สาวน้อยมหัศจรรย์แห่งวงการกอล์ฟโลก มิเชล วี เดินทางมาถึงประเทศไทยเรียบร้อยเมื่อกลางดึกคืนวันเสาร์ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อเตรียมตัวทำศึก ฮอนด้า พีทีที แอลพีจีเอ ทัวร์ 2010 ที่สนามสยาม คันทรี คลับ พัทยา โอลด์ คอร์ส ในระหว่างวันที่ 18-21 ก.พ.นี้ โดยฝ่ายจัดการแข่งขันมั่นใจยอดผู้ชมจะสูงกว่าครั้ง ไทเกอร์ วูดส์มาเยือนเมืองไทยในปี 2000
มิเชล วี นักกอล์ฟเชื้อสายเกาหลี สัญชาติอเมริกัน เดินทางมาถึงเมืองไทยพร้อมกับ คุณพ่อ บีเจ วี และ คุณแม่ โบ วี เป็นที่เรียบร้อยเมื่อเวลา 23.30 น. ของคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งภายหลังผ่ายพิธีการตรวจคนเข้าเมือง "บิ๊กวีซี่ย์" ออกมาทางประตูทางออกที่ 6 ของสนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวมหูฟังลายดอกไม้ออกมา เมื่อพบกับสื่อไทยที่ไปรอทำข่าว วี มีท่าทีตกใจเล็กน้อย แต่ยิ้มรับและตอบคำถามเป็นอย่างดี โดยทักทายแฟนกอล์ฟชาวไทยสั้นๆว่า "ดีใจที่ได้มาเยือนมาเมืองไทย"
เมื่อผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการรายวัน ถามว่าวางแผนจะไปชม คาบาเรต์ โชว์ อันเลื่องชื่อของพัทยาหรือไม่ วี ตอบว่า สนใจเหมือนกันแต่คงต้องรอดูว่าจะเวลาว่างพอที่จะได้ไปชมหรือไม่" หลังจากนั้นได้เดินทางขึ้นรถที่ทางฮอนด้า จัดเอาไว้ให้เดินทางตรงไปยัง โรงแรม ดุสิต ธานี พัทยา
ต่อมาช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ คุณสุรางค์ เปรมปรีดิ์ จากสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ให้การต้อนรับอย่างเป็นทางการ และได้พูดคุยถึงการเดินทางกับ โบ วี มารดาของ มิเชล วี ซึ่งคุณสุรางค์ เผยกับผู้สื่อข่าวกีฬา ASTVผู้จัดการรายวันว่า ทางมารดา ของ มิเชล วี นั้นรู้สึกพอใจในการต้อนรับมาก
ระหว่างนั้นก็ได้มีโปรสาวชื่อดัง ทยอยกันเดินทาง มาถึงโรงแรม ดุสิต ธานี พัทยา อันได้แก่ สเตซี่ พราหมณสูตร และ คริสตี้ เคอร์ ส่วน มิเชล วี นั้นแหล่งข่าวจากฝ่ายจัดการแข่งขันระบุว่า ลงมาทานอาหารเช้าและกลับขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องพัก โดยเธอจะไม่ได้ออกเดินทางไปซ้อมแต่อย่างใด มีเพียง บีเจ วี ผู้เป็นบิดาและแคดดี้ ที่เดินทางไปสำรวจสนามที่สยามคันทรี่ คลับ พัทยา โอลด์คอร์ส ตั้งแต่เวลาประมาณ 09.00 น.
สำหรับ คุณสุรางค์ เปรมปรีดิ์ ในฐานะตัวแทนของสถานีกองทัพบกช่อง 7 และได้เดินทางมายังโรงแรม ดุสิต ธานี พัทยา เพื่อต้อนรับเหล่าโปรสาว ได้เปิดเผยถึงทัวร์นาเม้นท์ที่มีเงินรางวัลสูงกว่าหนึ่งล้านเหรียญสหรัฐฯ ว่า "นี่คือการแข่งขันที่มีนักกอล์ฟหญิงอันดับที่ 1-50 เข้าร่วมรายการ ขาดเพียงอันดับที่ 42 ซึ่งทางฝ่ายจัดการแข่งขันได้เชิญ จูลี่ อิงค์สเตอร์ เข้ามาร่วมรายการแทน"
ส่วนจำนวนผู้ชมนั้น ผู้ให้กำเนิดการแข่งขันกอล์ฟหญิงระดับโลกในเมืองไทย กล่าวด้วยความมั่นใจว่า "เราเชื่อว่ายอดผู้ชมจะเพิ่มขึ้นทุกปี อย่างการแข่งขันครั้งล่าสุด จำนวนผู้ชมนั้นมากกว่าเมื่อครั้งที่ ไทเกอร์ วูดส์ มาเยือนเมืองไทยในปี 2000 เสียด้วยซ้ำ ซึ่งครั้งนี้นอกจากจะมีดาราดังมาร่วมรายการอย่างคับคั่งแล้ว กระแสความสนใจกีฬากอล์ฟในเมืองไทยก็อยู่ในเกณฑ์ที่สูงพอกับกีฬาประเภทอื่น"
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงผู้สนับสนุนในปีนี้นั้นทางคุณสุรางค์ เปิดเผยว่า "ผู้สนับสนุนรายใหญ่มีด้วยกันสองเจ้าของ ปตท. และ ฮอนด้า ขณะที่ช่อง 7 นั้นเป็นเจ้าของทัวร์นาเม้นท์" เมื่อถามถึงความสนับสนุนจากทางภาครัฐ คุณสุรางค์ ให้คำตอบสั้นๆว่าไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดต่อเข้ามาแต่อย่างใด ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ตั้งข้อสังเกตว่าการแข่งขันครั้งนี้ภาคเอกชนเป็นฝ่ายดำเนินการทั้งหมด ในขณะที่หน่วยงานภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือการกีฬาแห่งประเทศไทย ไม่ได้ยื่นมือให้ความสนับสนุน เช่นเดียวกับองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นในตัวเมืองพัทยาอันเป็นสถานที่จัดการแข่งขัน
ทางด้านนายพิษณุ นิลกลัด ซึ่งเป็นผู้บรรยายการแข่งขันในครั้งนี้ตลอดทั้ง 4 วัน และคอยดูแลประสานงานในทัวร์นาเม้นท์ เผยถึงตัวเต็งแชมป์ในครั้งนี้ว่า "ส่วนตัวแล้วผมมองว่า โปรหญิงที่อยู่อันดับ 1-10 ของโลก นั้นมีฝีมือไล่เรี่ยกันเป็นเรื่องยากที่จะฟันธงลงไปว่าใครจะคว้าแชมป์ อย่างลอเรน่า โอชัว เอง ก็ไม่คุ้นเคยกับสนามแห่งนี้คงต้องรอดูผลกันจนวันสุดท้าย"
ส่วนโอกาสของ มิเชล วี ที่จะคว้าแชมป์แรกประเดิมฤดูกาลนั้นนายพิษณุ มองว่า "จะเห็นว่า มิเชล วี มาก่อนการแข่งขันเริ่มหลายวัน มิใช่เป็นการเดินทางมาเพื่อพักผ่อน แต่เธอเดินทางมาเพื่อเตรียมตัวก่อนการแข่งขัน มาทำความคุ้นเคยกับสภาพอากาศและสนามการแข่งขัน ซึ่งในปีนี้ วี มีเป้าที่จะคว้าอันดับหนึ่งทำเงินสูงสุดในแอลพีจีเอทัวร์ หากประเดิมแชมป์ในรายการแรกได้ น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดี"
นอกจากนี้ นายพิษณุ ยังให้แฟนกอล์ฟชาวไทยจับตาการแข่งขันหลุมสุดท้ายพาร์ 5 ซึ่งเชื่อว่า เหล่าโปรสาวจะต้องเชือดเฉือนกันอย่างสนุกแน่นอน