"เดอะบลูส์" เบอร์มิงแฮม ซิตี อาศัยประตูส้มหล่นของ โอบาเฟมี มาร์ตินส์ ก่อนหมดเวลานาทีเดียวช่วยให้เฉือนชนะ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล 2-1 ผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลคาร์ลิง คัพ ประจำฤดูกาล 2010/11 ไปครองเมื่อคืนวันอาทิตย์
ศึกฟุตบอล คาร์ลิง คัพ นัดชิงชนะเลิศ
อาร์เซนอล 1-2 เบอร์มิงแฮม ซิตี
อาร์แซน เวนเกอร์ มีปัญหาในการจัดทัพ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล อยู่บ้างในการชิงชัยคาร์ลิง คัพ เมื่อไร้ เชส ฟาเบรกาส กับ ธีโอ วัลค็อตต์ แต่ก็ใส่ อังเดร อาร์ชาวิน และ โทมัส โรซิคกี ลงไปปั้นเกม ส่วน โลร็องต์ กอสเซลนี กับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ฟิตลงเล่นเป็นตัวจริง ด้าน อเล็กซ์ แม็คลีช ไม่มีเรื่องให้กังวลสำหรับ "เดอะบลูส์" เบอร์มิงแฮม แต่มีการปรับแท็คติกมาเล่นแบบ 4-5-1 อัดกลางแน่นด้วยการใส่ คีธ ฟาฮีย์ ลงไปเพิ่มเติม แดนหน้าห้อย นิโกลา ซิกิซ หอกร่างโย่งคอยค้ำ
เริ่มเกมการแข่งขัน เบอร์มิงแฮม ลุยใส่ทันทีนาทีที่ 2 แฟนๆ "เดอะบลูส์" เซ็งไปตามๆ กันเมื่อ ลี โบว์เยอร์ หลุดเข้ากรอบโทษโดน วอจ์เซียช เซสนี รวบล้มและน่าจะเป็นจุดโทษ ทว่าผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าอย่างน่ากังขา เพราะยังมี กาแอล กลิชี ยืนห้อยเป็นคนสุดท้าย ถัดมา อาร์เซนอล ลุยใส่บ้าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี จ่ายให้ อังเดร อาร์ชาวิน หลุดเข้าไปหมุนตัวยิงด้วยซ้ายในกรอบโทษทว่าบอลบด เบน ฟอสเตอร์ จึงรับไว้ได้ไม่ยาก ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรก ทั้งสองฝ่ายเปิดเกมแลกใส่กันอย่างสนุกทีเดียว
อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 28 เบอร์มิงแฮม มาออกนำ 1-0 เมื่อ เซบาสเตียน ลาร์สสัน เปิดลูกเตะมุมให้ โรเจอร์ จอห์นสัน โหม่งตั้งให้ นิโกลา ซิกิซ อาศัยความสูงโขกเช็ดก่อน เซสนี ชกได้ถึงทำให้บอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย หกนาทีถัดมา "เดอะบลูส์" ชวดโอกาสหนีห่างเมื่อ เคร็ก การ์ดเนอร์ พักอกจะเล่นในกรอบโทษทว่าโดน โยฮัน ฌูรู กระแทกล้มลงไป ผู้ตัดสิน ไมค์ ดีน ให้ได้เปรียบเมื่อเห็นบอลหลุดไปที่ ซิกิซ ทว่าดาวยิงทีมชาติเซอร์เบียดันแปไปติดบล็อก เซสนี ถึงนาที 39 อาร์เซนอล ตามเสมอได้ 1-1 จังหวะแรก แจ็ค วิลเชียร์ กระหน่ำยิงไปชนคาน อาร์ชาวิน เก็บได้ก่อนเปิดให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี วอลเลย์ด้วยขวาเสียบเสา จบครึ่งแรกไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบเสียเปรียบ
ลุยต่อครึ่งหลัง อาร์เซนอล ไม่รอช้าเดินหน้ารุกใส่ทันที บาการี ซานญา เติมไปสุดเส้นหลังฝั่งขวาก่อนตบไปเสาสองให้ โทมัส โรซิคกี แปบอลหลุดเสาไปแบบได้ลุ้น เมื่อเกมชักเป็นรอง อเล็กซ์ แม็คลีช แก้เกมทันทีถอด เคร็ก การ์ดเนอร์ ออกมาพร้อมกับส่ง ฌอง เบเซฌูร์ ลงมาทำเกมแทน นาที 57 "เดอะบลูส์" น่าจะได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งเมื่อ คีธ ฟาฮีย์ ยิงจังหวะแรกไปติด ซิกิซ พวกเดียวกันเอง กระดอนมาเข้าทางอีกครั้งจึงส่องด้วยขวาบอลพุ่งกระแทกเสาออกมาอีก เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย อาร์แซน เวนเกอร์ ใส่ นิคลาส เบนด์ทเนอร์ ลงมาเติมความสดในแดนหน้า ถอดเอา ฟาน เพอร์ซี ที่หมดแรงออกมา
นาที 75 ซาเมียร์ นาสรี ลากตะลุยเข้ามายิงด้วยขวาบอลพุ่งแรง ฟอสเตอร์ ต้องปัดทิ้งออกมา ถัดมา เบนด์ทเนอร์ ลากตัดเข้ามายิงด้วยขวาบอลแฉลบ สตีเฟน คาร์ เล็กน้อยแต่ ฟอสเตอร์ ยังไวทายาทคว้าไวมือเดียวก่อนตามตะครุบบอลอีกจังหวะ ถัดมา มารูยาน ชามัคห์ สำรองคนสุดท้ายของ "ปืนใหญ่" เลื้อยเข้ามาจ่ายเข้าใน เบนด์ทเนอร์ แตะต่อ โรซิคกี เข้ามาไขว้ยิงติดตัวนายทวารทีมชาติอังกฤษอีกครั้ง ท้ายเกม เบอร์มิงแฮม ปรับหมากสู้ถอด ฟาฮีย์ ออกมาและก็ใส่ โอบาเฟมี มาร์ตินส์ กองหน้าตัวจี๊ดลงไปป่วน และก่อนหมดเวลานาทีเดียว "เดอะบลูส์" มาได้ประตูชัย 2-1 เริ่มจาก ฟอสเตอร์ สาดบอลยาว ซิกิซ โขกเช็ด กอสเซลนี พยายามจะเตะเคลียร์ไม่เข้าใจกับ เซสนี ทำให้นายทวารดาวรุ่งโปแลนด์รับบอลกระฉอกให้ มาร์ตินส์ แปเข้าตาข่ายโล่งๆ ช่วยทีมคว้าแชมป์คาร์ลิง คัพ ได้สิทธิไปเตะถ้วยยูโรปาลีก ฤดูกาล 2011/12
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
อาร์เซนอล : วอจ์เซียช เซสนี , บาการี ซานญา , โยฮัน ฌูรู , โลร็องต์ กอสเซลนี , กาแอล กลิชี , อเล็กซานเดอร์ ซง , แจ็ค วิลเชียร์ , อังเดร อาร์ชาวิน , โทมัส โรซิคกี , ซาเมียร์ นาสรี , โรบิน ฟาน เพอร์ซี
เบอร์มิงแฮม : เบน ฟอสเตอร์ , สตีเฟน คาร์ , มาร์ติน ยิราเน็ค , โรเจอร์ จอห์นสัน , เลียม ริดจ์เวลล์ , เซบาสเตียน ลาร์สสัน , ลี โบว์เยอร์ , แบร์รี เฟอร์กูสัน , เคร็ก การ์ดเนอร์ , คีธ ฟาฮีย์ , นิโกลา ซิกิซ
ศึกฟุตบอล คาร์ลิง คัพ นัดชิงชนะเลิศ
อาร์เซนอล 1-2 เบอร์มิงแฮม ซิตี
อาร์แซน เวนเกอร์ มีปัญหาในการจัดทัพ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล อยู่บ้างในการชิงชัยคาร์ลิง คัพ เมื่อไร้ เชส ฟาเบรกาส กับ ธีโอ วัลค็อตต์ แต่ก็ใส่ อังเดร อาร์ชาวิน และ โทมัส โรซิคกี ลงไปปั้นเกม ส่วน โลร็องต์ กอสเซลนี กับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ฟิตลงเล่นเป็นตัวจริง ด้าน อเล็กซ์ แม็คลีช ไม่มีเรื่องให้กังวลสำหรับ "เดอะบลูส์" เบอร์มิงแฮม แต่มีการปรับแท็คติกมาเล่นแบบ 4-5-1 อัดกลางแน่นด้วยการใส่ คีธ ฟาฮีย์ ลงไปเพิ่มเติม แดนหน้าห้อย นิโกลา ซิกิซ หอกร่างโย่งคอยค้ำ
เริ่มเกมการแข่งขัน เบอร์มิงแฮม ลุยใส่ทันทีนาทีที่ 2 แฟนๆ "เดอะบลูส์" เซ็งไปตามๆ กันเมื่อ ลี โบว์เยอร์ หลุดเข้ากรอบโทษโดน วอจ์เซียช เซสนี รวบล้มและน่าจะเป็นจุดโทษ ทว่าผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าอย่างน่ากังขา เพราะยังมี กาแอล กลิชี ยืนห้อยเป็นคนสุดท้าย ถัดมา อาร์เซนอล ลุยใส่บ้าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี จ่ายให้ อังเดร อาร์ชาวิน หลุดเข้าไปหมุนตัวยิงด้วยซ้ายในกรอบโทษทว่าบอลบด เบน ฟอสเตอร์ จึงรับไว้ได้ไม่ยาก ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรก ทั้งสองฝ่ายเปิดเกมแลกใส่กันอย่างสนุกทีเดียว
อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 28 เบอร์มิงแฮม มาออกนำ 1-0 เมื่อ เซบาสเตียน ลาร์สสัน เปิดลูกเตะมุมให้ โรเจอร์ จอห์นสัน โหม่งตั้งให้ นิโกลา ซิกิซ อาศัยความสูงโขกเช็ดก่อน เซสนี ชกได้ถึงทำให้บอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย หกนาทีถัดมา "เดอะบลูส์" ชวดโอกาสหนีห่างเมื่อ เคร็ก การ์ดเนอร์ พักอกจะเล่นในกรอบโทษทว่าโดน โยฮัน ฌูรู กระแทกล้มลงไป ผู้ตัดสิน ไมค์ ดีน ให้ได้เปรียบเมื่อเห็นบอลหลุดไปที่ ซิกิซ ทว่าดาวยิงทีมชาติเซอร์เบียดันแปไปติดบล็อก เซสนี ถึงนาที 39 อาร์เซนอล ตามเสมอได้ 1-1 จังหวะแรก แจ็ค วิลเชียร์ กระหน่ำยิงไปชนคาน อาร์ชาวิน เก็บได้ก่อนเปิดให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี วอลเลย์ด้วยขวาเสียบเสา จบครึ่งแรกไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบเสียเปรียบ
ลุยต่อครึ่งหลัง อาร์เซนอล ไม่รอช้าเดินหน้ารุกใส่ทันที บาการี ซานญา เติมไปสุดเส้นหลังฝั่งขวาก่อนตบไปเสาสองให้ โทมัส โรซิคกี แปบอลหลุดเสาไปแบบได้ลุ้น เมื่อเกมชักเป็นรอง อเล็กซ์ แม็คลีช แก้เกมทันทีถอด เคร็ก การ์ดเนอร์ ออกมาพร้อมกับส่ง ฌอง เบเซฌูร์ ลงมาทำเกมแทน นาที 57 "เดอะบลูส์" น่าจะได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งเมื่อ คีธ ฟาฮีย์ ยิงจังหวะแรกไปติด ซิกิซ พวกเดียวกันเอง กระดอนมาเข้าทางอีกครั้งจึงส่องด้วยขวาบอลพุ่งกระแทกเสาออกมาอีก เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย อาร์แซน เวนเกอร์ ใส่ นิคลาส เบนด์ทเนอร์ ลงมาเติมความสดในแดนหน้า ถอดเอา ฟาน เพอร์ซี ที่หมดแรงออกมา
นาที 75 ซาเมียร์ นาสรี ลากตะลุยเข้ามายิงด้วยขวาบอลพุ่งแรง ฟอสเตอร์ ต้องปัดทิ้งออกมา ถัดมา เบนด์ทเนอร์ ลากตัดเข้ามายิงด้วยขวาบอลแฉลบ สตีเฟน คาร์ เล็กน้อยแต่ ฟอสเตอร์ ยังไวทายาทคว้าไวมือเดียวก่อนตามตะครุบบอลอีกจังหวะ ถัดมา มารูยาน ชามัคห์ สำรองคนสุดท้ายของ "ปืนใหญ่" เลื้อยเข้ามาจ่ายเข้าใน เบนด์ทเนอร์ แตะต่อ โรซิคกี เข้ามาไขว้ยิงติดตัวนายทวารทีมชาติอังกฤษอีกครั้ง ท้ายเกม เบอร์มิงแฮม ปรับหมากสู้ถอด ฟาฮีย์ ออกมาและก็ใส่ โอบาเฟมี มาร์ตินส์ กองหน้าตัวจี๊ดลงไปป่วน และก่อนหมดเวลานาทีเดียว "เดอะบลูส์" มาได้ประตูชัย 2-1 เริ่มจาก ฟอสเตอร์ สาดบอลยาว ซิกิซ โขกเช็ด กอสเซลนี พยายามจะเตะเคลียร์ไม่เข้าใจกับ เซสนี ทำให้นายทวารดาวรุ่งโปแลนด์รับบอลกระฉอกให้ มาร์ตินส์ แปเข้าตาข่ายโล่งๆ ช่วยทีมคว้าแชมป์คาร์ลิง คัพ ได้สิทธิไปเตะถ้วยยูโรปาลีก ฤดูกาล 2011/12
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
อาร์เซนอล : วอจ์เซียช เซสนี , บาการี ซานญา , โยฮัน ฌูรู , โลร็องต์ กอสเซลนี , กาแอล กลิชี , อเล็กซานเดอร์ ซง , แจ็ค วิลเชียร์ , อังเดร อาร์ชาวิน , โทมัส โรซิคกี , ซาเมียร์ นาสรี , โรบิน ฟาน เพอร์ซี
เบอร์มิงแฮม : เบน ฟอสเตอร์ , สตีเฟน คาร์ , มาร์ติน ยิราเน็ค , โรเจอร์ จอห์นสัน , เลียม ริดจ์เวลล์ , เซบาสเตียน ลาร์สสัน , ลี โบว์เยอร์ , แบร์รี เฟอร์กูสัน , เคร็ก การ์ดเนอร์ , คีธ ฟาฮีย์ , นิโกลา ซิกิซ