คอลัมน์ ON TRACK / เด็กปั๊ม
เรียบร้อยโรงเรียน นาสเซอร์ อัล-อัตติยาห์ ไปแล้วสำหรับการแข่งขันแรลลีหฤโหด "ดาการ์ 2011" อาร์เจนตินา-ชิลี หลังนักแม่นปืนจากประเทศกาตาร์ ผงาดนำทีมโฟล์คสวาเกน ทำแฮตทริกคว้าแชมป์ประเภทรถยนต์ได้เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ใช่แล้วครับ! ท่านผู้อ่านฟังไม่ผิดแน่นอนว่าอัล-อัตติยาห์ คือนักแม่นปืนที่สำคัญเขามีดีกรีทีมชาติเสียด้วย
การคว้าแชมป์ของอัล-อัตติยาห์ ในดาการ์ปีนี้นอกจากเป็นการเริ่มนับหนึ่งแชมป์แรลลีหฤโหดของตัวเองแล้ว ยังถือเป็นครั้งแรกที่ผู้ชนะมาจากดินแดนอาหรับ รวมถึงเป็นชาวเอเชียรายที่ 3 ต่อจากเคนจิโร ชิโนซึกะ และฮิโรชิ มาซูโอกะ อดีตแชมป์จากประเทศญี่ปุ่น แต่ที่เก๋ไก๋กว่าใครเพื่อน คือประวัติของนักซิ่งรายนี้ที่พ่วงเอาดีกรีเหรียญทองยิงปืนเป้าบินจากเอเชียนเกมส์ 2010 มาด้วย
ก่อนหน้านี้ยอมรับตามตรงว่าผมเองไม้ได้ติดตามประวัติของหมอนี่สักเท่าไหร่ แต่หลังจาก "สิงห์ทะเลทราย" จากกาตาร์สามารถทำผลงานเอาชนะคาร์ลอส แซงซ์ แชมป์เก่าชาวสเปนและเพื่อนร่วมโฟล์คฯได้อย่างยอดเยี่ยมในปีนี้ ชื่อของ อัล-อัตติยาห์ ก็กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกทันที จนผมอดไม่ได้ที่จะไปขุดประวัติความเป็นมาของนักขับวัย 40 ปี จากกรุงโดฮา มาฝากกัน
ซึ่งต้องบอกว่านักแข่งรายนี้คือเป็นยอดนักกีฬาตัวจริง เนื่องจากเป็นทั้งนักแข่งแรลลี และนักกีฬายิงปืนเป้าบินทีมชาติกาตาร์ในเวลาเดียวกัน แถมยังทำได้ดีทั้ง 2 ชนิดกีฬาเสียด้วย โดยหนึ่งเดือนเศษก่อนหน้าที่เขาจะคว้าแชมป์แรลลีบนดินแดนละตินอเมริกา เจ้าตัวเพิ่งจะขึ้นแท่นรับ 1 เหรียญทองกับ 1 เหรียญทองแดงในการแข่งขันยิงเป้าบิน "กวางเจาเกมส์ 2010" ประเภทสกีตอยู่เลย
ยิ่งไปกว่านั้นประวัติในฐานะนักมือปืนทีมชาติต้องบอกว่าโชกโชนไม่แพ้ประสบการณ์หลังพวงมาลัยรถแข่ง เนื่องจากผ่านเวทีโอลิมปิกเกมส์มาแล้วถึง 4 ครั้ง ไล่จากที่แอตแลนตา 96 ,ซิดนีย์ 2000 ,เอเธนส์ 2004 และปักกิ่ง 2008 โดยในปี 2004 พลาดคว้าเหรียญทองแดงหวุดหวิดหลังจบอันดับที่ 4 ในการยิงประเภทสกีต
ส่วนความเจนจัดในการขับรถทางวิบาก นาสเซอร์ ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน หลังเคยทำผลงานคว้าแชมป์ แรลลี ชิงแชมป์โลก (WRC) ประเภทรถโปรดักชันคาร์ในปี 2006 รวมถึงมีส่วนร่วมกับการแข่งขันแรลลีโลกมาตลอด 5 ปีล่าสุด ก่อนจะมาสร้างชื่อล่าสุดด้วยการควบรถ Touareg 3 ฝ่าด่านหินทั้ง 13 สเตจ คว้าแชมป์ดาการ์ 2011 ได้สำเร็จ
ฉะนั้นคงไม่ผิดนักนะครับที่ผมจะยกฉายา "มือปืนทะเลทราย" ให้กับ นาสเซอร์ อัล-อัตติยาห์ ยอดนักกีฬาตัวจริง