ดไวท์ ยอร์ค หัวหอกอารมณ์ดีประกาศแขวนสตั๊ดเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ยังคงยิ้มได้เพราะในอดีตเคยได้ร่วมงานแข้งซูเปอร์สตาร์ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลายต่อหลายคน
ประสบความสำเร็จในอาชีพการค้าแข้งมากมาย ไม่ว่าจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ร่วมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด หรือนำทีมชาติตรินิแดด แอนด์ โตเบโก ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่เยอรมนี เมื่อปี 2006 ซึ่งล่าสุด ดไวท์ ยอร์ค ตัดสินใจประกาศแขวนเกือกในวัย 37 ปี กับต้นสังกัดปัจจุบันอย่าง “แมวดำ” ซันเดอร์แลนด์
โดย ยอร์ค ออกมาเผยผ่านสื่อเมืองผู้ดี “มันถึงเวลาแขวนสตั๊ดสำหรับผมแล้ว ในขณะที่ผมยังรู้สึกเฉียบขาด แต่ผมก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วเช่นกัน ผมยังมีช่วงเวลาในชีวิตของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ผมหวังว่าทุกคนยังจะพูดถึงการเล่นฟุตบอลที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของผมต่อๆ ไป”
“ผมมีความสุขจริงๆ ที่เคยได้เล่นฟุตบอลเคียงข้างสุดยอดนักเตะในพรีเมียร์ลีก ไม่ว่าจะเป็น รอย คีน, ไรอัน กิกส์, เดวิด เบ็คแฮม, ปีเตอร์ ชไมเคิล หรือว่าเล่นภายใต้การคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผมคิดว่าตัวเองโชคดีเสมอ เพราะผมเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ จากหมู่เกาะในแคริเบียน แต่กลับมีโอกาสเติมเต็มฝันให้เป็นจริงด้วยการคว้าแชมป์หลายรายการในระดับสูงสุด และยังสามารถพาทีมชาติไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกด้วย” ดาวยิงผิวสีกล่าวต่อ
สุดท้าย ยอร์ค พูดถึงเป้าหมายต่อไปในอนาคต “ผมวางแผนว่าตัวเองจะยังอยู่ในวงการฟุตบอลต่อไป เป้าหมายของผมคือสร้างเสริมประสบการณ์ และนำสิ่งที่เคยเรียนรู้จากการลงเล่นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในฐานะโค้ช ซึ่งวันใดวันหนึ่งผมหวังว่าจะได้มาคุมทีมในอังกฤษ”
สำหรับ ยอร์ค แจ้งเกิดในวงการลูกหนังกับ “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลลา ก่อนโดน แมนฯ ยูไนเต็ด ดึงตัวมาร่วมงาน และจากการประสานงานกับ แอนดี โคล ทำให้ ยอร์ค ยิงได้ถึง 64 ประตูจากการเล่นให้ “ผีแดง” 151 นัดในทุกรายการ ส่วนผลงานกับทีมชาติตรินิแดดฯ ศูนย์หน้ากัปตันทีมทำไปได้ 19 ประตูจากการลงเตะ 72 นัด
ประสบความสำเร็จในอาชีพการค้าแข้งมากมาย ไม่ว่าจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ร่วมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด หรือนำทีมชาติตรินิแดด แอนด์ โตเบโก ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่เยอรมนี เมื่อปี 2006 ซึ่งล่าสุด ดไวท์ ยอร์ค ตัดสินใจประกาศแขวนเกือกในวัย 37 ปี กับต้นสังกัดปัจจุบันอย่าง “แมวดำ” ซันเดอร์แลนด์
โดย ยอร์ค ออกมาเผยผ่านสื่อเมืองผู้ดี “มันถึงเวลาแขวนสตั๊ดสำหรับผมแล้ว ในขณะที่ผมยังรู้สึกเฉียบขาด แต่ผมก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วเช่นกัน ผมยังมีช่วงเวลาในชีวิตของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ผมหวังว่าทุกคนยังจะพูดถึงการเล่นฟุตบอลที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของผมต่อๆ ไป”
“ผมมีความสุขจริงๆ ที่เคยได้เล่นฟุตบอลเคียงข้างสุดยอดนักเตะในพรีเมียร์ลีก ไม่ว่าจะเป็น รอย คีน, ไรอัน กิกส์, เดวิด เบ็คแฮม, ปีเตอร์ ชไมเคิล หรือว่าเล่นภายใต้การคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผมคิดว่าตัวเองโชคดีเสมอ เพราะผมเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ จากหมู่เกาะในแคริเบียน แต่กลับมีโอกาสเติมเต็มฝันให้เป็นจริงด้วยการคว้าแชมป์หลายรายการในระดับสูงสุด และยังสามารถพาทีมชาติไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกด้วย” ดาวยิงผิวสีกล่าวต่อ
สุดท้าย ยอร์ค พูดถึงเป้าหมายต่อไปในอนาคต “ผมวางแผนว่าตัวเองจะยังอยู่ในวงการฟุตบอลต่อไป เป้าหมายของผมคือสร้างเสริมประสบการณ์ และนำสิ่งที่เคยเรียนรู้จากการลงเล่นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในฐานะโค้ช ซึ่งวันใดวันหนึ่งผมหวังว่าจะได้มาคุมทีมในอังกฤษ”
สำหรับ ยอร์ค แจ้งเกิดในวงการลูกหนังกับ “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลลา ก่อนโดน แมนฯ ยูไนเต็ด ดึงตัวมาร่วมงาน และจากการประสานงานกับ แอนดี โคล ทำให้ ยอร์ค ยิงได้ถึง 64 ประตูจากการเล่นให้ “ผีแดง” 151 นัดในทุกรายการ ส่วนผลงานกับทีมชาติตรินิแดดฯ ศูนย์หน้ากัปตันทีมทำไปได้ 19 ประตูจากการลงเตะ 72 นัด
