"ปืนใหญ่" อาร์เซนอล 10 คนบุกพ่าย บาร์เซโลนา 1-3 หยุดเส้นทางในศึกฟุตบอล ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ไว้ที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย เช่นเดียวกับ โรมา ที่ไปโดน ชัคเตอร์ โดเนทส์ค ย้ำชัย 3-0 เมื่อคืนวันอังคารที่ 8 มีนาคม 2554
ศึกยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง
บาร์เซโลนา (สเปน) 3-1 อาร์เซนอล (อังกฤษ)
(บาร์เซโลนา เข้ารอบด้วยสกอร์รวมสองนัดชนะ 4-3)
โจเซป กวาร์ดิโอลา ประสบปัญหาในการวางหมาก "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลนา โดยเฉพาะแผงรับเมื่อ เคราร์ด ปิเก ติดโทษแบน การ์เลส ปูโยล ยังไม่ฟิต จึงต้องถอย เซร์กี บุสเกตส์ มายืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟจำเป็นร่วมกับ เอริค อบิดัล แดนกลางจึงเติม ฮาเวียร์ มาสเชราโน ลงไปไล่บอล แต่แนวรุกครบครันนำโดย ลิโอเนล เมสซี ด้าน อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล เสี่ยงส่งทั้ง เชส ฟาเบรกาส กับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ที่ไม่ฟิตเต็มร้อยลงเล่น ทว่าไม่มี อเล็กซานเดอร์ ซง ทำให้ อาบู ดิยาบี ได้ลงตัดเกมในแผงมิดฟิลด์
เริ่มเกมการแข่งขัน บาร์เซโลนา เป็นฝ่ายครองเกมบุกทันที นาทีที่ 4 ได้ลุ้นเมื่อ ชาบี เอร์นานเดซ งัดบอลให้ เปโดร โรดริเกซ หลุดเข้าไปยิงทว่าโดน โลร็องต์ กอสเซลนี เข้ามาบล็อกเร็วบอลแฉลบออกหลัง ผ่าน 15 นาทีแรกเจ้าถิ่นได้ฟรีคิกกลางประตูระยะ 35 หลา ดาเนียล อัลเวส วิ่งเข้าไปตะบัน วอจ์เซียค เซสนี รับไว้ได้ แต่จังหวะดังกล่าวนายทวารดาวรุ่งชาวโปแลนด์มีอาการเจ็บนิ้วมือข้างซ้าย เล่นต่อไม่ไหวต้องส่ง มานูเอล อัลมูเนีย ลงมาเฝ้าเสาแทน
ผ่านครึ่งชั่วโมง "เจ้าบุญทุ่ม" ยังพยายามเจาะกำแพงเกมรับ อาร์เซนอล ที่ลงไปตั้งรับกันเหนียวแน่น นาที 33 แฟนๆ ในคัมป์ นู ส่งเสียงโห่ มัสซิโม บูซัคกา เชิ้ตดำชาวสวิสที่ไม่เป่าจุดโทษให้ทีมรัก ทั้งที่เห็น อาบู ดิยาบี ดัก ลิโอเนล เมสซี ล้มลง ถัดมา ดาบิด บีญา กระชากเข้าไปยิงทว่าโดนเบียดจาก โยฮัน ฌูรู ทำให้ซัดด้วยซ้ายไม่ถนัดบอลเบาเข้าซอง อัลมูเนีย เจ้าบ้านได้เสียวขึ้นเป็นลำดับ อาเดรียโน กอเรอา เติมขึ้นมากึ่งยิงกึ่งผ่านบอลกระแทกเสาออกมาเต็มๆ แต่ช่วงทดเจ็บ บาร์ซา ก็ขึ้นนำ 1-0 เมื่อ อันเดรส อิเนียสตา จ่ายให้ เมสซี หลุดเข้าไปยิงไม่เหลือ
ลุยต่อครึ่งหลังก็ยังเป็น บาร์เซโลนา ที่ครองบอลได้เหนือกว่าทีมเยือน แต่ถึงนาที 53 กลายเป็น "ปืนใหญ่" ที่ได้ประตูตีเสมอ 1-1 เมื่อ ซาเมียร์ นาสรี เปิดลูกเตะมุมเข้ากลาง และก็เป็น เซร์กี บุสเกตส์ ที่โขกสกัดบอลเข้าประตูตัวเอง แต่สามนาทีถัดมามีจุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อ โรบิน ฟาน เพอร์ซี โดนใบเหลือง-แดงไล่ออกจากสนาม จากการไปยิงบอลเข้าประตูทั้งที่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าไปแล้ว ทำให้ อาร์เซนอล เหลือแค่ 10 คน เมื่อมีผู้เล่นมากกว่า ขุนพล "เจ้าบุญทุ่ม" ดันกันขึ้นมาสูง อาเดรียโน ตบกลางสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายเข้ากลางให้ อัลเวส ตะบันข้ามคาน
นาที 65 เมสซี แทงทะลุให้ บีญา หลุดเข้าไปยิงติดบล็อก อัลมูเนีย ที่ออกมาป้องกันได้เร็ว แต่อีก 4 นาทีถัดมา บาร์เซโลนา ก็ขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 จากจังหวะ อิเนียสตา จ่ายให้ ชาบี หลุดเข้าไปแปบอลแฉลบขา บาการี ซานญา เข้าไปตุงตาข่าย นาทีที่ 71 สกอร์ไหลเป็น 3-1 เมื่อ โลร็องต์ กอสเซลนี แหย่เท้าขวาง เปโดร ล้มลง เชิ้ตดำเป่านกหวีดยาวและก็เป็น เมสซี แปจุดโทษเล่นทางไม่เหลือ ท้ายเกม เมสซี เกือบตอกย้ำชัยเมื่อหลุดเข้าไปยิงติดเซฟ อัลมูเนีย อย่างไรก็ตาม ครบ 90 นาที "เจ้าบุญทุ่ม" ประคองตัวเก็บชัยเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยการชนะ อาร์เซนอล ด้วยประตูรวมสองนัด 4-3
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
บาร์เซโลนา : บิคตอร์ บัลเดส , ดาเนียล อัลเวส , เซร์กี บุสเกตส์ , เอริค อบิดัล , อาเดรียนโน กอเรอา , ชาบี เอร์นานเดซ , ฮาเวียร์ มาสเชราโน , อันเดรส อิเนียสตา , เปโดร โรดริเกซ , ดาบิด บีญา , ลิโอเนล เมสซี
อาร์เซนอล : วอจ์เซียค เซสนี , บาการี ซานญา , โยฮัน ฌูรู , โลร็องต์ กอสเซลนี , กาแอล กลิชี , แจ็ค วิลเชียร์ , อาบู ดิยาบี , โทมัส โรซิคกี , เชส ฟาเบรกาส , ซาเมียร์ นาสรี , โรบิน ฟาน เพอร์ซี
ส่วนผลอีกคู่หนึ่งวันเดียวกัน ปรากฏว่า ชัคเตอร์ โดเนทส์ค ทีมดังจากยูเครน เปิดบ้านย้ำชัย โรมา ของอิตาลี 3-0 ประตูรวมสองนัดถล่มชัย 6-2 เข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ โดยเจ้าถิ่นได้จาก โทมัส ฮุปช์มันน์ นาทีที่ 18 วิลเลียน นาที 58 และปิดท้ายจาก เอดูอาร์โด ดา ซิลวา ก่อนหมดเวลา 3 นาที ขณะที่ทีมเยือนพลาดจุดโทษ เมื่อ มาร์โก บอร์ริเอลโล ยิงไปติดเซฟ อันเดร ปาตอฟ ในนาทีที่ 25 แถมก่อนจบครึ่งแรก 4 นาที "หมาป่ากรุงโรม" ยังมาเหลือ 10 คน จากการโดนใบเหลือง-แดงของ ฟิลิปป์ เม็กแซส
ศึกยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง
บาร์เซโลนา (สเปน) 3-1 อาร์เซนอล (อังกฤษ)
(บาร์เซโลนา เข้ารอบด้วยสกอร์รวมสองนัดชนะ 4-3)
โจเซป กวาร์ดิโอลา ประสบปัญหาในการวางหมาก "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลนา โดยเฉพาะแผงรับเมื่อ เคราร์ด ปิเก ติดโทษแบน การ์เลส ปูโยล ยังไม่ฟิต จึงต้องถอย เซร์กี บุสเกตส์ มายืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟจำเป็นร่วมกับ เอริค อบิดัล แดนกลางจึงเติม ฮาเวียร์ มาสเชราโน ลงไปไล่บอล แต่แนวรุกครบครันนำโดย ลิโอเนล เมสซี ด้าน อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล เสี่ยงส่งทั้ง เชส ฟาเบรกาส กับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ที่ไม่ฟิตเต็มร้อยลงเล่น ทว่าไม่มี อเล็กซานเดอร์ ซง ทำให้ อาบู ดิยาบี ได้ลงตัดเกมในแผงมิดฟิลด์
เริ่มเกมการแข่งขัน บาร์เซโลนา เป็นฝ่ายครองเกมบุกทันที นาทีที่ 4 ได้ลุ้นเมื่อ ชาบี เอร์นานเดซ งัดบอลให้ เปโดร โรดริเกซ หลุดเข้าไปยิงทว่าโดน โลร็องต์ กอสเซลนี เข้ามาบล็อกเร็วบอลแฉลบออกหลัง ผ่าน 15 นาทีแรกเจ้าถิ่นได้ฟรีคิกกลางประตูระยะ 35 หลา ดาเนียล อัลเวส วิ่งเข้าไปตะบัน วอจ์เซียค เซสนี รับไว้ได้ แต่จังหวะดังกล่าวนายทวารดาวรุ่งชาวโปแลนด์มีอาการเจ็บนิ้วมือข้างซ้าย เล่นต่อไม่ไหวต้องส่ง มานูเอล อัลมูเนีย ลงมาเฝ้าเสาแทน
ผ่านครึ่งชั่วโมง "เจ้าบุญทุ่ม" ยังพยายามเจาะกำแพงเกมรับ อาร์เซนอล ที่ลงไปตั้งรับกันเหนียวแน่น นาที 33 แฟนๆ ในคัมป์ นู ส่งเสียงโห่ มัสซิโม บูซัคกา เชิ้ตดำชาวสวิสที่ไม่เป่าจุดโทษให้ทีมรัก ทั้งที่เห็น อาบู ดิยาบี ดัก ลิโอเนล เมสซี ล้มลง ถัดมา ดาบิด บีญา กระชากเข้าไปยิงทว่าโดนเบียดจาก โยฮัน ฌูรู ทำให้ซัดด้วยซ้ายไม่ถนัดบอลเบาเข้าซอง อัลมูเนีย เจ้าบ้านได้เสียวขึ้นเป็นลำดับ อาเดรียโน กอเรอา เติมขึ้นมากึ่งยิงกึ่งผ่านบอลกระแทกเสาออกมาเต็มๆ แต่ช่วงทดเจ็บ บาร์ซา ก็ขึ้นนำ 1-0 เมื่อ อันเดรส อิเนียสตา จ่ายให้ เมสซี หลุดเข้าไปยิงไม่เหลือ
ลุยต่อครึ่งหลังก็ยังเป็น บาร์เซโลนา ที่ครองบอลได้เหนือกว่าทีมเยือน แต่ถึงนาที 53 กลายเป็น "ปืนใหญ่" ที่ได้ประตูตีเสมอ 1-1 เมื่อ ซาเมียร์ นาสรี เปิดลูกเตะมุมเข้ากลาง และก็เป็น เซร์กี บุสเกตส์ ที่โขกสกัดบอลเข้าประตูตัวเอง แต่สามนาทีถัดมามีจุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อ โรบิน ฟาน เพอร์ซี โดนใบเหลือง-แดงไล่ออกจากสนาม จากการไปยิงบอลเข้าประตูทั้งที่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าไปแล้ว ทำให้ อาร์เซนอล เหลือแค่ 10 คน เมื่อมีผู้เล่นมากกว่า ขุนพล "เจ้าบุญทุ่ม" ดันกันขึ้นมาสูง อาเดรียโน ตบกลางสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายเข้ากลางให้ อัลเวส ตะบันข้ามคาน
นาที 65 เมสซี แทงทะลุให้ บีญา หลุดเข้าไปยิงติดบล็อก อัลมูเนีย ที่ออกมาป้องกันได้เร็ว แต่อีก 4 นาทีถัดมา บาร์เซโลนา ก็ขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 จากจังหวะ อิเนียสตา จ่ายให้ ชาบี หลุดเข้าไปแปบอลแฉลบขา บาการี ซานญา เข้าไปตุงตาข่าย นาทีที่ 71 สกอร์ไหลเป็น 3-1 เมื่อ โลร็องต์ กอสเซลนี แหย่เท้าขวาง เปโดร ล้มลง เชิ้ตดำเป่านกหวีดยาวและก็เป็น เมสซี แปจุดโทษเล่นทางไม่เหลือ ท้ายเกม เมสซี เกือบตอกย้ำชัยเมื่อหลุดเข้าไปยิงติดเซฟ อัลมูเนีย อย่างไรก็ตาม ครบ 90 นาที "เจ้าบุญทุ่ม" ประคองตัวเก็บชัยเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยการชนะ อาร์เซนอล ด้วยประตูรวมสองนัด 4-3
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
บาร์เซโลนา : บิคตอร์ บัลเดส , ดาเนียล อัลเวส , เซร์กี บุสเกตส์ , เอริค อบิดัล , อาเดรียนโน กอเรอา , ชาบี เอร์นานเดซ , ฮาเวียร์ มาสเชราโน , อันเดรส อิเนียสตา , เปโดร โรดริเกซ , ดาบิด บีญา , ลิโอเนล เมสซี
อาร์เซนอล : วอจ์เซียค เซสนี , บาการี ซานญา , โยฮัน ฌูรู , โลร็องต์ กอสเซลนี , กาแอล กลิชี , แจ็ค วิลเชียร์ , อาบู ดิยาบี , โทมัส โรซิคกี , เชส ฟาเบรกาส , ซาเมียร์ นาสรี , โรบิน ฟาน เพอร์ซี
ส่วนผลอีกคู่หนึ่งวันเดียวกัน ปรากฏว่า ชัคเตอร์ โดเนทส์ค ทีมดังจากยูเครน เปิดบ้านย้ำชัย โรมา ของอิตาลี 3-0 ประตูรวมสองนัดถล่มชัย 6-2 เข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ โดยเจ้าถิ่นได้จาก โทมัส ฮุปช์มันน์ นาทีที่ 18 วิลเลียน นาที 58 และปิดท้ายจาก เอดูอาร์โด ดา ซิลวา ก่อนหมดเวลา 3 นาที ขณะที่ทีมเยือนพลาดจุดโทษ เมื่อ มาร์โก บอร์ริเอลโล ยิงไปติดเซฟ อันเดร ปาตอฟ ในนาทีที่ 25 แถมก่อนจบครึ่งแรก 4 นาที "หมาป่ากรุงโรม" ยังมาเหลือ 10 คน จากการโดนใบเหลือง-แดงของ ฟิลิปป์ เม็กแซส
