มาร์ติน เอ็ดเวิร์ด อดีตประธานสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอมรับกังวลสถานการณ์ของทีมเก่าที่มีหนี้ท่วมหัว ภายใต้การบริหารงานของครอบครัว เกลเซอร์ เผย “ผีแดง” อาจจะพังพาบหากนักธุรกิจชาวสหรัฐฯ ตัดสินใจทิ้งทีมไป
แม้ว่า แมนฯยู จะประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ พรีเมียร์ชิป 3 สมัยหลังสุด รวมถึงแชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก 1 สมัยจากการเข้าชิง 2 ปีหลัง แต่ทว่าก็มีหนี้สูงถึงเกือบ 700 ล้านปอนด์ (ประมาณ 38,500 ล้านบาท) หลังจาก เกลเซอร์ เข้ามาเทกโอเวอร์กิจการเมื่อปี 2005
เอ็ดเวิร์ด อดีตประธานสโมสร แมนฯยู มองเรื่องนี้ ว่า “เป็นสิ่งที่ผมกังวลเกี่ยวกับสโมสรที่มีหนี้มากมายก่ายกองเช่นนี้ ผมไม่ได้คิดจะกล่าวโทษใครทั้งนั้น เพราะว่า เกลเซอร์ ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม สนับสนุนกุนซือทุกอย่าง พวกเขาไม่ได้ทำลายการเติบโตของสโมสร หรือความสัมพันธ์ภายใน”
“จากนี้เวลาจะบอกทุกอย่าง แต่ทุกสิ่งอาจจะพังเมื่อ เกลเซอร์ โบกมือลา แมนฯยู แน่นอนความผิดหวังจะต้องมาเยือนกับหนี้ก้อนโตขนาดนี้ หรือไม่ก็ขายสโมสรเพื่อทำกำไร เพราะถนัดอยู่แล้วกับเรื่องแบบนี้ และต้องการจะให้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ก็ต้องรอดูว่าพวกเขาจะลาทีมไปแบบไหน” เอ็ดเวิร์ด ที่เคยนั่งตำแหน่งประธานสโมสร แมนฯยู นานถึง 22 ปี ปัจจุบันกลายเป็นประธานกิตติมศักดิ์ เผย
มัลคอล์ม เกลเซอร์ นักธุรกิจชาวสหรัฐฯ ใช้เงิน 828 ล้านปอนด์ (ประมาณ 45,540 ล้านบาท) ซื้อทีม แมนฯยู เมื่อ 4 ปีก่อน แต่ว่าเงินถึง 556 ล้านปอนด์ (ประมาณ 30,580 ล้านบาท) คิดเป็น 70 เปอร์เซนต์ มาจากการกู้ยืม