คอลัมน์ ON TRACK โดย เด็กปั๊ม
ในที่สุดปัญหาคาราคาซังในวงการรถสูตรหนึ่งก็ได้ข้อยุติเสียทีนะครับ เมื่อแม็กซ์ มอสลีย์ ประธานสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (เอฟไอเอ) ยอมอ่อนข้อแบบพลิกความคาดหมายให้กับ 8 ทีมแข่งในสังกัดสมาคมทีมแข่งเอฟวัน (FOTA) ด้วยการชะลอการจำกัดงบทำทีม 40 ล้านปอนด์ (ราว 2,200 ล้านบาท) ออกไปอีก 2 ปี เป็นอย่างน้อย พร้อมทั้งยังให้สัญญาในที่ประชุมสภามอเตอร์สปอร์ตโลกว่า พร้อมลงจากตำแหน่งประธานตามเสียงเรียกร้องในเดือนตุลาคมนี้
แต่ส่วนเรื่องที่อยากจะนำมาพูดคุยกันในวันนี้ ผมขอเปลี่ยนบรรยากาศจากความวุ่นวายในศึกเอฟวัน มาพูดถึงเรื่อราวในวงการมอเตอร์ไซคชิงแชมป์โลกกันบ้าง โดยเฉพาะผลงานของนักบิดหน้าตี๋หนึ่งเดียวของไทยในเวิลด์ จีพี อย่างรัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ที่สนามล่าสุดในศึกดัตช์ ทีที แม้จะจบอันดับเลขตัวเดียวได้อีกครั้ง แต่ทว่ายังมีหลายเรื่องที่เจ้าฟีมรวมถึงทีมงานต้องปรับปรุง
แม้ปีนี้เจ้าฟีมจะแก้จุดอ่อนของตัวเองในเรื่องออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม ทว่าปัญหาที่ทุกเห็นได้ชัดในฤดูกาลนี้ คือเวลาต่อรอบของฟีมในช่วงแรกกับช่วงท้ายการแข่งขันมันตกวูบอย่างน่าใจหาย อย่างในสนามล่าสุดที่แอสเซน เซอร์กิต ประเทศฮอลแลนด์ 10 รอบแรกฟีมขึ้นไปถึงที่ 9 และบดกับโรแบร์โต โลคาเตลลี นักบิดจอมเก๋าดีกรีอดีตแชมป์โลก 125 ซีซีได้แบบล้อต่อล้อ แต่ในช่วงท้ายออกอาการแผ่วปลายให้เห็นอีกครั้ง จนถูกทั้งคาเรล อับบราฮัม และเฮคตอร์ เฟาเบล แซงจนเสียไป 2 อันดับในรอบสุดท้าย
โดยปัญหาในสนามดังกล่าวฟีมยอมรับว่า ยางหลังมีปัญหา เนื้อยางแทบจะหมดเกลี้ยง จนเสี่ยงที่จะบิดทำความเร็วต่อไปได้ ซึ่งหากมองกันให้ดีแล้ว แน่นอนว่าทั้งนักบิด และ ทีมงานต้องมีส่วนีรับผิดชอบด้วยกันทั้งคู่ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของปีนี้ที่รถ RS250RW ออกอาการแผ่วปลาย ฉะนั้นฟีมเองน่าจะมีฟีดแบ็คไปยังทีมงานให้มากกว่านี้ ว่าปัญหาที่ผ่านๆมาอยู่ตรงไหน
ขณะเดียวกันการมาร่วมชายคาสต็อป แอนด์ โก ของ เฟาเบล นักบิดชาวสเปน ที่ทีมงานทางเมืองไทยตั้งเป้าให้มาช่วยฟีมในเรื่องการแชร์ข้อมูลการเซ็ตรถ กลับเป็นแรงกดดันที่ถาโถมนักบิดไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อนักบิดจากบาเลนเซียที่ใช้รถรุ่นเดียวกัน จบการแข่งขันบนโพเดียมได้แล้ว แถมยังมีผลงานดีกว่าในหลายๆสนาม
สุดท้ายปัญหาที่ผมไม่อยากจะคิดเลยคือ การเอาใจใส่ของเอดูอาร์โด เปราเลส ทีมบอส ที่ดูจะตกลงไปกว่า 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้นักบิดชาติเดียวกันเข้ามาร่วมทีม เพราะนึกแล้วก็กลัวจะไปคล้ายกับกรณีของเฟร์นานโด อลอนโซ ที่ไปจมปลักอยู่ในทีมที่เต็มไปด้วยคนอังกฤษสมัยอยู่แม็คลาเรน เสียจริงๆครับ..พี่น้อง
ในที่สุดปัญหาคาราคาซังในวงการรถสูตรหนึ่งก็ได้ข้อยุติเสียทีนะครับ เมื่อแม็กซ์ มอสลีย์ ประธานสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (เอฟไอเอ) ยอมอ่อนข้อแบบพลิกความคาดหมายให้กับ 8 ทีมแข่งในสังกัดสมาคมทีมแข่งเอฟวัน (FOTA) ด้วยการชะลอการจำกัดงบทำทีม 40 ล้านปอนด์ (ราว 2,200 ล้านบาท) ออกไปอีก 2 ปี เป็นอย่างน้อย พร้อมทั้งยังให้สัญญาในที่ประชุมสภามอเตอร์สปอร์ตโลกว่า พร้อมลงจากตำแหน่งประธานตามเสียงเรียกร้องในเดือนตุลาคมนี้
แต่ส่วนเรื่องที่อยากจะนำมาพูดคุยกันในวันนี้ ผมขอเปลี่ยนบรรยากาศจากความวุ่นวายในศึกเอฟวัน มาพูดถึงเรื่อราวในวงการมอเตอร์ไซคชิงแชมป์โลกกันบ้าง โดยเฉพาะผลงานของนักบิดหน้าตี๋หนึ่งเดียวของไทยในเวิลด์ จีพี อย่างรัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ที่สนามล่าสุดในศึกดัตช์ ทีที แม้จะจบอันดับเลขตัวเดียวได้อีกครั้ง แต่ทว่ายังมีหลายเรื่องที่เจ้าฟีมรวมถึงทีมงานต้องปรับปรุง
แม้ปีนี้เจ้าฟีมจะแก้จุดอ่อนของตัวเองในเรื่องออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม ทว่าปัญหาที่ทุกเห็นได้ชัดในฤดูกาลนี้ คือเวลาต่อรอบของฟีมในช่วงแรกกับช่วงท้ายการแข่งขันมันตกวูบอย่างน่าใจหาย อย่างในสนามล่าสุดที่แอสเซน เซอร์กิต ประเทศฮอลแลนด์ 10 รอบแรกฟีมขึ้นไปถึงที่ 9 และบดกับโรแบร์โต โลคาเตลลี นักบิดจอมเก๋าดีกรีอดีตแชมป์โลก 125 ซีซีได้แบบล้อต่อล้อ แต่ในช่วงท้ายออกอาการแผ่วปลายให้เห็นอีกครั้ง จนถูกทั้งคาเรล อับบราฮัม และเฮคตอร์ เฟาเบล แซงจนเสียไป 2 อันดับในรอบสุดท้าย
โดยปัญหาในสนามดังกล่าวฟีมยอมรับว่า ยางหลังมีปัญหา เนื้อยางแทบจะหมดเกลี้ยง จนเสี่ยงที่จะบิดทำความเร็วต่อไปได้ ซึ่งหากมองกันให้ดีแล้ว แน่นอนว่าทั้งนักบิด และ ทีมงานต้องมีส่วนีรับผิดชอบด้วยกันทั้งคู่ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของปีนี้ที่รถ RS250RW ออกอาการแผ่วปลาย ฉะนั้นฟีมเองน่าจะมีฟีดแบ็คไปยังทีมงานให้มากกว่านี้ ว่าปัญหาที่ผ่านๆมาอยู่ตรงไหน
ขณะเดียวกันการมาร่วมชายคาสต็อป แอนด์ โก ของ เฟาเบล นักบิดชาวสเปน ที่ทีมงานทางเมืองไทยตั้งเป้าให้มาช่วยฟีมในเรื่องการแชร์ข้อมูลการเซ็ตรถ กลับเป็นแรงกดดันที่ถาโถมนักบิดไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อนักบิดจากบาเลนเซียที่ใช้รถรุ่นเดียวกัน จบการแข่งขันบนโพเดียมได้แล้ว แถมยังมีผลงานดีกว่าในหลายๆสนาม
สุดท้ายปัญหาที่ผมไม่อยากจะคิดเลยคือ การเอาใจใส่ของเอดูอาร์โด เปราเลส ทีมบอส ที่ดูจะตกลงไปกว่า 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้นักบิดชาติเดียวกันเข้ามาร่วมทีม เพราะนึกแล้วก็กลัวจะไปคล้ายกับกรณีของเฟร์นานโด อลอนโซ ที่ไปจมปลักอยู่ในทีมที่เต็มไปด้วยคนอังกฤษสมัยอยู่แม็คลาเรน เสียจริงๆครับ..พี่น้อง