“แซมบ้า” บราซิล ที่เต็มไปด้วยผู้เล่นสำรองและหน้าใหม่หลายคน บุกเสียท่าให้แก่ โบลิเวีย 1-2 ในศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ เมื่อคืนวันอาทิตย์
หลังจากนำทีมชาติบราซิล ไปสะบัดธงในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่แอฟริกาใต้ ช่วงกลางปีหน้าแน่นอนแล้ว คาร์ลอส ดุงกา จึงมีการปรับทัพ “แซมบ้า” หลายตำแหน่ง เลือกพักซูเปอร์สตาร์หลายคนอาทิเช่น ริคาร์โด กาก้า, ลูซิโอ, จิลแบร์โต ซิลวา หรือว่า หลุยส์ ฟาเบียโน เพื่อเปิดทางให้ เจา มิรันดา, โชซูเอ, ดีเอโก ซูซา และ อาเดรียโน ได้โชว์ฝีเท้าบ้างในเกมเยือน โบลิเวีย ซึ่งมี มาร์เซโล มาร์ตินส์ โมเรโน เป็นตัวชูโรง
ท่ามกลางสภาพอากาศที่เจือจางจากการที่สนามในเมืองลา ปาซ สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 3 พันเมตร ทำให้ โบลิเวีย ไม่หวั่นเกรงศักดิ์ศรีแชมป์โลก 5 สมัยอย่าง บราซิล แม้แต่น้อย เจ้าถิ่นเป็นฝ่ายเดินเกมบุกเข้าใส่และก็ออกนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 10 จากการขึ้นโหม่งเข้าไปของ เอ็ดการ์ โอลิวาเรส พอโดนไปก่อนขุนพล “แซมบ้า” ดูตื่นตัวมากขึ้นเร่งเกมหวังทวงประตูคืน ทว่าถึงครึ่งชั่วโมง เจ้าบ้านกลับเบิกสกอร์ทิ้งห่างเป็น 2-0 จากการปั่นฟรีคิกอันเฉียบขาดของ มาร์เซโล มาร์ตินส์ โมเรโน จบ 45 นาทีแรก โบลิเวีย ถือความได้เปรียบพอสมควร
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง คาร์ลอส ดุงกา ต้องส่งเอา ดีเอโก ทาร์เดลลี ลงมาช่วย นิลมาร์ ล่าตาข่ายแทน อาเดรียโน และก็เป็น บราซิล ที่ครองเกมบุกได้มากกว่าครึ่งแรก แต่ยังเจาะกำแพงเกมรับเจ้าบ้านไม่ได้ จนกระทั่งถึงนาทีที่ 70 ทีมเยือนก็ตีไข่แตกสำเร็จจากการพุ่งโหม่งของ นิลมาร์ ช่วงเวลาที่เหลือ “แซมบ้า” ดันเกมรุกเต็มตัวแต่ทำอะไรเพิ่มไม่ได้ ครบ 90 นาที โบลิเวีย เก็บชัยได้อย่างงดงาม 2-1 มีเพิ่มเป็น 15 คะแนนจาก 17 นัด รั้งอันดับ 9 (รองบ๊วย) ของโซนอเมริกาใต้ ขณะที่ บราซิล แม้พ่ายแพ้แต่ยังนำเป็นจ่าฝูงด้วยการมีอยู่ 33 คะแนน ที่สำคัญควง ปารากวัย กับ ชิลี เข้ารอบสุดท้ายไปก่อนหน้านี้แล้ว
หลังจากนำทีมชาติบราซิล ไปสะบัดธงในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่แอฟริกาใต้ ช่วงกลางปีหน้าแน่นอนแล้ว คาร์ลอส ดุงกา จึงมีการปรับทัพ “แซมบ้า” หลายตำแหน่ง เลือกพักซูเปอร์สตาร์หลายคนอาทิเช่น ริคาร์โด กาก้า, ลูซิโอ, จิลแบร์โต ซิลวา หรือว่า หลุยส์ ฟาเบียโน เพื่อเปิดทางให้ เจา มิรันดา, โชซูเอ, ดีเอโก ซูซา และ อาเดรียโน ได้โชว์ฝีเท้าบ้างในเกมเยือน โบลิเวีย ซึ่งมี มาร์เซโล มาร์ตินส์ โมเรโน เป็นตัวชูโรง
ท่ามกลางสภาพอากาศที่เจือจางจากการที่สนามในเมืองลา ปาซ สูงกว่าระดับน้ำทะเลกว่า 3 พันเมตร ทำให้ โบลิเวีย ไม่หวั่นเกรงศักดิ์ศรีแชมป์โลก 5 สมัยอย่าง บราซิล แม้แต่น้อย เจ้าถิ่นเป็นฝ่ายเดินเกมบุกเข้าใส่และก็ออกนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 10 จากการขึ้นโหม่งเข้าไปของ เอ็ดการ์ โอลิวาเรส พอโดนไปก่อนขุนพล “แซมบ้า” ดูตื่นตัวมากขึ้นเร่งเกมหวังทวงประตูคืน ทว่าถึงครึ่งชั่วโมง เจ้าบ้านกลับเบิกสกอร์ทิ้งห่างเป็น 2-0 จากการปั่นฟรีคิกอันเฉียบขาดของ มาร์เซโล มาร์ตินส์ โมเรโน จบ 45 นาทีแรก โบลิเวีย ถือความได้เปรียบพอสมควร
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง คาร์ลอส ดุงกา ต้องส่งเอา ดีเอโก ทาร์เดลลี ลงมาช่วย นิลมาร์ ล่าตาข่ายแทน อาเดรียโน และก็เป็น บราซิล ที่ครองเกมบุกได้มากกว่าครึ่งแรก แต่ยังเจาะกำแพงเกมรับเจ้าบ้านไม่ได้ จนกระทั่งถึงนาทีที่ 70 ทีมเยือนก็ตีไข่แตกสำเร็จจากการพุ่งโหม่งของ นิลมาร์ ช่วงเวลาที่เหลือ “แซมบ้า” ดันเกมรุกเต็มตัวแต่ทำอะไรเพิ่มไม่ได้ ครบ 90 นาที โบลิเวีย เก็บชัยได้อย่างงดงาม 2-1 มีเพิ่มเป็น 15 คะแนนจาก 17 นัด รั้งอันดับ 9 (รองบ๊วย) ของโซนอเมริกาใต้ ขณะที่ บราซิล แม้พ่ายแพ้แต่ยังนำเป็นจ่าฝูงด้วยการมีอยู่ 33 คะแนน ที่สำคัญควง ปารากวัย กับ ชิลี เข้ารอบสุดท้ายไปก่อนหน้านี้แล้ว