xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำใกล้ตกบัลลังก์ / กษิติ กมลนาวิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน

มันก็ต้องดูว่าคนที่ออกมาขับไล่ผู้นำนั้น พวกเขามีเหตุผลอะไร ผู้นำไม่ดีตรงไหน ได้ทำความผิดอะไรที่ทำให้บรรดามวลสมาชิกหรือผู้คนทั่วไปต้องทนรับกรรม และหากได้คนอื่นเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนแล้ว มันจะแก้ปัญหาได้และส่งผลให้ทุกอย่างดีขึ้นหรือไม่ หรือบางกรณี อาจไม่ต้องมองไปไกลถึงตัวบุคคลที่จะเข้ามารับหน้าที่แทนด้วยซ้ำ ขอเพียงแค่ถีบหมอนี่ไปให้พ้นจากหน้าที่ผู้นำก็น่าจะเพียงพอแล้ว ใครจะมาแทนก็ช่าง อย่างน้อยมันคงไม่เลวร้ายอย่างที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน

โมฮัมเหม็ด บิน ฮัมมัม ( Mohamed Bin Hammam ) ประธานสหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย ( Asian Football Confederation - AFC ) ชาวกาตาร์ วัย 61 ปี อาจหาญถึงขนาดออกมาท้าทายอำนาจ โยเซ็ฟ บลัทเทอร์ ( Joseph Blatter ) ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา ด้วยการประกาศในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า เขาอาจตัดสินใจลงสมัครชิงตำแหน่งประธาน ฟีฟา ในสมัยหน้า ซึ่งตามกำหนดนั้น จะมีการลงคะแนนกันในโอกาสการประชุมใหญ่ที่เรียกว่า ฟีฟา ค็องเกรส ครั้งที่ 61 ( the 61st Fifa congress ) ที่ ซูริค ในระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม - 1 มิถุนายนนี้

นอกจากจะเป็นประธาน เอเอ็ฟซี แล้ว บิน ฮัมมัม ยังเป็น 1 ใน 24 คนที่ประกอบเป็นคณะกรรมการบริหาร ฟีฟา มาแล้วถึง 15 ปีด้วย โดยเขาได้รับมอบหมายให้เป็นประธานของหน่วยงานที่ทำหน้าที่ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บรรดาสมาคมฟุตบอลของประเทศต่างๆทั่วโลกที่เป็นสมาชิกรวม 208 ชาติ ที่เรียกว่า FIFA Goal Bureau และการที่ กาตาร์ ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 22 ในปี 2022 นั้น ก็ต้องยอมรับว่า บิน ฮัมมัม เป็นผู้มีอิทธิพลในการดำเนินการเรื่องนี้อย่างหนักทีเดียว

บิน ฮัมมัม ให้สัมภาษณ์กับ สถานีวิทยุ บีบีซี ว่า เขาไม่ได้กล่าวหาว่า ฟีฟา ทุจริต แต่มันจะต้องมีความโปร่งใสมากกว่านี้ เราต้องการอธิบายกระบวนการของการตัดสินให้กระจ่าง ซึ่งเมื่อพวกเขาได้ตัดสินอะไรไปนั้น มันจะไปมีผลต่อคนเป็นล้าน และเขาก็ถือว่า คณะกรรมการบริหาร ฟีฟา เป็นคนของประชาชน ทำหน้าที่แทนคนทั้งโลก

ประธาน ฟีฟา คนปัจจุบันกำลังถูกไฟลนก้นอย่างหนัก หลังจากที่กระบวนการสรรหาเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมปีที่แล้ว ซึ่งปรากฏออกมาว่า รัสเซีย และ กาตาร์ ได้รับเลือกตามลำดับนั้น มีข้อครหาเรื่องการทุจริต ยังผลให้เจ้าหน้าที่ของ ฟีฟา ถูกลงโทษ 4 คน และที่สำคัญ กรรมการบริหาร ฟีฟา 2 คนถูกพักงาน

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้นำฟุตบอล เอเชีย บอกว่า สาธารณชนอาจจะมีความเชื่อมั่นใน ฟีฟา มากกว่านี้ หากการลงคะแนนเป็นไปอย่างเปิดเผย ดังนั้น เขาจึงเสนอว่า ถ้าเขาได้รับเลือกให้เป็นประธาน ฟีฟา ต่อไปการลงคะแนนจะว่ากันอย่างเปิดเผย ใครยกมือให้ใครว่ากันชัดๆเลย ก็ในเมื่อองค์กรอื่นๆเขายังใช้วิธีดังกล่าว แล้วทำไม ฟีฟา จะนำมาใช้ไม่ได้ นอกจากนั้น ฟีฟา จะต้องเปิดกว้างกว่านี้ โดยลดขอบข่ายอำนาจของคณะกรรมการบริหารลงบ้าง และมอบอำนาจความรับผิดชอบให้ สหพันธ์ฟุตบอลของแต่ละทวีปมากกว่านี้

เจตนารมณ์ของ บิน ฮัมมัม ก็คือ ทำให้ ฟีฟา กับบรรดาสมาคมฟุตบอลชาติสมาชิกต่างๆทั่วโลกมีความเข้าใจใกล้ชิดกันมากขึ้น เพราะทั้งสองฝ่ายไม่ใช่ศัตรูคู่อริกัน แต่หวังที่จะเป็นมิตรต่อกันและต่างก็มีผลประโยชน์อันเดียวกัน

นโยบายที่ บิน ฮัมมัม แพล็มออกมาอีกเรื่องก็คือ เมื่อเขาได้เป็นประธาน ฟีฟา แฟนบอลทั่วโลกจะได้เห็น การนำอุปกรณ์ทันสมัยมาใช้ในการแข่งขันอย่างแน่นอน นั่นคือเครื่องตรวจจับว่าลูกบอลผ่านเส้นประตูเข้าไปหรือไม่ ที่เรียกว่า Goal-line Technology

อย่างไรก็ตาม เราคงต้องรอดูอีกว่า พอเอาเข้าจริงๆแล้ว บิน ฮัมมัม จะเอาจริงหรือไม่ เพราะแกได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ เดอะ การ์เดียน ( The Guardian ) หนังสือพิมพ์ในอังกฤษว่า ภายใน 10 วัน แกจึงจะประกาศอย่างเป็นทางการว่า ตกลงยืนยันการลงสมัครชิงตำแหน่งประธาน ฟีฟา หรือเปล่า เมื่อสัปดาห์ก่อนรีบบินมาพบคุณวรวีร์ ดังนั้น ช่วงนี้คงกำลังเป็นช่วงบินไปหาหัวคะแนนครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น