คอลัมน์ "หัวใจในกีฬา" โดย จำลอง ฝั่งชลจิตร
ช่วงปลายสัปดาห์ ผมขึ้นจากปักษ์ใต้ข้ามฟากไปเมืองระยอง ผ่านเมืองชลบุรีที่นักประวัติศาสตร์บางท่านสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นถิ่นกำเนิดบรรพบุรุษของผม
ช่างมันเถอะ ผมไม่ได้ตั้งใจพูดเรื่องถิ่นกำเนิดบรรพบุรุษ แต่พอผ่านเมืองชลเลยเกิดนึกถึงฟุตบอลไทยแลนด์ลีก ที่ได้รับความนิยมอย่างน่าประหลาดใจ
ได้เวลาเมืองไทยมีฟุตบอลอาชีพเป็นเรื่องเป็นราวเสียที หลังจากปล้ำผีลุกปลุกผีนั่งอยู่นานปี ปล่อยให้ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ประเภทแถบตะวันออกกลาง สิงคโปร์ และเวียดนาม วิ่งล้ำนำหน้าไปตั้งหลายปี ทุกวันนี้แฟนบอลไทยมีผ้าพันคอตราสโมสรรักเป็นของตัวเอง และพร้อมจะกางชูเป็นกำลังใจนักเตะในสนามอย่างไม่รู้สึกต่ำต้อยน้อยหน้า
เมื่อเติบโตได้รับความนิยม สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือพัฒนาต่อยอดให้เป็น "อาชีพ" อย่างแท้จริง อย่าให้เติบโตแบบพืชล้มลุก
พัฒนาโดยรวมว่าตั้งแต่สโมสร สนามแข่ง สินค้าที่ระลึก พัฒนาทีมและนักเตะ พัฒนาคุณภาพการเล่น พัฒนากรรมการ และการตัดสินที่บริสุทธิ์ยุติธรรม
นักเตะต้องเป็นมืออาชีพมากขึ้น ต้องอยู่ในกฎระเบียบที่มีทั้งคุณและโทษ ลบภาพนักเตะนักเลงไล่เตะต่อยฝ่ายตรงข้ามกลางสนาม
แฟนบอลก็มีกฎกติกาบังคับ หากทำสิ่งร้ายๆ สโมสรต้องจัดการเหมือนฟุตอาชีพในยุโรป เช่น ห้ามเข้าสนามตามระยะเวลาที่กำหนด พึงตระหนักอยู่เสมอว่าการชมการแข่งกันกีฬามีวัฒนธรรมกำกับอยู่ อาจเรียกรวมๆ กันว่า กฎ กติกา มารยาท และน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะ ซึ่งเป็นเครื่องแสดงความเจริญ
นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เติบโตในเมืองลูกหนังอังกฤษและถือยึดธรรมเนียมปฏิบัติอย่างเยาวชนอังกฤษทั่วไป คือ เป็นแฟนคลับสโมสรฟุตบอลสักแห่ง นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นแฟนอย่างเหนียวแน่นของสโมสรนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ผมเชื่อว่าคนเติบโตในอังกฤษอย่างท่านต้องเข้าใจฟุตบอลอาชีพมากกว่าบ้านนอกอย่างเราๆ ท่านๆ
การเดินทางมาเยือนเมืองไทยและการเข้าพบนายกรัฐมนตรีของ มร.โจเซปป์ แบลตเตอร์ ประธานฟีฟ่า น่าจะมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนว่าด้วยการจัดการฟุตบอลอาชีพอย่างถูกต้องและเป็นไปในทางสร้างสรรค์ทักษะการเล่นฟุตบอลในกลุ่มเด็กและเยาวชน
ขณะเดียวกันทีมชาติไทยได้ มร.ไบรอัน ร็อบสัน อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษและกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาเป็นผู้ฝึกสอน ความเอาจริงเอาจังของกัปตันกระดูกเหล็กผู้นี้ อาจไม่ถูกนิสัยของนักเตะไทยที่ขาดความเป็นมืออาชีพและมีเจ้าของ
ดูโดยรวม ฟุตบอลอาชีพในเมืองไทยกำลังไปได้สวย อย่าให้เกิดการล้มต้มหรือล็อกผล ซึ่งจะส่งผลดีในระยะยาว เชื่อว่าสักวันหนึ่งอาจมีนักเตะฝีเท้าดีในอาเซียน เอเชีย นักเตะใกล้ปลดระวางในยุโรป ละตินอเมริกาและแอฟริกามาค้าแข้งในบ้านเรา อันจะช่วยยกระดับฝีเท้านักเตะไทย และสร้างบรรยากาศลูกหนังที่สนุกน่าปรารถนา
ทีมชาติไทยน่าจะได้เพชรเม็ดใหม่ไปทดแทนเม็ดเก่า ส่วนจะไปเล่นฟุตบอลโลกได้หรือไม่ผมไม่กล้าฝันไกล สิ่งที่อยากรู้ ณ เวลานี้ รัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีมีวัฒนธรรมฟุตบอลจะเติมอะไรลงไป โดยเฉพาะในมุมมองของ "เศรษฐศาสตร์ฟุตบอล"
ช่วงปลายสัปดาห์ ผมขึ้นจากปักษ์ใต้ข้ามฟากไปเมืองระยอง ผ่านเมืองชลบุรีที่นักประวัติศาสตร์บางท่านสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นถิ่นกำเนิดบรรพบุรุษของผม
ช่างมันเถอะ ผมไม่ได้ตั้งใจพูดเรื่องถิ่นกำเนิดบรรพบุรุษ แต่พอผ่านเมืองชลเลยเกิดนึกถึงฟุตบอลไทยแลนด์ลีก ที่ได้รับความนิยมอย่างน่าประหลาดใจ
ได้เวลาเมืองไทยมีฟุตบอลอาชีพเป็นเรื่องเป็นราวเสียที หลังจากปล้ำผีลุกปลุกผีนั่งอยู่นานปี ปล่อยให้ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ประเภทแถบตะวันออกกลาง สิงคโปร์ และเวียดนาม วิ่งล้ำนำหน้าไปตั้งหลายปี ทุกวันนี้แฟนบอลไทยมีผ้าพันคอตราสโมสรรักเป็นของตัวเอง และพร้อมจะกางชูเป็นกำลังใจนักเตะในสนามอย่างไม่รู้สึกต่ำต้อยน้อยหน้า
เมื่อเติบโตได้รับความนิยม สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือพัฒนาต่อยอดให้เป็น "อาชีพ" อย่างแท้จริง อย่าให้เติบโตแบบพืชล้มลุก
พัฒนาโดยรวมว่าตั้งแต่สโมสร สนามแข่ง สินค้าที่ระลึก พัฒนาทีมและนักเตะ พัฒนาคุณภาพการเล่น พัฒนากรรมการ และการตัดสินที่บริสุทธิ์ยุติธรรม
นักเตะต้องเป็นมืออาชีพมากขึ้น ต้องอยู่ในกฎระเบียบที่มีทั้งคุณและโทษ ลบภาพนักเตะนักเลงไล่เตะต่อยฝ่ายตรงข้ามกลางสนาม
แฟนบอลก็มีกฎกติกาบังคับ หากทำสิ่งร้ายๆ สโมสรต้องจัดการเหมือนฟุตอาชีพในยุโรป เช่น ห้ามเข้าสนามตามระยะเวลาที่กำหนด พึงตระหนักอยู่เสมอว่าการชมการแข่งกันกีฬามีวัฒนธรรมกำกับอยู่ อาจเรียกรวมๆ กันว่า กฎ กติกา มารยาท และน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะ ซึ่งเป็นเครื่องแสดงความเจริญ
นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เติบโตในเมืองลูกหนังอังกฤษและถือยึดธรรมเนียมปฏิบัติอย่างเยาวชนอังกฤษทั่วไป คือ เป็นแฟนคลับสโมสรฟุตบอลสักแห่ง นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นแฟนอย่างเหนียวแน่นของสโมสรนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ผมเชื่อว่าคนเติบโตในอังกฤษอย่างท่านต้องเข้าใจฟุตบอลอาชีพมากกว่าบ้านนอกอย่างเราๆ ท่านๆ
การเดินทางมาเยือนเมืองไทยและการเข้าพบนายกรัฐมนตรีของ มร.โจเซปป์ แบลตเตอร์ ประธานฟีฟ่า น่าจะมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนว่าด้วยการจัดการฟุตบอลอาชีพอย่างถูกต้องและเป็นไปในทางสร้างสรรค์ทักษะการเล่นฟุตบอลในกลุ่มเด็กและเยาวชน
ขณะเดียวกันทีมชาติไทยได้ มร.ไบรอัน ร็อบสัน อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษและกัปตันทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาเป็นผู้ฝึกสอน ความเอาจริงเอาจังของกัปตันกระดูกเหล็กผู้นี้ อาจไม่ถูกนิสัยของนักเตะไทยที่ขาดความเป็นมืออาชีพและมีเจ้าของ
ดูโดยรวม ฟุตบอลอาชีพในเมืองไทยกำลังไปได้สวย อย่าให้เกิดการล้มต้มหรือล็อกผล ซึ่งจะส่งผลดีในระยะยาว เชื่อว่าสักวันหนึ่งอาจมีนักเตะฝีเท้าดีในอาเซียน เอเชีย นักเตะใกล้ปลดระวางในยุโรป ละตินอเมริกาและแอฟริกามาค้าแข้งในบ้านเรา อันจะช่วยยกระดับฝีเท้านักเตะไทย และสร้างบรรยากาศลูกหนังที่สนุกน่าปรารถนา
ทีมชาติไทยน่าจะได้เพชรเม็ดใหม่ไปทดแทนเม็ดเก่า ส่วนจะไปเล่นฟุตบอลโลกได้หรือไม่ผมไม่กล้าฝันไกล สิ่งที่อยากรู้ ณ เวลานี้ รัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีมีวัฒนธรรมฟุตบอลจะเติมอะไรลงไป โดยเฉพาะในมุมมองของ "เศรษฐศาสตร์ฟุตบอล"