เกจิทุกสำนักต่างมองว่า อินเตอร์ มิลาน, ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ และ ชัคเตอร์ โดเนทส์ค คงหยุดเส้นทาง ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก เอาไว้แค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย เพราะนัดแรกควงแขนกันแพ้คู่ต่อสู้แบบย่อยยับ อย่างไรก็ตามห้ามประมาทเด็ดขาดเพราะประวัติศาสตร์ของลูกหนังถ้วยใบใหญ่สุดมีบันทึกไว้เกี่ยวกับ 5 แมตช์ "ตายแล้วฟื้น"
เดปอร์ติโว ลา คอรุนญา รวม 2 นัดชนะ เอซี มิลาน 5-4 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ฤดูกาล 2003-04
มิลาน เปิด ซาน ซิโร ขยี้ 4-1 ทว่านัดสองใครจะคาดคิดว่า ริอาซอร์ สเตเดียม จะกลายเป็นนรกของดีกรีแชมป์ยุโรป 6 สมัยเมื่อครั้งนั้น วอลเตอร์ ปันดิอานี ซัดให้ ลา คอรุนญา นำอย่างรวดเร็วตั้งแต่นาที 5 จากนั้นสกอร์จะไหลมาเทมาจาก ฮวน คาร์ลอส บาเลรอน และ อัลเบิร์ต ลูเก 3-0 ก็เพียงพอต่อการเข้ารอบด้วยกฎประตูทีมเยือน แต่ ฟราน ยังมาตอกย้ำชัยก่อนหมดเวลา 14 นาที 4-0 ให้ตัวแทนจาก ลา ลีกา สเปน เขี่ย "ปีศาจแดงดำ" ตกรอบด้วยสกอร์รวม 5-4 ถือเป็นครั้งเดียวที่เปลี่ยนชื่อมาเป็น แชมเปียนส์ ลีก เมื่อปี 1992 ทีมตกเป็นรอง 3 ลูกโกงความตายกลับมาเข้ารอบได้
แวร์เดอร์ เบรเมน รวม 2 นัดชนะ ดินาโม เบอร์ลิน 5-3 รอบแรก ฤดูกาล 1988-89
สมัยนั้นแข่งแบบเหย้า-เยือนตั้งแต่รอบแรกมี 32 ทีม คู่นี้ยังเป็นศึกสายเลือดระหว่าง เยอรมันตะวันออก กับ เยอรมันตะวันตก แน่นอนว่ามีอารมณ์ของการเมืองเข้ามาพัวพันกับเกมนัดนี้ค่อนข้างสูง เพราะยังมีกำแพง เบอร์ลิน กั้นกลาง นัดแรก ดินาโม เบอร์ลิน เปิดรังยำใหญ่ 3-0 ทว่านัดสอง เบรเมน ไล่ถลุง 5-0 ซึ่ง 2 ประตูในนั้นมาจากผลงานของ คาร์ล ไฮน์ซ์ รีดเล กองหน้าแชมป์โลกปี 1990 รวมถึง โทมัส ชาฟ กองหลังที่ปัจจุบันเป็นกุนซือคุมทัพ "เจ้านกนางนวล" ซัดปิดกล่องนาที 90
บาร์เซโลนา รวม 2 นัดเสมอ 3-3 ก่อนชนะจุดโทษ โกเตเบิร์ก 5-4 รอบรองชนะเลิศ ฤดูกาล 1985-86
แม้ว่า บาร์เซโลนา จะถือความได้เปรียบเหนือ ชัคเตอร์ โดเนทส์ค 5-1 แต่ก็เคยเป็นทีมที่มีประวัติศาสตร์กลับมาจากความตาย เมื่อนัดแรกบุกพ่าย โกเตเบิร์ก ถึง สวีเดน 0-3 แต่ทว่านัดสองใครก็ยากต้านทานเกมบุกในถิ่น คัมป์ นู เมื่อ ปิชี อลอนโซ กองหน้าที่เล่นให้กับทีมช่วงระยะเวลาสั้นๆ 4 ฤดูกาลและไม่ได้มีสถิติยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ สวมบทฮีโรซัดแฮตทริกให้ทั้งสองทีมเสมอกันและต้องตัดสินด้วยจุดโทษ สุดท้ายเป็น บาร์ซา ชนะ 5-4 ทว่านัดชิงทีมเลือดหมู-น้ำเงินกลับแพ้จุดโทษ สเตอัว บูคาเรสต์ ไปไม่ถึงฝั่งฝัน
รีล มาดริด รวม 2 นัดชนะ ดาร์บี เคาน์ตี 6-5 รอบ 2 ฤดูกาล 1975-76
ดารบี ตัวแทนจาก อังกฤษ เปิดรังขยี้ทีมอย่าง รีล มาดริด 4-1 จากแฮตทริกของ ชาร์ลี จอร์จ 2 ใน 3 เป็นลูกจุดโทษ แต่ "ราชันชุดขาว" แชมป์ 6 สมัยเมื่อครั้งนั้นเปิด ซานติอาโก เบร์นาบิว ชนะ 4-1 โดยเฉพาะจุดโทษก่อนหมดเวลา 7 นาทีของ เปียร์รี ถือว่าสำคัญมาก ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปและเป็น ซานติลญานา มาซัดประตูที่สองของตนเองในเกมนี้นาที 99 ให้ทีมเอาชนะไป 5-1 ก่อนจะทะลุเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ แต่ก็ได้แค่นั้นเมื่อต้องจอดป้ายด้วยน้ำมือของ บาเยิร์น มิวนิค
ชาลเก 04 รวม 2 นัดเสมอ 5-5 ก่อนจะเพลย์ออฟชนะ เคบี 3-1 รอบแรก ฤดูกาล 1958-59
ชาลเก คงไม่หวังว่า "แชมป์เก่า" อินเตอร์ มิลาน จะฟื้นจากความตายเหมือนพวกเขาที่เคยทำสำเร็จมาก่อน เพราะสกอร์นัดสองย้อนไป 53 ปีเอาชนะ เคบี หรือ โคเบนฮาฟ โบลด์คลุบ สโมสรจาก เดนมาร์ก 5-2 ทั้งที่นัดแรกบุกไปพ่าย 0-3 รวมผล 2 นัดเสมอกันและยังไม่มีการนำกฎประตูทีมเยือนมาใช้ ไม่เช่นนั้น เคบี คงจะได้ผ่านเข้ารอบต่อไป จึงต้องเพลย์ออฟที่สนามเป็นกลาง เดียคแมน สตาดิโอน ประเทศฮอลแลนด์ ก่อนที่ "ราชันสีน้ำเงิน" จะชนะไป 3-1
