ในที่สุดปัญหาเรื่องโควตาแข้งนอกของศึกไทยพรีเมียร์ลีก 2010 ก็จบลงด้วยดี หลังมีการลงมติให้ยึดกฎ 3+1 ตามเดิม พร้อมกันนี้ 16 สโมสรในลีกสูงสุดจะได้รับส่วนแบ่งค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดตลอดทั้งฤดูกาลทีมละ 1.5 ล้านบาท
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่ห้องมณฑาทิพย์ โรงแรมเรดิสัน พระราม9 สามารถ มะลูลีม ประธานคณะทำงานกำหนดแนวทางการดำเนินการจัดการแข่งขันฟุตบอลอาชีพ ได้ประชุมหารือร่วมกับ ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก, วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย, องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ และ ตัวแทนสโมสรจากลีกภูมิภาค
โดยสาระสำคัญของการประชุมอยู่ที่การกำหนดโควตานักเตะต่างชาติสำหรับศึกไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2010 หลังจากก่อนหน้านี้มีปัญหาถูก 11 สโมสรแสดงจุดยืนต่อต้านระเบียบใหม่ที่เตรียมนำออกมาใช้ โดยให้ส่งรายชื่อแข้งนอกได้ 7 คน และลงสนามได้ถึง 5 คน ซึ่งภายหลังการประชุมเสร็จสิ้นก็ได้มีมติสรุปให้ยึดกฎเดิมคือ 3+1 (ส่งชื่อได้ 5 คน ลงสนามได้ 3 คน หากมีนักเตะเอเชียในทีมก็สามารถลงเล่นเพิ่มได้อีก 1 คน) ตามระเบียบของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) โดยชี้แจงว่าไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นประเด็นให้ต้องมาทะเลาะกันในขณะที่ลีกกำลังเดินหน้าไปได้สวย
พร้อมกันนี้ “บังยี” วรวีร์ มะกูดี ได้เปิดเผยว่าในศึกไทยลีกซีซันใหม่นี้จะมีการมอบส่วนแบ่งลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดให้ทั้ง 16 สโมสรในทุกนัดที่ได้เล่นเป็นทีมเหย้า นัดละ 100,000 บาท ซึ่งแต่ละทีมจะได้ลงเตะในบ้าน 15 นัดตลอดทั้งฤดูกาล นั่นหมายความว่าทุกทีมจะได้รับเงินในส่วนนี้ทีมละ 1.5 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของ ดิวิชัน 1 และลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 จะมีการพิจารณาในลำดับต่อไป
ไม่เพียงเท่านั้น นายกสมาคมลูกหนังไทยยังบอกอีกด้วยว่าในปี 2553 จะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อพัฒนาวงการฟุตบอลไทยขึ้นมาอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ เพื่อเป็นการสนองนโยบายของทางรัฐบาล ส่วนเรื่องจำนวนทีมในลีกภูมิภาคปีหน้าที่ยังไม่ยืนยันว่าจะมีกี่ทีม นายวิมล กาญจนะ ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 ยืนยันว่าขอเวลาสรุปภายในไม่เกินวันที่ 10 มกราคมนี้
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่ห้องมณฑาทิพย์ โรงแรมเรดิสัน พระราม9 สามารถ มะลูลีม ประธานคณะทำงานกำหนดแนวทางการดำเนินการจัดการแข่งขันฟุตบอลอาชีพ ได้ประชุมหารือร่วมกับ ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก, วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย, องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ และ ตัวแทนสโมสรจากลีกภูมิภาค
โดยสาระสำคัญของการประชุมอยู่ที่การกำหนดโควตานักเตะต่างชาติสำหรับศึกไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2010 หลังจากก่อนหน้านี้มีปัญหาถูก 11 สโมสรแสดงจุดยืนต่อต้านระเบียบใหม่ที่เตรียมนำออกมาใช้ โดยให้ส่งรายชื่อแข้งนอกได้ 7 คน และลงสนามได้ถึง 5 คน ซึ่งภายหลังการประชุมเสร็จสิ้นก็ได้มีมติสรุปให้ยึดกฎเดิมคือ 3+1 (ส่งชื่อได้ 5 คน ลงสนามได้ 3 คน หากมีนักเตะเอเชียในทีมก็สามารถลงเล่นเพิ่มได้อีก 1 คน) ตามระเบียบของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) โดยชี้แจงว่าไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นประเด็นให้ต้องมาทะเลาะกันในขณะที่ลีกกำลังเดินหน้าไปได้สวย
พร้อมกันนี้ “บังยี” วรวีร์ มะกูดี ได้เปิดเผยว่าในศึกไทยลีกซีซันใหม่นี้จะมีการมอบส่วนแบ่งลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดให้ทั้ง 16 สโมสรในทุกนัดที่ได้เล่นเป็นทีมเหย้า นัดละ 100,000 บาท ซึ่งแต่ละทีมจะได้ลงเตะในบ้าน 15 นัดตลอดทั้งฤดูกาล นั่นหมายความว่าทุกทีมจะได้รับเงินในส่วนนี้ทีมละ 1.5 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของ ดิวิชัน 1 และลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 จะมีการพิจารณาในลำดับต่อไป
ไม่เพียงเท่านั้น นายกสมาคมลูกหนังไทยยังบอกอีกด้วยว่าในปี 2553 จะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อพัฒนาวงการฟุตบอลไทยขึ้นมาอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ เพื่อเป็นการสนองนโยบายของทางรัฐบาล ส่วนเรื่องจำนวนทีมในลีกภูมิภาคปีหน้าที่ยังไม่ยืนยันว่าจะมีกี่ทีม นายวิมล กาญจนะ ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 ยืนยันว่าขอเวลาสรุปภายในไม่เกินวันที่ 10 มกราคมนี้
