แมนเชสเตอร์ ซิตี ยังฟอร์มแรง เปิดบ้านไล่ถลุง อาร์เซนอล 4-2 ขณะที่ ยอสซี เบนายูน ซัดแฮตทริกให้ ลิเวอร์พูล ไล่ยำ เบิร์นลีย์ ไป 4-0 ส่วน ฟลอรองต์ มาลูดา เป็นฮีโรซัดประตูชัยช่วงทดเวลาบาดเจ็บให้ เชลซี เฉือน สโต๊ค ซิตี หวุดหวิด 2-1 ในเกมพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 12 ก.ย.
ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
แมนฯ ซิตี 4-2 อาร์เซนอล
แมนเชสเตอร์ ซิตี ของกุนซือ มาร์ก ฮิวจ์ส หมดสิทธิ์ใช้งาน คาร์ลอส เตเบซ และ โรบินโญ เนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บมาจากเกมทีมชาติ แต่ทีมยังมี เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ดาวยิงตัวเก่งที่จะได้ดวลกับเพื่อนเก่า รวมถึง โคโล ตูเร ขณะที่ อาร์เซนอล ของ อาร์แซน เวนเกอร์ เจอปัญหาตัวผู้เล่นเช่นกัน เมื่อ อังเดร อาร์ชาวิน เพลย์เมกเกอร์หมีขาวเจ็บขาหนีบ แต่ยังดีที่ เชส ฟาเบรกาส หายจากเจ็บเอ็นหลังหัวเข่ากลับมาคุมเกมแดนกลางได้
เริ่มครึ่งแรก ทั้งสองทีมทำเกมกันสู่สีผลัดกันรุกและรับ แต่จังหวะลุ้นทำประตูแรกของเกมต้องรอจนกระทั่งนาที 12 เมื่อ อาร์เซนอล ได้ลูกเตะมุมทางมุมธงด้านขวา ฟาน เพอร์ซีย์ เปิดด้วยซ้าย โดยกองหลังเจ้าถิ่นประกบกันผิดพลาดปล่อยให้ กัลลาส ขึ้นโหม่งคนเดียว แต่กดไม่ลงบอลข้ามคานออกไป
กระทั่งเกมมาถึงนาที 20 แมนฯ ซิตี เป็นฝ่ายออกนำไปก่อน 1-0 เริ่มจากลูกเซตพีซ โดย แบร์รี วางบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ บอลลอยมาเข้าหัว ริชาร์ดส์ ลอยตัวโหม่งย้อนให้เข้าเสาแรก อัลมูเนีย ถลามาปัดด้วยปลายมือ แต่โชคร้าย บอลกระดอนเสาเด้งกลับมาถูกตัวนายด่านชาวสเปนเข้าประตูตัวเองไป
หลังจากนั้นทั้งสองทีมไม่มีโอกาสทำประตูกันนัก โดย เบลลามี ของเจ้าถิ่นเก็บตกบอลได้จากลูกเตะมุมและตัดสินใจวอลเลย์จากนอกเขตโทษ แต่บอลไปโดนคู่แข่งหลุดเสาออกไป ขณะที่ทีมเยือนมีลุ้นเล็กๆจาก ฟาเบรกาส เลี้ยงบอลขึ้นมาซัดไกลตรงเส้นเขตโทษ แต่เหินข้ามคานไปเช่นกัน สุดท้ายจบ 45 นาทีแรก แมนฯ ซิตี นำ 1-0
เริ่มครึ่งหลัง ผ่านมา 3 นาที “ปืนโต” ได้ฟรีคิกบริเวณมุมเขตโทษ ฟาเบรกาส หยอดมาทางเสาสอง เวอร์มาเลน โหนตัวโหม่งข้ามคานออกไป ทีมเยือนทำเกมดีกว่าเล็กน้อย มาถึงนาที 56 ก็มาได้ลูกเตะมุม ฟาน เพอร์ซีย์ เปิดมาเข้าหัว กัลลาส โฉบโหม่งเสาแรก บอลพุ่งไปตรงตัว กิฟเวน ปัดได้ บอลยังมาเข้าทาง เบนด์ทเนอร์ ได้ซ้ำมุมแคบ แต่เหินข้ามคานออกไป
อีก 4 นาทีต่อมา เวอร์มาเลน เลี้ยงบอลจากกลางสนามขึ้นมาสับไกเต็มข้อ บอลไปตรงตัว กิฟเวน ปัดทิ้งไปได้ หลังจากนั้น แมนฯ ซิตี ได้โอกาสสวนกลับเร็ว โดยจังหวะสุดท้าย ไอร์แลนด์ ไหลบอลบริเวณเส้นเขตโทษมาให้ เบลลามี ซัดด้วยขวา แต่บอลไปตรงตัว อัลมูเนีย รับเข้าซอง
โดยในที่สุด อาร์เซนอล มาตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ ในนาที 62 เมื่อ โทมัส โรซิคกี ตัวสำรองที่ลงมาในช่วงครึ่งหลัง จ่ายบอลให้ ฟาน เพอร์ซี พลิกหนีกองหลังหลุดเข้าไปยิงเล่นทาง บอลผ่านมือ กิฟเวน ซุกก้นตาข่าย หลังจากนั้น เวอร์มาเลน เกือบทำประตูให้ทีมเยือนพลิกนำ เมื่อได้โอกาสยิงจ่อๆหน้าปากประตูแต่บอลหลุดกรอบออกไปและถูกดักล้ำหน้าก่อน
แต่ “เดอะกันเนอร์ส” บุกอยู่ดีๆ ก็มาเสียบอลกลางสนาม ก่อนที่ ไรท์-ฟิลลิปส์ จะแทงบอลต่อให้ ริชาร์ดส เติมเกมขึ้นมาถึงริมเขตโทษ โยกหลอก อเล็กซ์ ซง ก่อนจะไหลมาให้ เบลลามี ตวัดยิงด้วยขวา บอลหนีมือ อัลมูเนีย ที่พุ่งสุดเหยียดตุงตาข่ายทำให้เจ้าบ้านออกนำอีก 2-1 ในนาที 74
หลังจากนั้นอีก 3 นาที อเดบายอร์ โชว์ทักษะความสามารถเฉพาะตัวจนหลุดเข้าไปถึงเส้นหลัง ก่อนจ่ายให้ ไรท์-ฟิลลิปส์ แปหน้าประตู แต่กลับหลุดเสาออกไปอย่างไม่น่าเชื่อ จนมาถึงนาที 81 ดาวยิงชาวโตโกก็มาซัดประตูทีมเก่าได้สำเร็จ เมื่อ ไรท์-ฟิลลิปส์ ตัดบอลได้จาก กลีชี หลังจากนั้นเลี้ยงบอลขึ้นมาทางริมเขตโทษ ก่อนเปิดบอลมาเข้าหัว อเดบายอร์ โหม่งคนเดียวส่งบอลเสียบโคนเสาสองให้ “เรือใบ” นำ 3-1 แต่เจ้าตัวถูกใบเหลืองจากกรรมการหลังไปแสดงความดีใจต่อหน้าแฟนบอลปืนโต
มาถึงนาที 84 ลูกทีมของ มาร์ก ฮิวจ์ส มาทำประตูหนีห่าง 4-1 จากจังหวะที่ เบลลามี ตัดบอลจาก กลีชี หน้าประตูตัวเอง ก่อนเลี้ยงยาวมาถึงหน้าเขตโทษของทีมเยือน หลังจากนั้นกองหน้าชาวเวลส์ไหลต่อให้ ไรท์-ฟิลลิปส์ หลุดเข้าไปยกบอลผ่าน อัลมูเนีย เข้าประตูไป
อาร์เซนอล ยังไม่ท้อสามารถทวงคืนมาได้อีกลูกในนาที 88 เมื่อ ฟาเบรกาส จ่ายบอลทะลุช่องให้ โรซิคกี หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปยิงสวนตัว กิฟเวน ให้ทีมไล่มา 2-4 หลังจากนั้นอีก 2 นาที ทีมเยือนเกือบตีตื้นได้อีกหนึ่งประตู เมื่อ ฟาน เพอร์ซี พลิกตัวปั่นด้วยซ้ายในเขตโทษ แต่บอลพุ่งไปชนเสากระดอนออกไป
ช่วงท้ายเกม “ปืนโต” โหมบุกหนัก ฟาน เพอร์ซี ได้ชาร์จบอลจากลูกเปิดของ เอดูอาร์โด แต่บอลแฉลบกองหลังออกไป จากนั้น เบนด์ทเนอร์ ได้โอกาสซัดมุมแคบ แต่ถูก กิฟเวน ปัดทิ้งออกไปได้อย่างหวุดหวิดอีกครั้ง สุดท้ายไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มได้จบ 90 นาที แมนฯ ซิตี เอาชนะไป 4-2
สำหรับผลการแข่งขันคู่อื่น ยอสซี เบนายูน มิดฟิลด์ชาวยิวซัดแฮตทริกนาที 27, 61 และ 82 บวกกับลูกยิงของ เดิร์ก เคาท์ นาที 41 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ไล่ต้อน เบิร์นลีย์ 4-0 ส่วน เชลซี หืดจับเล็กน้อย ก่อนจะมาได้ ฟลอรองต์ มาลูดา ปีกฝรั่งเศส ซัดประตูชัยช่วงท้ายเกมให้ทีมบุกไปเอาชนะ สโต๊ค ซิตี 2-1
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนฯ ซิตี : เชย์ กิฟเวน, โคโล ตูเร, โจเลียน เลสคอตต์, เวย์น บริดจ์, มิกาห์ ริชาร์ดส์, ไนเจล เดอ ยอง, แกเร็ธ แบร์รี, สตีเฟน ไอร์แลนด์, ชอน ไรท์-ฟิลิปส์, เคร็ก เบลลามี, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
อาร์เซนอล : มานูเอล อัลมูเนีย, โธมัส เวอร์มาเลน, วิลเลียม กัลลาส, กาแอล กลีชี, บาการี ซานญา, เดนิลสัน, อเล็กซ์ ซอง, โรบิน ฟาน เพอร์ซีย์, เชส ฟาเบรกาส, อาบู ดิยาบี, นิคลาส เบนด์ทเนอร์
ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ชนะ วูล์ฟส์แฮมป์ตัน 3-1
[1-0 : เอล-ฮัดจิ ดิยุฟ น.19], [2-0 : เจสัน โรเบิร์ตส์ น.56], [3-0 : เดวิด ดันน์ น.64], [3-1 : สเตฟาน มายเดอร์โฮเฟอร์ น.88]
ลิเวอร์พูล ชนะ เบิร์นลี่ย์ 4-0
[1-0 : ยอสซี เบนายูน น.27], [2-0 : เดิร์ก เคาท์ น.41], [3-0 : ยอสซี เบนายูน น.61], [4-0 : ยอสซี เบนายูน น.82]
แมนฯ ซิตี ชนะ อาร์เซน่อล 4-2
[1-0 : มานูเอล อัลมูเนีย ทำเข้าประตูตัวเอง น.20], [1-1 : โรบิน ฟาน เพอร์ซี น.62], [2-1 : เคร็ก เบลลามี น.74], [3-1 : เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ น.81], [4-1 : ชอน ไรท์-ฟิลลิปส์ น.84], [4-2 : โทมัส โรซิคกี น.88]
ปอร์ตสมัธ แพ้ โบลตัน 2-3
[0-1 : ทามีร์ โคเฮน น.13], [1-1 : ยูเนส กาบูล น.25], [1-2 : แมทธิว เทย์เลอร์ (ลูกจุดโทษ) น.41], [2-2 : เควิน-ปรินซ์ บัวเต็ง น.22], [2-3 : แกรี เคฮิลล์ น.89]
สโต๊ค แพ้ เชลซี 1-2
[1-0 : อับดุลลาย ฟาย น.32], [1-1 : ดิดิเยร์ ดร็อกบา น.45], [1-2 : ฟลอรองต์ มาลูดา น.90],
ซันเดอร์แลนด์ ชนะ ฮัลล์ 4-1
[1-0 : ดาร์เรน เบนท์ (ลูกจุดโทษ) น.13], [1-1 : คามิล ซายัตเต น.43], [2-1 : แอนดี รีด น.49], [3-1 : ดาร์เรน เบนท์ น.66], [4-1 : คามิล ซายัดเต ทำเข้าประตูตัวเอง น.75]
วีแกน ชนะ เวสต์แฮม 1-0
[1-0 : ฮูโก โรดัลเลกา น.55]
ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
แมนฯ ซิตี 4-2 อาร์เซนอล
แมนเชสเตอร์ ซิตี ของกุนซือ มาร์ก ฮิวจ์ส หมดสิทธิ์ใช้งาน คาร์ลอส เตเบซ และ โรบินโญ เนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บมาจากเกมทีมชาติ แต่ทีมยังมี เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ดาวยิงตัวเก่งที่จะได้ดวลกับเพื่อนเก่า รวมถึง โคโล ตูเร ขณะที่ อาร์เซนอล ของ อาร์แซน เวนเกอร์ เจอปัญหาตัวผู้เล่นเช่นกัน เมื่อ อังเดร อาร์ชาวิน เพลย์เมกเกอร์หมีขาวเจ็บขาหนีบ แต่ยังดีที่ เชส ฟาเบรกาส หายจากเจ็บเอ็นหลังหัวเข่ากลับมาคุมเกมแดนกลางได้
เริ่มครึ่งแรก ทั้งสองทีมทำเกมกันสู่สีผลัดกันรุกและรับ แต่จังหวะลุ้นทำประตูแรกของเกมต้องรอจนกระทั่งนาที 12 เมื่อ อาร์เซนอล ได้ลูกเตะมุมทางมุมธงด้านขวา ฟาน เพอร์ซีย์ เปิดด้วยซ้าย โดยกองหลังเจ้าถิ่นประกบกันผิดพลาดปล่อยให้ กัลลาส ขึ้นโหม่งคนเดียว แต่กดไม่ลงบอลข้ามคานออกไป
กระทั่งเกมมาถึงนาที 20 แมนฯ ซิตี เป็นฝ่ายออกนำไปก่อน 1-0 เริ่มจากลูกเซตพีซ โดย แบร์รี วางบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ บอลลอยมาเข้าหัว ริชาร์ดส์ ลอยตัวโหม่งย้อนให้เข้าเสาแรก อัลมูเนีย ถลามาปัดด้วยปลายมือ แต่โชคร้าย บอลกระดอนเสาเด้งกลับมาถูกตัวนายด่านชาวสเปนเข้าประตูตัวเองไป
หลังจากนั้นทั้งสองทีมไม่มีโอกาสทำประตูกันนัก โดย เบลลามี ของเจ้าถิ่นเก็บตกบอลได้จากลูกเตะมุมและตัดสินใจวอลเลย์จากนอกเขตโทษ แต่บอลไปโดนคู่แข่งหลุดเสาออกไป ขณะที่ทีมเยือนมีลุ้นเล็กๆจาก ฟาเบรกาส เลี้ยงบอลขึ้นมาซัดไกลตรงเส้นเขตโทษ แต่เหินข้ามคานไปเช่นกัน สุดท้ายจบ 45 นาทีแรก แมนฯ ซิตี นำ 1-0
เริ่มครึ่งหลัง ผ่านมา 3 นาที “ปืนโต” ได้ฟรีคิกบริเวณมุมเขตโทษ ฟาเบรกาส หยอดมาทางเสาสอง เวอร์มาเลน โหนตัวโหม่งข้ามคานออกไป ทีมเยือนทำเกมดีกว่าเล็กน้อย มาถึงนาที 56 ก็มาได้ลูกเตะมุม ฟาน เพอร์ซีย์ เปิดมาเข้าหัว กัลลาส โฉบโหม่งเสาแรก บอลพุ่งไปตรงตัว กิฟเวน ปัดได้ บอลยังมาเข้าทาง เบนด์ทเนอร์ ได้ซ้ำมุมแคบ แต่เหินข้ามคานออกไป
อีก 4 นาทีต่อมา เวอร์มาเลน เลี้ยงบอลจากกลางสนามขึ้นมาสับไกเต็มข้อ บอลไปตรงตัว กิฟเวน ปัดทิ้งไปได้ หลังจากนั้น แมนฯ ซิตี ได้โอกาสสวนกลับเร็ว โดยจังหวะสุดท้าย ไอร์แลนด์ ไหลบอลบริเวณเส้นเขตโทษมาให้ เบลลามี ซัดด้วยขวา แต่บอลไปตรงตัว อัลมูเนีย รับเข้าซอง
โดยในที่สุด อาร์เซนอล มาตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ ในนาที 62 เมื่อ โทมัส โรซิคกี ตัวสำรองที่ลงมาในช่วงครึ่งหลัง จ่ายบอลให้ ฟาน เพอร์ซี พลิกหนีกองหลังหลุดเข้าไปยิงเล่นทาง บอลผ่านมือ กิฟเวน ซุกก้นตาข่าย หลังจากนั้น เวอร์มาเลน เกือบทำประตูให้ทีมเยือนพลิกนำ เมื่อได้โอกาสยิงจ่อๆหน้าปากประตูแต่บอลหลุดกรอบออกไปและถูกดักล้ำหน้าก่อน
แต่ “เดอะกันเนอร์ส” บุกอยู่ดีๆ ก็มาเสียบอลกลางสนาม ก่อนที่ ไรท์-ฟิลลิปส์ จะแทงบอลต่อให้ ริชาร์ดส เติมเกมขึ้นมาถึงริมเขตโทษ โยกหลอก อเล็กซ์ ซง ก่อนจะไหลมาให้ เบลลามี ตวัดยิงด้วยขวา บอลหนีมือ อัลมูเนีย ที่พุ่งสุดเหยียดตุงตาข่ายทำให้เจ้าบ้านออกนำอีก 2-1 ในนาที 74
หลังจากนั้นอีก 3 นาที อเดบายอร์ โชว์ทักษะความสามารถเฉพาะตัวจนหลุดเข้าไปถึงเส้นหลัง ก่อนจ่ายให้ ไรท์-ฟิลลิปส์ แปหน้าประตู แต่กลับหลุดเสาออกไปอย่างไม่น่าเชื่อ จนมาถึงนาที 81 ดาวยิงชาวโตโกก็มาซัดประตูทีมเก่าได้สำเร็จ เมื่อ ไรท์-ฟิลลิปส์ ตัดบอลได้จาก กลีชี หลังจากนั้นเลี้ยงบอลขึ้นมาทางริมเขตโทษ ก่อนเปิดบอลมาเข้าหัว อเดบายอร์ โหม่งคนเดียวส่งบอลเสียบโคนเสาสองให้ “เรือใบ” นำ 3-1 แต่เจ้าตัวถูกใบเหลืองจากกรรมการหลังไปแสดงความดีใจต่อหน้าแฟนบอลปืนโต
มาถึงนาที 84 ลูกทีมของ มาร์ก ฮิวจ์ส มาทำประตูหนีห่าง 4-1 จากจังหวะที่ เบลลามี ตัดบอลจาก กลีชี หน้าประตูตัวเอง ก่อนเลี้ยงยาวมาถึงหน้าเขตโทษของทีมเยือน หลังจากนั้นกองหน้าชาวเวลส์ไหลต่อให้ ไรท์-ฟิลลิปส์ หลุดเข้าไปยกบอลผ่าน อัลมูเนีย เข้าประตูไป
อาร์เซนอล ยังไม่ท้อสามารถทวงคืนมาได้อีกลูกในนาที 88 เมื่อ ฟาเบรกาส จ่ายบอลทะลุช่องให้ โรซิคกี หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปยิงสวนตัว กิฟเวน ให้ทีมไล่มา 2-4 หลังจากนั้นอีก 2 นาที ทีมเยือนเกือบตีตื้นได้อีกหนึ่งประตู เมื่อ ฟาน เพอร์ซี พลิกตัวปั่นด้วยซ้ายในเขตโทษ แต่บอลพุ่งไปชนเสากระดอนออกไป
ช่วงท้ายเกม “ปืนโต” โหมบุกหนัก ฟาน เพอร์ซี ได้ชาร์จบอลจากลูกเปิดของ เอดูอาร์โด แต่บอลแฉลบกองหลังออกไป จากนั้น เบนด์ทเนอร์ ได้โอกาสซัดมุมแคบ แต่ถูก กิฟเวน ปัดทิ้งออกไปได้อย่างหวุดหวิดอีกครั้ง สุดท้ายไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มได้จบ 90 นาที แมนฯ ซิตี เอาชนะไป 4-2
สำหรับผลการแข่งขันคู่อื่น ยอสซี เบนายูน มิดฟิลด์ชาวยิวซัดแฮตทริกนาที 27, 61 และ 82 บวกกับลูกยิงของ เดิร์ก เคาท์ นาที 41 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ไล่ต้อน เบิร์นลีย์ 4-0 ส่วน เชลซี หืดจับเล็กน้อย ก่อนจะมาได้ ฟลอรองต์ มาลูดา ปีกฝรั่งเศส ซัดประตูชัยช่วงท้ายเกมให้ทีมบุกไปเอาชนะ สโต๊ค ซิตี 2-1
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนฯ ซิตี : เชย์ กิฟเวน, โคโล ตูเร, โจเลียน เลสคอตต์, เวย์น บริดจ์, มิกาห์ ริชาร์ดส์, ไนเจล เดอ ยอง, แกเร็ธ แบร์รี, สตีเฟน ไอร์แลนด์, ชอน ไรท์-ฟิลิปส์, เคร็ก เบลลามี, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
อาร์เซนอล : มานูเอล อัลมูเนีย, โธมัส เวอร์มาเลน, วิลเลียม กัลลาส, กาแอล กลีชี, บาการี ซานญา, เดนิลสัน, อเล็กซ์ ซอง, โรบิน ฟาน เพอร์ซีย์, เชส ฟาเบรกาส, อาบู ดิยาบี, นิคลาส เบนด์ทเนอร์
ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ชนะ วูล์ฟส์แฮมป์ตัน 3-1
[1-0 : เอล-ฮัดจิ ดิยุฟ น.19], [2-0 : เจสัน โรเบิร์ตส์ น.56], [3-0 : เดวิด ดันน์ น.64], [3-1 : สเตฟาน มายเดอร์โฮเฟอร์ น.88]
ลิเวอร์พูล ชนะ เบิร์นลี่ย์ 4-0
[1-0 : ยอสซี เบนายูน น.27], [2-0 : เดิร์ก เคาท์ น.41], [3-0 : ยอสซี เบนายูน น.61], [4-0 : ยอสซี เบนายูน น.82]
แมนฯ ซิตี ชนะ อาร์เซน่อล 4-2
[1-0 : มานูเอล อัลมูเนีย ทำเข้าประตูตัวเอง น.20], [1-1 : โรบิน ฟาน เพอร์ซี น.62], [2-1 : เคร็ก เบลลามี น.74], [3-1 : เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ น.81], [4-1 : ชอน ไรท์-ฟิลลิปส์ น.84], [4-2 : โทมัส โรซิคกี น.88]
ปอร์ตสมัธ แพ้ โบลตัน 2-3
[0-1 : ทามีร์ โคเฮน น.13], [1-1 : ยูเนส กาบูล น.25], [1-2 : แมทธิว เทย์เลอร์ (ลูกจุดโทษ) น.41], [2-2 : เควิน-ปรินซ์ บัวเต็ง น.22], [2-3 : แกรี เคฮิลล์ น.89]
สโต๊ค แพ้ เชลซี 1-2
[1-0 : อับดุลลาย ฟาย น.32], [1-1 : ดิดิเยร์ ดร็อกบา น.45], [1-2 : ฟลอรองต์ มาลูดา น.90],
ซันเดอร์แลนด์ ชนะ ฮัลล์ 4-1
[1-0 : ดาร์เรน เบนท์ (ลูกจุดโทษ) น.13], [1-1 : คามิล ซายัตเต น.43], [2-1 : แอนดี รีด น.49], [3-1 : ดาร์เรน เบนท์ น.66], [4-1 : คามิล ซายัดเต ทำเข้าประตูตัวเอง น.75]
วีแกน ชนะ เวสต์แฮม 1-0
[1-0 : ฮูโก โรดัลเลกา น.55]