"แชมป์เก่า" เชลซี กลับมาคว้าชัยชนะในเกมพรีเมียร์ลีก อีกครั้ง หลังเปิดบ้านเข่น แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส 2-0 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี เฉือน วูล์ฟแฮมป์ตัน 4-3 จนขยับขึ้นมาครองจ่าฝูงของตาราง
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เชลซี 2-0 แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส
เชลซี ของกุนซือ คาร์โล อันเชล็อตติ น่าจะได้ความมั่นใจมากขึ้นหลังจากถล่มเอาชนะ อิปสวิช ในศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน สำหรับนัดนี้ ฟลอรองต์ มาลูดา และ ดิดิเยร์ ดร็อกบา กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง ทางฝั่ง สตีฟ คีน โค้ช แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส ได้อาวุธใหม่ในการล่าตาข่ายหลังจากยืมตัว โรเก ซานตา ครูซ กลับมาสู่ทีมอีกครั้ง แต่นัดนี้ยังเป็นสำรองก่อน
เปิดฉากครึ่งแรกมาไม่ถึง 2 นาที เชลซี เกือบได้ประตูออกนำ จากจังหวะเตะมุม ฟลอรองต์ มาลูดา เปิดบอลเข้ามาในเขตโทษ กองหลังทีมเยือนป้องกันไม่ดีจนถูก รามิเลส แย่งเอาบอลไปได้ ก่อนที่มิดฟิลด์ชาวแซมบ้าจะซัดด้วยขวาไปชนคานออกหลัง นาทีถัดมา มาร์ติน โอล์สสัน สับจากนอกเขตโทษให้ แบล็กเบิร์น ถูก ปีเตอร์ เช็ก คว้าสองมือรับไว้ได้
รูปเกมส่วนใหญ่เป็น เชลซี ที่ครองเกมบุกเหนือกว่า แต่ยังหาโอกาสจบสกอร์แบบชัดเจนไม่ได้ ผ่านมาถึงนาที 24 ทีมเยือนต้องเจอข่าวร้ายเมื่อ เดวิด ดันน์ มิดฟิลด์ตัวสำคัญมีอาการเจ็บจนถูกเปลี่ยนตัวออก โดยมี เจสัน โลว์ กองกลางดาวรุ่งวัย 19 ปีลงสนามมาแทนที่
แบล็กเบิร์น ได้โอกาสทองในนาที 33 หลังจาก ไมเคิล เอสเซียง พลาดเสียบอลหน้ากรอบเขตโทษตัวเองจนถูก ดาวิด ฮอยเลทท์ แตะเข้าไปซัดในเขตโทษ แต่ เช็ก ช่วยป้องกันไม่ให้เจ้าถิ่นเสียประตู นาทีถัดมา นิโกลาส์ อเนลกา ปั่นด้วยซ้ายบริเวณหน้าเขตโทษ บอลเลี้ยวโค้งไม่พอหลุดเสาออกไป
เชลซี ทำเกมบุกขึ้นมาอีกครั้งในาที 36 โชเซ โบซิงวา โยนบอลจากกราบขวาไปเข้าหัว แฟรงค์ แลมพาร์ด โหม่งข้ามคานออกหลัง เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้ายเจ้าถิ่นเดินเกมบุกกดดันอย่างหนัก ในนาที 42 ดิดิเยร์ ดร็อกบา เปิดบอลเข้ากลาง อเนลกา โฉบมาสะกิดเบาๆไปเช็ดคานอย่างน่าเสียดาย แต่สุดท้ายก็ยังเจาะแนวรับของทีมเยือนไม่ได้จบ 45 นาทีแรกด้วยสกอร์ 0-0
เกมครึ่งแรก อเนลกา ได้โอกาสสับไกบริเวณกรอบเขตโทษทันที บอลพุ่งเรียดหลุดเสาสองออกไป แต่ในที่สุดนาที 56 ของเกม เชลซี ก็ได้ประตูออกนำ 1-0 จากลูกเตะมุม จอห์น เทอร์รี โหม่งบอลเช็ดมาให้ บรานิสลาฟ อีวาโนวิช ตวัดยิงทางเสาเข้าสู่ก้นตาข่าย
ลูกเตะมุมนาที 67 เป็นจังหวะลุ้นอีกครั้งของเจ้าถิ่น หลังจาก แลมพาร์ด วอลเลย์ด้วยขวาจากนอกเขตโทษ บอลมาเข้าทาง เทอร์รี ที่ยืนอยู่ตรงเสาแรกโหม่งเปลี่ยนทางบอลผ่านหน้าประตูออกไป กองหลังแบล็กเบิร์น เริ่มออกอาการเป๋ มาถึงนาที 75 คริส แซมบา จ่ายบอลคืนหลังไม่ดีถูก ดร็อกบา ฉกไปยิง แต่ พอล โรบินสัน ช่วยเซฟให้ทีมเยือนไม่เสียประตู
อย่างไรก็ตามในจังหวะเตะมุมถัดมา เชลซี ก็มาทำสกอร์นำห่าง 2-0 หลังจาก มาลูดา เปิดบอลจากมุมธงมาเข้าหัว อีวาโนวิช โหม่งไปเข้าทาง อเนลกา ที่ยืนอยู่หน้าปากประตูสะกิดเปลี่ยนทางบอลเข้าประตูไป ช่วง 5 นาทีสุดท้าย มาลูดา ตะบันจากนอกเขตโทษให้ โรบินสัน ออกแรงปัดอีกครั้ง ก่อนจบ 90 นาทีด้วยชัยชนะของ เชลซี
สำหรับผลการแข่งขันคู่อื่น แมนเชสเตอร์ ซิตี ขยับขึ้นมาเป็นจ่าฝูงของตารางชั่วคราวหลังจากเปิดบ้านเฉือนชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน อย่างสุดมัน 4-3 โดยเกมนี้ เอดิน เซโก หัวหอกคนใหม่ลงเล่นเป็นตัวจริงด้วย ขณะที่ แอนดรูว์ จอห์นสัน ยิงประตูช่วงท้ายเกมให้ ฟูแลม ตามตีเสมอ วีแกน แอธเลติก 1-1 ด้าน วิคเตอร์ โอเดมวิงกี ซัลโวคนเดียวสองลูกนำ เวสต์บรอมวิช แซงชนะ แบล็กพูล 3-2 ส่วน โบลตัน วันเดอเรอร์ส บุกไปแพ้ สโต๊ก ซิตี 0-2
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, จอห์น เทอร์รี, บรานิสลาฟ อีวาโนวิช, แอชลีย์ โคล, โชเซ โบซิงวา, รามิเรส, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ไมเคิล เอสเซียง, ฟลอรองต์ มาลูดา, ดิดิเยร์ ดร็อกบา, นิโกลาส์ อเนลกา
แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส : พอล โรบินสัน, ไรอัน เนลสัน, คริส แซมบา, กาแอล ชีเวต์, มิเชล ซัลกาโด, มอร์เทน กัมส์ท พีเดอร์เซน, เดวิด ดันน์, มาร์ติน โอลส์สัน, มาเม บิราม ดิยุฟ, นิโกลา คาลินิช, ดาวิด ฮอยเลทท์
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เชลซี ชนะ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส 2-0
[1-0 : บรานิสลาฟ อีวาโนวิช น.56], [2-0 : นิโกลาส์ อเนลกา น.75]
แมนฯ ซิตี ชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 4-3
[0-1 : เนนาด มิลิยาส น.11], [1-1 : โคโล ตูเร น.39], [2-1 : คาร์ลอส เตเบซ น.49], [3-1 : ยายา ตูเร น.54], [4-1 : คาร์ลอส เตเบซ น.66], [4-2 : เควิน ดอยล์ ลูกจุดโทษ น.67], [4-3 : โรนัลด์ ซูบาร์ น.86]
สโต๊ก ซิตี ชนะ โบลตัน 2-0
[1-0 : แดนนี ฮิกกินบอทธอม น.37], [2-0 : แมทธิว เอเธอริงตัน น.63]
เวสต์บรอมวิช ชนะ แบล็คพูล 3-2
[0-1 : เดวิด วอห์น น.11], [1-1 : ปีเตอร์ โอเดมวิงกี น.36], [2-1 : เจมส์ มอร์ริสัน น.52], [2-2 : แกรี เทย์เลอร์-เฟลทเชอร์ น.79], [3-2 : ปีเตอร์ โอเดมวิงกี น.87]
วีแกน เสมอ ฟูแลม 1-1
[1-0 : ฮูโก โรดัลเยกา น.56], [1-1 : แอนดรูว์ จอห์นสัน น.84]