อาบู ดิยาบี สวมบทผู้ร้ายโหม่งเข้าประตูตัวเองทำให้ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล บุกไปพ่าย “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2 ในศึกลูกหนังพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่บิ๊กแมตช์ประจำคืนวันเสาร์
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่บิ๊กแมตช์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 อาร์เซนอล
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นำทัพ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านชน “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล เป็นบิ๊กแมตช์ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล โดยเจ้าถิ่นปรับแท็กติกใช้ เวย์น รูนีย์ ยืนหน้าเป้ามีทาง ไรอัน กิกส์ สนับสนุนเกมรุกอยู่ด้านหลัง ด้าน อาร์แซน เวนเกอร์ แก้หมากให้ทีมเยือนที่ขาด เชส ฟาเบรกาส มิดฟิลด์กัปตันทีม ทำให้ใส่กลางลงไป 4 ตัว แนวรุกจึงเหลือแค่ อังเดร อาร์ชาวิน ประสานงาน โรบิน ฟาน เพอร์ซี
เริ่มเกมการแข่งขันทั้งสองฝ่ายยังไม่ผลีผลามเข้าหากัน แต่นาทีที่ 9 แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสก่อนเมื่อกองหลัง อาร์เซนอล เคลียร์บอลไม่พ้นกรอบโทษของตัวเอง เวย์น รูนีย์ กระดกบอลให้ ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ ตวัดยิงด้วยซ้ายบอลเหินข้ามคานไป ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรก “ปืนใหญ่” เริ่มตั้งเกมสู้ได้ดีขึ้น แต่เกือบโดนทีเด็ด ปาทริซ เอฟรา ลากเติมเกมมาสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนเปิดเข้ากลางหมายให้ รูนีย์ สอดหัวเข้ามาโขกทว่ากองหน้าเจ้าถิ่นเข้าไม่ถึงอย่างน่าเสียดาย
จากจังหวะสวนขึ้นมา อาร์เซนอล เกือบได้ประตูนำ เอ็มมานูเอล เอบูเอ แทงบอลเข้ากรอบโทษให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ล็อกเข้ายิงด้วยซ้ายเหน่งๆ ติดบล็อก เนมันยา วิดิช ออกหลังไปและจากลูกเตะมุม เบน ฟอสเตอร์ ชกบอลไม่พ้นอันตราย อังเดร อาร์ชาวิน ได้แปเน้นๆ แต่บอลหลุดสามเหลี่ยมออกไปนิดเดียวเท่านั้น ครึ่งชั่วโมงพอดีการลากลุยของ เอฟรา ทำให้ “ผีแดง” ได้ฟาล์ว รูนีย์ ยิงฟรีคิกระยะ 25 หลาเยื้องมาทางขวาของประตู แต่งัดบอลข้ามกำแพงและก็หลุดเสาไป
ช่วงปลายครึ่งแรก ผู้มาเยือนเริ่มสร้างสรรค์เกมรุกได้ดีขึ้น เอบูเอ หลุดขึ้นมาเปิดบอลจากทางขวาเลยไปเสาสอง อาร์ชาวิน จับบอลกำลังจะง้างยิงแต่โดน เฟล็ทเชอร์ เข้ามาเสียบตัดทั้งลูกทั้งคน อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 40 “ปืนใหญ่” สลุตนำ 1-0 จนได้เมื่อ อาร์ชาวิน ได้หลุดขึ้นมาก่อนตัดสินใจตะบันด้วยซ้ายจากระยะ 25 หลาบอลพุ่งแหวกอากาศเข้าสู่ก้นตาข่าย แม้ ฟอสเตอร์ ปัดได้ปลายมือก็ตาม จบครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด มีการบ้านให้คิดหนักเมื่อตกเป็นฝ่ายตามหลังไปแล้ว
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง อาร์เซนอล เกือบฉวยโอกาสนำห่างเมื่อ อาร์ชาวิน อาศัยความสามารถลากหลุดไปถึงเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนปาดเข้ากลางให้ ฟาน เพอร์ซี แปเหน่งๆ ไปติดเท้า ฟอสเตอร์ สกัดออกมาได้อย่างเหลือเชื่อ แม้รูปเกมไม่ปะติดปะต่อเท่าที่ควร แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มาได้ลูกที่จุดโทษเมื่อ รูนีย์ อาศัยจังหวะแตะเข้ากรอบโทษและก็โดน มานูเอล อัลมูเนีย พุ่งเอามือเข้ามาขัดขาล้มลงไป ผู้ตัดสินไม่ลังเลเป่านกหวีดยาวพร้อมแจกใบเหลืองให้นายทวารชาวสเปน ก่อนที่ รูนีย์ รับหน้าที่สังหารเองไม่พลาด สกอร์กลับมาเสมอกัน 1-1 เมื่อถึงนาที 59
สามนาทีถัดมา ทีมเยือนเกือบขึ้นนำอีกครั้ง เมื่อได้ลูกฟรีคิกทางกราบขวา ฟาน เพอร์ซี ปั่นด้วยซ้ายข้างถนัดบอลพุ่งกระแทกคานออกมาเต็มๆ จากนั้น เฟอร์กี แก้เกมด้วยการใส่ ปาร์ค จี ซอง ลงมาเสริมเกมรุกทางริมเส้นพร้อมกับถอด อันโตนิโอ วาเลนเซีย ที่ไม่ค่อยมีบทบาทกับเกมออกไป และนาทีที่ 64 “ผีแดง” พลิกกลับมานำ 2-1 เมื่อได้ลูกฟรีคิกบ้าง ไรอัน กิกส์ เปิดเข้าไป อาบู ดิยาบี โหม่งสกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเอง
แต่นาทีถัดมา ดิยาบี เกือบแก้ตัวทันควัน อาศัยความสามารถเฉพาะตัวแตะหนีสามกองหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด เข้าไปยิงด้วยซ้ายบดถากเสาไป เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย เวนเกอร์ ใส่ นิคลาส เบนด์ทเนอร์ ลงมาเติมเกมรุกเป็นสามประสานในแดนหน้า และก็ถอด เอบูเอ ออกมา เมื่อยังไม่ได้ผล อาร์เซนอล ต้องเติม เอดูอาร์โด ดา ซิลวา มาในแผงรุกดึง เดนิลสัน ไปพัก ช่วงเวลาที่เหลือทีมเยือนพยายามตีเสมอ ช่วงทดเจ็บ ฟาน เพอร์ซี ยิงบอลตุงตาข่ายแต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้า กัลลาส ที่เติมมาช่วยเกมรุกไปก่อนแล้ว ครบ 90 นาที “ผีแดง” ประคองตัวคว้าชัยมีเพิ่มเป็น 9 คะแนนจาก 4 นัด ขึ้นที่ 3 ตารางพรีเมียร์ลีก ขณะที่ “ปืนใหญ่” แพ้นัดแรกของซีซัน หล่นมาที่ 5 มี 6 แต้มจากสามนัด
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด : เบน ฟอสเตอร์ , จอห์น โอเชีย , เวส บราวน์ , เนมันยา วิดิช , ปาทริซ เอฟรา , อันโตนิโอ วาเลนเซีย , ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ , ไมเคิล คาร์ริค , หลุยส์ นานี , ไรอัน กิกส์ , เวย์น รูนีย์
อาร์เซนอล : มานูเอล อัลมูเนีย , บาการี ซานญา , วิลเลียม กัลลาส , โทมัส เฟอร์มาเลน , กาแอล กลิชี , เอ็มมานูเอล เอบูเอ , อเล็กซานเดอร์ ซง , อาบู ดิยาบี , เดนิลสัน , อังเดร อาร์ชาวิน , โรบิน ฟาน เพอร์ซี
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำคืนวันเสาร์
เชลซี 3-0 เบิร์นลีย์
[1-0 : นิโกลาส์ อเนลกา (น.45) , 2-0 : มิชาเอล บัลลัค (น.47) , 3-0 : แอชลีย์ โคล (น.52)]
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 0-0 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
โบลตัน วันเดอเรอร์ส 2-3 ลิเวอร์พูล
[1-0 : เควิน เดวิส (น.33) , 1-1 : เกล็น จอห์นสัน (น.41) , 2-1 : ทาเมียร์ โคเฮน (น.47) , 2-2 : เฟร์นานโด ตอร์เรส (น.56) , 2-3 : สตีเวน เจอร์ราร์ด (น.83)]
สโตค ซิตี 1-0 ซันเดอร์แลนด์
[1-0 : เดฟ คิตสัน (น.42)]
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-1 เบอร์มิงแฮม ซิตี
[1-0 : ปีเตอร์ เคราช์ (น.72) , 1-1 : ลี โบว์เยอร์ (น.75) , 2-1 : อารอน เลนนอน (น.90)]
วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 1-1 ฮัลล์ ซิตี
[0-1 : โจวานนี (น.3) , 1-1 : ริชาร์ด สเตียร์แมน (น.46)]
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 อาร์เซนอล
[0-1 : อังเดร อาร์ชาวิน (น.40) , 1-1 : เวย์น รูนีย์ (จุดโทษ น.59) , 2-1 : อาบู ดิยาบี (ทำเข้าประตูตัวเอง น.64)]
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่บิ๊กแมตช์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 อาร์เซนอล
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นำทัพ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านชน “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล เป็นบิ๊กแมตช์ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาล โดยเจ้าถิ่นปรับแท็กติกใช้ เวย์น รูนีย์ ยืนหน้าเป้ามีทาง ไรอัน กิกส์ สนับสนุนเกมรุกอยู่ด้านหลัง ด้าน อาร์แซน เวนเกอร์ แก้หมากให้ทีมเยือนที่ขาด เชส ฟาเบรกาส มิดฟิลด์กัปตันทีม ทำให้ใส่กลางลงไป 4 ตัว แนวรุกจึงเหลือแค่ อังเดร อาร์ชาวิน ประสานงาน โรบิน ฟาน เพอร์ซี
เริ่มเกมการแข่งขันทั้งสองฝ่ายยังไม่ผลีผลามเข้าหากัน แต่นาทีที่ 9 แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสก่อนเมื่อกองหลัง อาร์เซนอล เคลียร์บอลไม่พ้นกรอบโทษของตัวเอง เวย์น รูนีย์ กระดกบอลให้ ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ ตวัดยิงด้วยซ้ายบอลเหินข้ามคานไป ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรก “ปืนใหญ่” เริ่มตั้งเกมสู้ได้ดีขึ้น แต่เกือบโดนทีเด็ด ปาทริซ เอฟรา ลากเติมเกมมาสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนเปิดเข้ากลางหมายให้ รูนีย์ สอดหัวเข้ามาโขกทว่ากองหน้าเจ้าถิ่นเข้าไม่ถึงอย่างน่าเสียดาย
จากจังหวะสวนขึ้นมา อาร์เซนอล เกือบได้ประตูนำ เอ็มมานูเอล เอบูเอ แทงบอลเข้ากรอบโทษให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ล็อกเข้ายิงด้วยซ้ายเหน่งๆ ติดบล็อก เนมันยา วิดิช ออกหลังไปและจากลูกเตะมุม เบน ฟอสเตอร์ ชกบอลไม่พ้นอันตราย อังเดร อาร์ชาวิน ได้แปเน้นๆ แต่บอลหลุดสามเหลี่ยมออกไปนิดเดียวเท่านั้น ครึ่งชั่วโมงพอดีการลากลุยของ เอฟรา ทำให้ “ผีแดง” ได้ฟาล์ว รูนีย์ ยิงฟรีคิกระยะ 25 หลาเยื้องมาทางขวาของประตู แต่งัดบอลข้ามกำแพงและก็หลุดเสาไป
ช่วงปลายครึ่งแรก ผู้มาเยือนเริ่มสร้างสรรค์เกมรุกได้ดีขึ้น เอบูเอ หลุดขึ้นมาเปิดบอลจากทางขวาเลยไปเสาสอง อาร์ชาวิน จับบอลกำลังจะง้างยิงแต่โดน เฟล็ทเชอร์ เข้ามาเสียบตัดทั้งลูกทั้งคน อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 40 “ปืนใหญ่” สลุตนำ 1-0 จนได้เมื่อ อาร์ชาวิน ได้หลุดขึ้นมาก่อนตัดสินใจตะบันด้วยซ้ายจากระยะ 25 หลาบอลพุ่งแหวกอากาศเข้าสู่ก้นตาข่าย แม้ ฟอสเตอร์ ปัดได้ปลายมือก็ตาม จบครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด มีการบ้านให้คิดหนักเมื่อตกเป็นฝ่ายตามหลังไปแล้ว
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง อาร์เซนอล เกือบฉวยโอกาสนำห่างเมื่อ อาร์ชาวิน อาศัยความสามารถลากหลุดไปถึงเส้นหลังฝั่งซ้ายก่อนปาดเข้ากลางให้ ฟาน เพอร์ซี แปเหน่งๆ ไปติดเท้า ฟอสเตอร์ สกัดออกมาได้อย่างเหลือเชื่อ แม้รูปเกมไม่ปะติดปะต่อเท่าที่ควร แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มาได้ลูกที่จุดโทษเมื่อ รูนีย์ อาศัยจังหวะแตะเข้ากรอบโทษและก็โดน มานูเอล อัลมูเนีย พุ่งเอามือเข้ามาขัดขาล้มลงไป ผู้ตัดสินไม่ลังเลเป่านกหวีดยาวพร้อมแจกใบเหลืองให้นายทวารชาวสเปน ก่อนที่ รูนีย์ รับหน้าที่สังหารเองไม่พลาด สกอร์กลับมาเสมอกัน 1-1 เมื่อถึงนาที 59
สามนาทีถัดมา ทีมเยือนเกือบขึ้นนำอีกครั้ง เมื่อได้ลูกฟรีคิกทางกราบขวา ฟาน เพอร์ซี ปั่นด้วยซ้ายข้างถนัดบอลพุ่งกระแทกคานออกมาเต็มๆ จากนั้น เฟอร์กี แก้เกมด้วยการใส่ ปาร์ค จี ซอง ลงมาเสริมเกมรุกทางริมเส้นพร้อมกับถอด อันโตนิโอ วาเลนเซีย ที่ไม่ค่อยมีบทบาทกับเกมออกไป และนาทีที่ 64 “ผีแดง” พลิกกลับมานำ 2-1 เมื่อได้ลูกฟรีคิกบ้าง ไรอัน กิกส์ เปิดเข้าไป อาบู ดิยาบี โหม่งสกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเอง
แต่นาทีถัดมา ดิยาบี เกือบแก้ตัวทันควัน อาศัยความสามารถเฉพาะตัวแตะหนีสามกองหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด เข้าไปยิงด้วยซ้ายบดถากเสาไป เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย เวนเกอร์ ใส่ นิคลาส เบนด์ทเนอร์ ลงมาเติมเกมรุกเป็นสามประสานในแดนหน้า และก็ถอด เอบูเอ ออกมา เมื่อยังไม่ได้ผล อาร์เซนอล ต้องเติม เอดูอาร์โด ดา ซิลวา มาในแผงรุกดึง เดนิลสัน ไปพัก ช่วงเวลาที่เหลือทีมเยือนพยายามตีเสมอ ช่วงทดเจ็บ ฟาน เพอร์ซี ยิงบอลตุงตาข่ายแต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้า กัลลาส ที่เติมมาช่วยเกมรุกไปก่อนแล้ว ครบ 90 นาที “ผีแดง” ประคองตัวคว้าชัยมีเพิ่มเป็น 9 คะแนนจาก 4 นัด ขึ้นที่ 3 ตารางพรีเมียร์ลีก ขณะที่ “ปืนใหญ่” แพ้นัดแรกของซีซัน หล่นมาที่ 5 มี 6 แต้มจากสามนัด
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด : เบน ฟอสเตอร์ , จอห์น โอเชีย , เวส บราวน์ , เนมันยา วิดิช , ปาทริซ เอฟรา , อันโตนิโอ วาเลนเซีย , ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ , ไมเคิล คาร์ริค , หลุยส์ นานี , ไรอัน กิกส์ , เวย์น รูนีย์
อาร์เซนอล : มานูเอล อัลมูเนีย , บาการี ซานญา , วิลเลียม กัลลาส , โทมัส เฟอร์มาเลน , กาแอล กลิชี , เอ็มมานูเอล เอบูเอ , อเล็กซานเดอร์ ซง , อาบู ดิยาบี , เดนิลสัน , อังเดร อาร์ชาวิน , โรบิน ฟาน เพอร์ซี
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำคืนวันเสาร์
เชลซี 3-0 เบิร์นลีย์
[1-0 : นิโกลาส์ อเนลกา (น.45) , 2-0 : มิชาเอล บัลลัค (น.47) , 3-0 : แอชลีย์ โคล (น.52)]
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 0-0 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
โบลตัน วันเดอเรอร์ส 2-3 ลิเวอร์พูล
[1-0 : เควิน เดวิส (น.33) , 1-1 : เกล็น จอห์นสัน (น.41) , 2-1 : ทาเมียร์ โคเฮน (น.47) , 2-2 : เฟร์นานโด ตอร์เรส (น.56) , 2-3 : สตีเวน เจอร์ราร์ด (น.83)]
สโตค ซิตี 1-0 ซันเดอร์แลนด์
[1-0 : เดฟ คิตสัน (น.42)]
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-1 เบอร์มิงแฮม ซิตี
[1-0 : ปีเตอร์ เคราช์ (น.72) , 1-1 : ลี โบว์เยอร์ (น.75) , 2-1 : อารอน เลนนอน (น.90)]
วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 1-1 ฮัลล์ ซิตี
[0-1 : โจวานนี (น.3) , 1-1 : ริชาร์ด สเตียร์แมน (น.46)]
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 อาร์เซนอล
[0-1 : อังเดร อาร์ชาวิน (น.40) , 1-1 : เวย์น รูนีย์ (จุดโทษ น.59) , 2-1 : อาบู ดิยาบี (ทำเข้าประตูตัวเอง น.64)]