ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่ปรับตลอดกาล 3-1 โดย เดิร์ก เคาท์ กองหน้าทีมชาติฮอลแลนด์ทำแฮตทริก ทำให้ "ปิศาจแดง" ครองจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยที่นำ อาร์เซนอล เพียง 3 แต้มแต่แข่งมากกว่า 1 นัด
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2554
ลิเวอร์พูล 3-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ศึกแดงเดือดครั้งที่ 155 นับเฉพาะในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 6 เล่นในถิ่นแอนฟิลด์รับมือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมจ่าฝูง เกมนี้เจ้าบ้านได้ แอนดี คาร์โรลล์ หัวหอกค่าตัว 35 ล้านปอนด์หายเจ็บต้นขากลับมานั่งสำรองได้แล้ว รวมถึง ราอูล เมเรเลส ที่สลัดอาการเจ็บเข่ากลับคืนสู่ทีมทันเวลา ส่วนคู่หัวหอกใช้ เดิร์ก เคาท์ กับ หลุยส์ ซัวเรซ ด้านทีมเยือนขาดแนวรับทั้ง เนมานยา วิดิช ที่ติดโทษแบนและ ริโอ เฟอร์ดินานด์ กับ จอนนี อีแวนส์ ที่เดี้ยงจึงใช้ เวส บราวน์ จับคู่กับ คริส สมอลลิง แต่มี ปาทริซ เอฟรา กลับมายืนแบ็กซ้าย ขณะที่ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ จับคู่กับ เวย์น รูนีย์ ล่าตาข่าย
เริ่มเกมมาทั้งสองทีมเปิดฉากบุกแลกหมัดกันตั้งแต่ต้น แต่มามีจังหวะหวาดเสียวที่สุดในนาทีที่ 16 โดย “ปิศาจแดง” เกือบลูบคม “หงส์แดง” ได้ก่อน เมื่อ เบอร์บาตอฟ ฮาล์ฟวอลเลย์เน้นๆ หน้าเขตโทษ ลูกกระดอนพื้นหนีมือ โฆเซ เรนา แล้ว แต่ไปชนเสาออกหลังอย่างน่าเสียดาย 2 นาทีต่อมาเป็นทีของเจ้าบ้านบ้าง เกล็น จอห์นสัน โยนจากกราบขวาให้ เมเรเลส โหม่งตั้งมาที่ เดิร์ก เคาท์ แต่กองหน้าชาวดัตช์ถึงช้าไปเพียงก้าวเดียวจึงถูก เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ คว้าสบาย
นาทีที่ 24 แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบใส่สกอร์ได้อีกครั้งโดย ไรอัน กิกส์ ที่ทำสถิติสโมสรลงเล่นในลีกถึง 607 นัด เปิดลูกเตะมุมฝั่งซ้ายมาที่เสาแรก บราวน์ โถมเข้ามาโหม่งแฉลบ มาร์ติน สเคอร์เทล ทว่าถูก เมเรเลส ที่ยืนคุมเส้นหวดสกัดออกมาได้ จากนั้น ฟาบิโอ ออเรลิโอ แบ็กซ้ายลิเวอร์พูลบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวจึงต้องส่ง โซติริส คีร์เกียกอส ลงมาแทนแล้วโยก เกล็น จอห์นสัน ไปยืนแบ็กซ้าย พร้อมทั้งถ่าง เจมี คาร์ราเกอร์ ไปเล่นแบ็กขวา
ถึงนาทีที่ 34 ประตูแรกของเกมก็เกิดขึ้นโดยเป็นหงส์แดงที่ออกนำก่อน 1-0 จากความสามารถเฉพาะตัวอันยอดเยี่ยมของ ซัวเรซ ที่พลิกหนีทั้ง ราฟาเอล ดา ซิลวา, ไมเคิล คาร์ริค และ เวส บราวน์ ในเขตโทษไปจนถึงเส้นหลังก่อนตบมาหน้าประตูให้ เคาท์ ยิงเผาขนไม่เหลือ เท่านั้นไม่พอ นาทีที่ 39 เจ้าถิ่นก็หนีห่างไปเป็น 2-0 เมื่อ หลุยส์ นานี ที่ลงมาช่วยเกมรับโหม่งสกัดลูกเปิดของ ซัวเรซ ไม่ดีไปเข้าศีรษะ เคาท์ ที่ยืนรอหน้าประตูโขกโล่งๆ ตุงตาข่าย
ช่วงท้ายครึ่งแรกเกมปะทุเดือดขึ้น เริ่มจากจังหวะที่ คาร์ราเกอร์ พุ่งเสียบสองเท้าใส่ นานี จนถูกหามลงเปล ส่วน คาร์ราเกอร์ รับใบเหลืองแต่ก็มีการประท้วงกันอยู่พักหนึ่ง จากนั้น ราฟาเอล ถูก มักซี โรดริเกซ ยันโดนถากๆ แต่เล่นต่อได้ก่อนตามมาพุ่งเสียบอันตรายใส่ ลูคัส เลวา จึงถูกจดชื่อไปอีกราย แม้จะกระทบกระทั่งกันแต่ก็ยังควบคุมสถานการณ์ได้ จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำอยู่ 2-0
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง ปิศาจแดงมีลุ้นตีไข่แตกในนาทีที่ 49 จากการขึ้นมาทางขวาของ เบอร์บาตอฟ แล้วตวัดเข้ากลางมาที่จุดนัดพบ “ชิชาริโต” ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ ตัวสำรองที่ลงมาแทน นานี ตั้งแต่ท้ายครึ่งแรกโฉบมาเข้าฮอสแต่ยังไม่ตรงกรอบ 6 นาทีให้หลัง รูนีย์ ผ่านบอลจากด้านซ้ายให้ กิกส์ ยิงตามน้ำในเขตโทษข้ามคานแบบได้เสียว นาทีที่ 59 รูนีย์ วางบอลจากเส้นหลังด้านซ้ายลึกไปที่เสาสอง ชิชาริโต โหม่งย้อนกลับมา เรนา ปัดโดนบอลมาเข้าทาง เบอร์บาตอฟ ยืนโขกจ่อๆ ติดตัว เมเรเลส ที่ยืนคุมเส้นอีกครั้ง ก่อนที่ กิกส์ จะปั่นฟรีคิกหน้าเขตโทษข้ามคาน
ถึงนาทีที่ 65 เดอะ ค็อป ได้สะใจกันอีกระลอกเมื่อ ซัวเรซ ปั่นฟรีคิกระยะ 20 หลา ฟาน เดอร์ ซาร์ ขยับมาปัดที่เสาแรก แต่ลูกมาเข้าทางปืน เคาท์ ที่ปรี่เข้ามาซ้ำในกรอบ 6 หลาไม่พลาดเป็น 3-0 และเป็นแฮตทริกแรกในสีเสื้อลิเวอร์พูลของ เคาท์ ด้วย จากนั้นนาทีที่ 74 คาร์โรลล์ ถูกส่งลงมาสัมผัสเกมแทน เมเรเลส ก่อนที่ปิศาจแดงจะสุ่ง จอห์น โอเชีย ลงมาแทน ราฟาเอล บ้าง
ท้ายเกม ซัวเรซ ที่เล่นได้อย่างโดดเด่นถูกถอดออกมาพักแล้วให้ โจ โคล ลงสนามมาแทน ก่อนที่ทีมเยือนจะได้ประตูปลอบใจจากการโขกของ ชิชาริโต ในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 2 จบเกม ลิเวอร์พูล จึงเอาชนะไป 3-1 เก็บเพิ่มเป็น 42 คะแนน กลับขึ้นมาอยู่อันดับ 6 อีกครั้ง ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด มี 60 แต้มเท่าเดิมจาก 29 นัด รั้งจ่าฝูงต่อไปแต่นำ อาร์เซนอล แค่ 3 แต้มโดยแข่งมากกว่า 1 นัด
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล - โฆเซ เรนา, เกล็น จอห์นสัน, เจมี คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, ลูคัส เลวา, ราอูล เมเรเลส, สตีเวน เจอร์ราร์ด, มักซี โรดริเกซ, เดิร์ก เคาท์, หลุยส์ ซัวเรซ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, ราฟาเอล ดา ซิลวา, คริส สมอลลิง, เวส บราวน์, ปาทริซ เอฟรา, หลุยส์ นานี, พอล สโคลส์, ไมเคิล คาร์ริค, ไรอัน กิกส์, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, เวย์น รูนีย์