แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ปรานีให้กับ ปอร์ทสมัธ ก่อนไล่ทะลวงประตูเป็นว่าเล่น คว้าชัยท่วมท้น 5-0 ส่งผลให้มีคะแนนนำหน้า เชลซี 1 แต้ม แซงขึ้นไปรั้งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ชั่วคราว
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2553
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 5-0 ปอร์ทสมัธ
เริ่มเกมมาได้ 12 นาที “ปิศาจแดง” มีลุ้นหวาดเสียวก่อนจากจังหวะที่ แกรี เนวิลล์ สาดเข้าเขตโทษให้ จอนนี อีแวนส์ ขึ้นโหม่งย้อนศรข้ามคาน จากนั้น “ปอมปีย์” ก็ตอบโต้ได้เช่นกันใน 1 นาทีต่อมาโดย แดนนี เว็บเบอร์ ไหลให้ อองโตนี ฟานเดน บอร์ เติมขึ้นมากระทุ้งเต็มข้อกะให้เข้าเสาแรก แต่ถูก เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ปัดออกหลังไป ก่อนที่ หลุยส์ นานี จะโยกหาช่องสับไกในนาทีที่ 16 ทว่าลูกยังไม่เข้าเป้า
ถึงนาทีที่ 34 ปอร์ทสมัธ เกือบเจาะตาข่ายได้ก่อนจากการซัดเรียดเต็มข้อของ นาเดียร์ เบลฮัดจ์ ที่ผ่านมือ ฟาน เดอร์ ซาร์ ไปแล้ว ทว่า อีแวนส์ ยังตามมายืนขวางหน้าเส้นประตูเอาไว้ได้แบบฉิวเฉียด ให้หลังนาทีเดียว เรด เดวิลส์ หวิดได้เฮเช่นกัน แต่ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ กลับแปลูกจ่ายของ เนวิลล์ แบบจ่อๆ ออกข้างเสาแรกอย่างน่าเจ็บใจ
อย่างไรก็ตาม แมนฯ ยูไนเต็ด มานำ 1-0 จนได้ในนาทีที่ 40 โดย เวย์น รูนีย์ โขกลูกโยนจากด้านขวาของ ดาร์เรน เฟลทเชอร์ เข้าไป ก่อนจะมาหนีห่างเป็น 2-0 แบบโชคช่วยในนาทีที่ 45 เมื่อ นานี เปิดบอลไปแฉลบเท้า ฟานเดน บอร์ ทำให้ เดวิด เจมส์ นายทวารปอมปีย์หลงทาง ลูกค่อยๆ กลิ้งเข้าประตูทางเสาแรกก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
กลับมาเล่นครึ่งหลัง อันโตนิโอ วาเลนเซีย มีจังหวะหลุดเดี่ยวในนาทีที่ 55 แต่ เดวิด เจมส์ ยังออกมาบล็อกลูกยิงได้ทัน ถัดมา 4 นาที สกอร์เริ่มไหลเป็น 3-0 โดย ไมเคิล คาร์ริค ยิงไกลแฉลบขา ริชาร์ด ฮิวจ์ส บอลเช็ดใต้คานเข้าประตู จากนั้นนาทีที่ 62 เบอร์บาตอฟ ก็พลิกหนี ทาล เบน-ฮาอิม แล้วหาช่องกดเต็มข้อเสียบมุมล่างเป็น 4-0 แล้ว ก่อนที่ปิศาจแดงจะเปลี่ยนตัวทีเดียว 3 คน ให้ ดาร์รอน กิบสัน, มาเม ดิยุฟ และ ไมเคิล โอเวน ลงแทน เฟลทเชอร์, รูนีย์ และ เบอร์บาตอฟ ตามลำดับ
ประตูยังไหลมาเทมาอย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 69 ปาทริซ เอฟรา โยนจากกราบซ้ายเข้ากลาง มาร์ค วิลสัน พยายามสกัดก่อนถึง ดิยุฟ แต่กลายเป็นทำเข้าประตูตัวเองให้เจ้าถิ่นนำโด่ง 5-0
ช่วงเวลาที่เหลือยังเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่บุกกระหน่ำไม่เลิก แต่ก็ไม่มีสกอร์เพิ่มทำให้คว้าชัย 5-0 เก็บเพิ่มเป็น 56 คะแนน แซงเชลซี ขึ้นไปเป็นจ่าฝูงแทนโดยนำอยู่ 1 แต้ม แต่แข่งมากกว่า 1 นัด ส่วน ปอร์ทสมัธ จมปลักในอันดับบ๊วยต่อไป มีแค่ 15 คะแนนจาก 24 นัด
รายชื่อ 11 คนแรกของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, แกรี เนวิลล์, เวส บราวน์, จอนนี อีแวนส์, ปาทริซ เอฟรา, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ดาร์เรน เฟลทเชอร์, ไมเคิล คาร์ริค, หลุยส์ นานี, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, เวย์น รูนีย์
ปอร์ทสมัธ – เดวิด เจมส์, อองโตนี ฟานเดน บอร์, ทาล เบน-ฮาอิม, มาร์ค วิลสัน, ริคาร์โด โรชา, เฮย์เดน มัลลินส์, ริชาร์ด ฮิวจ์ส, เจมี โอฮารา, นาเดียร์ เบลฮัดจ์, แดนนี เว็บเบอร์, เฟรเดริก ปิกิยอนน์
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
ลิเวอร์พูล ชนะ เอฟเวอร์ตัน 1-0 (เดิร์ก เคาท์ 1-0 นาที 55)
โบลตัน วันเดอเรอร์ส เสมอ ฟูแลม 0-0
เบิร์นลีย์ ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-1 (เดวิด นูเจนท์ 1-0 นาที 14), (ดาเนียล ฟ็อกซ์ 2-0 นาที 55), (อเราโย อิลาน 2-1นาที 81)
ฮัลล์ ซิตี ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี 2-1 (โจซี อัลติดอร์ 1-0 นาที 31), (จอร์จ บัวเต็ง 2-0 นาที 54), (เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 2-1 นาที 59)
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ ปอร์ทสมัธ 5-0 (เวย์น รูนีย์ 1-0 นาที 40), (อองโตนี ฟานเดน บอร์ 2-0 ทำเข้าประตูตัวเอง นาที 45), (ริชาร์ด ฮิวจ์ส 3-0 ทำเข้าประตูตัวเอง นาที 59), (ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ 4-0 นาที 62), (มาร์ค วิลสัน 5-0 ทำเข้าประตูตัวเอง นาที 69)
สโต๊ค ซิตี ชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 3-0 (แดนนี ฮิกกินบอทแธม 1-0 นาที 8), (มามาดี ซิดิเบ 2-0 นาที 45), (แม็ทธิว เอเธอริงตัน 3-0 นาที 67)
ซันเดอร์แลนด์ เสมอ วีแกน แอธเลติก 1-1 (โมฮาเหม็ด ดิยาม 0-1 นาที 20), (เคนวีน โจนส์ 1-1 นาที 64)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เสมอ แอสตัน วิลลา 0-0