เมื่อหลายเดือนก่อนที่ผมมีโอกาสได้มาเยือนเวียงจันทน์เห็นป้ายนับถอยหลังเข้าสู่ซีเกมส์ครั้งที่ 25 เด่นตระหง่านอยู่บริเวณตลาดเช้า ก็ตั้งใจไว้ว่าจะเข้าเป็นไปหนึ่งในพิธีเปิดเวียงจันทน์เกมส์ในค่ำคืนวันนี้ให้ได้ ทว่าความตั้งใจของผมและทีมงาน MGR SPORT ต้องพังทลายลง เมื่อผมที่ตามเกมผลปิงปองไทยที่ม.แห่งชาติได้รับข้อความทาง MSN จาก "ลุงแซม" หัวหน้าใหญ่ของทีมงานของเราที่ประจำเพลสเซ็นเตอร์ว่า "จับสลากอดไปพิธีเปิดว่ะ เซ็งโคตร"
ข้อความนั้นทำเอาผมอึ้งไปชั่วครู่พร้อมกับฉุกคิดว่าจะเข้าไปทำข่าวพิธีเปิดต้องมีการจับสลากด้วยหรือ ? ซึ่งความจริงแล้วมันเป็นเช่นนั้นครับ เมื่อฝ่ายจัดการแข่งขันมอบโควตาให้กับสื่อสิ่งพิมพ์ไทยเพียง 6 เจ้าเท่านั้น ที่สำคัญให้เล่มละ 1 คน ทำให้ทัพนักข่าวไทยในเพลสเซ็นเตอร์ที่มีกว่า 10 เจ้าต้องหาทางออกแบบแฟร์ๆด้วยการจับสลากหาสำนักข่าวที่โชคดีเข้าไปเป็นสักขีพยานที่สนามกีฬาแห่งชาติหลัก 16
แม้ว่าความโชคดีของเราคือการได้สิทธิ์จับสลากเพื่อเข้าไปในสนาม ทว่าที่โชคร้ายคือเราจับสลากไม่ได้! ทำให้จะไม่มีทีมข่าวจาก MGR SPORT เข้าไปเป็น 1 ใน 20,000 คน ในสนามกีฬาแห่งชาติ ซึ่งหากไปนึกย้อนดูแล้วไม่น่าจะมีครั้งไหนครับที่ซีเกมส์ต้องให้นักข่าวจับสลากเข้าสนาม ความรู้สึกนี้เหมือนครั้งที่ "เจ๊โอ๋" ผู้ช่วยบก.กีฬาแห่งบ้านพระอาทิตย์ไม่มีผิดเพี้ยนจริงๆ
ไม่รู้ว่างานนี้จะมีหวยล็อกหรือไม่ แต่กระแสข่าววงในที่ผมสืบทราบมานั้นบอกว่าโอลิมปิคไทยเอาโควตาที่ควรจะเป็นของผู้สื่อข่าวไปให้กับแขกที่เรียกว่า "ผู้หลักผู้ใหญ่" ของไทยเรา ซึ่งไม่รู้ว่ามันเท็จจริงประการใด แต่หากค่ำคืนวันนี้ปรากฎภาพท่าน สส. และ สว.ผู้ทรงเกียรติของไทยเราในสนามกันหน้าสลอน ก็มั่นใจได้เลยครับพี่น้อง
จริงๆแล้วจะจะเขียนบล็อกและนำเรื่องเบาๆมาฝากท่านผู้อ่าน แต่งานนี้มันอดระบายไม่ได้จริงๆครับ เอาเป็นว่าขอเปลี่ยนเรื่องแบบกระชากอารมณ์กันไปเลยดีกว่า เพราะใจจริงอยากจะเขียนเรื่องความใจดีของคนลาวที่ก่อนหน้านี้มีเจ้าบอยและ หนุ่มวิทย์ 2 เหยี่ยวของเราเคยการันตีในบล็อกแห่งมาแล้ว
อย่างวันก่อนผมเดินออกจากเพลสเซ็นเตอร์เพื่อรอรถชัทเทิลบัส (ที่นานนานมาที) พี่ยามหน้าโรงแรมอ่าง สงสัยแกเห็นผมยืนรอนานผิดปกติ จึงจัดแจงเรียกพรรคพวกอีก 3-4 ออกมาประกบซ้ายขวาหน้าหลัง แต่อย่าตกใจไปครับเพราะเขามาดี ด้วยการพาพวกออกมาช่วยกันโบกรถแบบกุลีกุจอ เพื่อให้ผมได้ขึ้นรถไปทำภารกิจสมใจ นึกแล้วก็เป็นภาพที่น่ารักจริงๆ
ส่วนที่สดๆร้อนๆ เป็นช่วงหลังเกมที่ทีมชาติหญิงเอาชนะเจ้าภาพลาว 4-1 ที่สนามมหาวิทยาลัยแห่งชาติ ผมเข้าไปถามนักข่าวลาวท่านหนึ่งว่าสนามปิงปองไปทางไหน และผมจะเดินไปได้ไหม เข้าบอกนี่ไงไปกับเขาได้เลย สักพักรถมิตซูปาเจโรคันโตก็มารับผมไปถึงสนามปิงปองด้วยความรวดเร็ว
แต่ที่แจ่มไปกว่านั้นพอบอกว่ามาจาก ASTVผู้จัดการรายวัน ก็ยิ่งมีเฮไปกันใหญ่เมื่อนักข่าวลาวท่านนี้บอกว่าเขานี่แหละแฟนประจำเว็บผู้จัดการ แต่ไม่ทันไรผมก็ต้องลงจากรถ ไม่เช่นนั้นจะถามเสียหน่อยว่ารู้จัก "เด็กปั๊ม" หรือเปล่า :)
ข้อความนั้นทำเอาผมอึ้งไปชั่วครู่พร้อมกับฉุกคิดว่าจะเข้าไปทำข่าวพิธีเปิดต้องมีการจับสลากด้วยหรือ ? ซึ่งความจริงแล้วมันเป็นเช่นนั้นครับ เมื่อฝ่ายจัดการแข่งขันมอบโควตาให้กับสื่อสิ่งพิมพ์ไทยเพียง 6 เจ้าเท่านั้น ที่สำคัญให้เล่มละ 1 คน ทำให้ทัพนักข่าวไทยในเพลสเซ็นเตอร์ที่มีกว่า 10 เจ้าต้องหาทางออกแบบแฟร์ๆด้วยการจับสลากหาสำนักข่าวที่โชคดีเข้าไปเป็นสักขีพยานที่สนามกีฬาแห่งชาติหลัก 16
แม้ว่าความโชคดีของเราคือการได้สิทธิ์จับสลากเพื่อเข้าไปในสนาม ทว่าที่โชคร้ายคือเราจับสลากไม่ได้! ทำให้จะไม่มีทีมข่าวจาก MGR SPORT เข้าไปเป็น 1 ใน 20,000 คน ในสนามกีฬาแห่งชาติ ซึ่งหากไปนึกย้อนดูแล้วไม่น่าจะมีครั้งไหนครับที่ซีเกมส์ต้องให้นักข่าวจับสลากเข้าสนาม ความรู้สึกนี้เหมือนครั้งที่ "เจ๊โอ๋" ผู้ช่วยบก.กีฬาแห่งบ้านพระอาทิตย์ไม่มีผิดเพี้ยนจริงๆ
ไม่รู้ว่างานนี้จะมีหวยล็อกหรือไม่ แต่กระแสข่าววงในที่ผมสืบทราบมานั้นบอกว่าโอลิมปิคไทยเอาโควตาที่ควรจะเป็นของผู้สื่อข่าวไปให้กับแขกที่เรียกว่า "ผู้หลักผู้ใหญ่" ของไทยเรา ซึ่งไม่รู้ว่ามันเท็จจริงประการใด แต่หากค่ำคืนวันนี้ปรากฎภาพท่าน สส. และ สว.ผู้ทรงเกียรติของไทยเราในสนามกันหน้าสลอน ก็มั่นใจได้เลยครับพี่น้อง
จริงๆแล้วจะจะเขียนบล็อกและนำเรื่องเบาๆมาฝากท่านผู้อ่าน แต่งานนี้มันอดระบายไม่ได้จริงๆครับ เอาเป็นว่าขอเปลี่ยนเรื่องแบบกระชากอารมณ์กันไปเลยดีกว่า เพราะใจจริงอยากจะเขียนเรื่องความใจดีของคนลาวที่ก่อนหน้านี้มีเจ้าบอยและ หนุ่มวิทย์ 2 เหยี่ยวของเราเคยการันตีในบล็อกแห่งมาแล้ว
อย่างวันก่อนผมเดินออกจากเพลสเซ็นเตอร์เพื่อรอรถชัทเทิลบัส (ที่นานนานมาที) พี่ยามหน้าโรงแรมอ่าง สงสัยแกเห็นผมยืนรอนานผิดปกติ จึงจัดแจงเรียกพรรคพวกอีก 3-4 ออกมาประกบซ้ายขวาหน้าหลัง แต่อย่าตกใจไปครับเพราะเขามาดี ด้วยการพาพวกออกมาช่วยกันโบกรถแบบกุลีกุจอ เพื่อให้ผมได้ขึ้นรถไปทำภารกิจสมใจ นึกแล้วก็เป็นภาพที่น่ารักจริงๆ
ส่วนที่สดๆร้อนๆ เป็นช่วงหลังเกมที่ทีมชาติหญิงเอาชนะเจ้าภาพลาว 4-1 ที่สนามมหาวิทยาลัยแห่งชาติ ผมเข้าไปถามนักข่าวลาวท่านหนึ่งว่าสนามปิงปองไปทางไหน และผมจะเดินไปได้ไหม เข้าบอกนี่ไงไปกับเขาได้เลย สักพักรถมิตซูปาเจโรคันโตก็มารับผมไปถึงสนามปิงปองด้วยความรวดเร็ว
แต่ที่แจ่มไปกว่านั้นพอบอกว่ามาจาก ASTVผู้จัดการรายวัน ก็ยิ่งมีเฮไปกันใหญ่เมื่อนักข่าวลาวท่านนี้บอกว่าเขานี่แหละแฟนประจำเว็บผู้จัดการ แต่ไม่ทันไรผมก็ต้องลงจากรถ ไม่เช่นนั้นจะถามเสียหน่อยว่ารู้จัก "เด็กปั๊ม" หรือเปล่า :)