“เสี่ยเหน่ง”ศุภศิลป์ ลีลาฤทธิ์ ผจก.บางกอกกล๊าส เอฟซี ยิ้มพอใจหลังพาทีมกระต่ายแก้วบุกมายันเสมอการท่าเรือไทย เอฟซี ได้ 1-1 แย้มเตรียมถกสัญญากับ “ขงเบ้ง”อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ นั่งแท่นคุมทีมเร็วๆนี้ ส่วน “เสือเตี้ย”สะสม พบประเสริฐ รับลูกทีมเสียสมาธิจนโดนตีเสมอ แต่มั่นใจหากแข้งหลักหายเจ็บ ทีมวิ่งฉิวแน่
การท่าเรือไทย เอฟซี เปิดสนามแพท สเตเีดียม รับการมาเยือนของ บางกอกกล๊าส เอฟซี ในศึกฟุตบอลสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก โดยเกมนี้เจ้าบ้านเป็นฝ่ายขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากลูกยิงของสมปอง สอเหลบ นาทีที่ 28 แต่หลังได้ประตูนำ ทีมเจ้าท่าก็ไม่สามารถบวกสกอร์เพิ่มในบ้านได้ จนกระทั่งโดน “โจ้ 5 หลา” ศรายุทธ ชัยคำดี อดีตกองหน้าของการท่าเรือ วอลเลย์หน้ากรอบเขตโทษ ให้บางกอกกล๊าส ตีเสมอได้เป็น 1-1 ในช่วงครึ่งหลัง ทำให้จบเกมทั้งสองทีมแบ่งกันไปคนละหนึ่งแต้ม และยังต้องหาชัยชนะเกมแรกของทีมต่อไป
โดยหลังเกม “เสี่ยเหน่ง” ศุภศิลป์ ลีลาฤทธิ์ ผู้จัดการทีมกระต่ายแก้ว ออกมาให้เปิดเผยว่า “ครึ่งแรกเราเล่นกันไม่ค่อยดี เลยโดนยิงประตูนำไปก่อน ทำให้ครึ่งหลังเราต้องแก้เกมอย่างหนัก เราวิเคราะห์แล้วว่าการโจมตีด้วยเกมริมเส้นนั้นคงไม่ได้ผล เลยกลับมาเล่นต่อบอลกันในแดนกลางแทน แล้วมันก็ได้ผลดีมาก จนได้ประตูตีเสมอมาได้ ซึ่งคงต้องให้เครดิต อาจารย์อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ ที่มาช่วยแก้เกมให้ เราค่อนข้างพอใจที่บุกมาแบ่งแต้มกลับออกไปได้ ส่วนเกมหน้าที่เราต้องเจอกับโอสถสภา เอ็ม-150 ในบ้าน ก็ถือเป็นเกมที่หนักสำหรับเรา คงต้องวางแผนกันหนักหน่อย” เสี่ยเหน่ง กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวได้ซักถามเรื่องของการดึงตัวอาจหาญ ทรงงามทรัพย์ มานั่งแท่นกุนซือประจำทีมนั้น “เสี่ยเหน่ง”เผยว่า กำลังอยู่ในช่วงเจรจา คาดว่าน่าจะทราบผลในเร็วๆนี้
ส่วน “เสือเตี้ย”สะสม พบประเสริฐ ผู้จัดการทีมของการท่าเรือไทย เอฟซี ก็เผยถึงนัดนี้ว่า “เกมนี้เรายอมรับเลยเราเสียสมาธินิดหน่อย จนทำให้บีจีไล่ตีเสมอได้ แถมช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สภาพอากาศมีการผันแปร เลยส่งผลต่อสภาพร่างกายของนักเตะพอสมควร แต่เราจะเอาตรงนี้มาอ้างไม่ได้ เพราะฝั่งโน้นเขาก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน ผมค่อนข้างพอใจที่นักเตะตัวหลักของเราอย่างสมปอง สอเหลบ กลับมายืนเป็นกองหน้าได้ในเกมนี้ ก็เชื่อว่าถ้าเอกชัย สำเหร่ หายเจ็บกลับมาได้สัปดาห์หน้า ทีมเราจะแข็งแกร่งกว่าเดิมแน่นอน ตอนนี้ผมบอกได้เลยว่าการท่าเรือไทย พร้อมแล้วที่จะเจอกับทุกทีม”
สำหรับสีสันระหว่างเกม การท่าเรือไทย เอฟซี ได้ร่วมบริจาคเงินค่าผ่านประตู จำนวนกว่า 200,000 บาท รวมถึงนำเสื้อพร้อมลายเซ็นต์ของนักเตะสิงห์เจ้าท่า มาประมูล เพื่อหารายได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางธรรมชาติที่ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย