - เออเรลโญ โกเมส, เวดราน ชอร์ลูกา, ไมเคิล ดอว์สัน, วิลเลียม กัลลาส, เบอนัวต์ อัสซู-เอกอตโต, ลูกา โมดริช, ทอม ฮัดเดิลสตัน, ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท, แกเร็ธ เบล, ปีเตอร์ เคราช์, โรมัน พาฟลูเชนโก
อาร์เซนอล - วอยเซียค เชสนี, บาการี ซานญา, โยฮัน ฌูรู, โลร็องต์ กอสเซียลนี, กาแอล กลิชี, อเล็กซานเดอร์ ซง, อาบู ดิยาบี, ธีโอ วัลคอตต์, เชส ฟาเบรกาส, ซาเมียร์ นาสรี, โรบิน ฟาน เพอร์ซี
ส่วนผลอีกคู่หนึ่ง เชลซี เฝ้ารังสแตมฟอร์ด บริดจ์ สยบ เบอร์มิงแฮม ซิตี 3-1 โดย “สิงโตน้ำเงินคราม” ได้ประตูจาก ฟลอรองต์ มาลูดา เหมา 2 ลูกในนาทีที่ 3 และ 62 อีกลูกมาจาก ซาโลมง กาลู ในนาทีที่ 26 ส่วน “ลูกโลก” ตีไข่แตกจากจุดโทษของ เซบาสเตียน ลาร์สสัน นาทีที่ 77 จบเกมนี้ เชลซี มี 64 คะแนนขึ้นมาอยู่อันดับ 2 แทน อาร์เซนอล ด้วยผลต่างประตูได้-เสียที่ดีกว่า ขณะที่ เบอร์มิงแฮม อยู่อันดับ 15 มี 38 คะแนน