แม้ว่าการตกรอบแรก วิมเบิลดัน 2009 อย่างรวดเร็วสำหรับ "แทมมี" แทมมารีน ธนสุกาญจน์ จะสร้างความเสียดายให้กับแฟนเทนนิสชาวไทยที่ฤดูกาล 2008 เฝ้าดูเธอจารึกประวัติศาสตร์เป็นนักหวดไทยรายแรกที่ผ่านเข้าถึงรอบ 8 คนสุดท้ายใน ออล อิงแลนด์ หากแต่ลองพิเคราะห์อย่างละเอียดจะพบว่าการร่วงรอบแรกในปีนี้ไม่ใช่ความล้มเหลวแต่อย่างใด เนื่องจากสองวันก่อนหน้านั้นแร็กเกตมือ 1 ของไทยเพิ่งป้องกันแชมป์ ออร์ดินา โอเพน พร้อมคว้าโทรฟีดับเบิลยูทีเอใบที่ 3 ในชีวิตมาครองได้สำเร็จบนศักราชที่ 15 ของการเล่นเทนนิสอาชีพ
ครึ่งแรกของกดูกาล 2009 แทมมารีน ในวัย 32 ปีทะลุถึงรอบ 8 คนสุดท้าย พีทีที พัทยา โอเพน ได้แค่รายการเดียว นอกนั้นสลับตกรอบแรกและรอบสองถึง 9 รายการ กระทั่งฤดูกาลคอร์ตหญ้าเปิดฉากช่วงต้นเดือนพฤษภาคม แทมมี อาศัยความชำนาญบนพื้นคอร์ตที่ลูกเทนนิสจะพุ่งเร็วและต่ำที่สุดทะลุเข้าถึงรอบตัดเชือก ออร์ดินา โอเพน ที่ฮอลแลนด์ เอาชนะ ดินารา ซาฟีนา "มือ 1 ของโลก" ทั้งที่ก่อนลงสนามเธอมีอาการบาดเจ็บที่ข้อศอก ก่อนต่อไปโค่น ยานินา วิคเมเยอร์ ดาวรุ่งจากเบลเยียมในรอบชิงฯนำชื่อตนเองเข้าสู่ทำเนียบแชมป์ดับเบิลยูทีเอแดนกังหันลมเป็นสมัยที่ 2 แซงหน้าอดีตแชมป์ชื่อดังอย่าง มาร์ตินา ฮินกิส และ จัสติน เอแนง ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจัดการแข่งขัน วิมเบิลดัน วางโปรแกรมให้ แทมมี ลงแข่งขันรอบแรกในวันจันทร์หลังจากได้พักผ่อนแค่ 1 วันซึ่งเวลาส่วนหนึ่งสูญเสียไปกับการเดินทางข้ามช่องแคบอังกฤษมาที่กรุงลอนดอน ส่งผลให้นักเทนนิสมือ 47 ของโลกฟื้นตัวไม่ทันและพลาดท่าพ่าย อรันท์ซา ปาร์รา ซานโตนยา มือ 206 จากสเปน ตกรอบแรกแกรนด์สแลมที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเป็นครั้งที่ 2 ในชีวิต
แม้ร่วงรอบแรกแต่สิ่งหนึ่งที่แฟนสักหลาดไทยภูมิใจได้คือในจำนวนผู้เล่นเมนดรอว์หญิงเดี่ยว 128 คนใน วิมเบิลดัน ครั้งนี้ แทมมารีน ร่วมแข่งขันเป็นครั้งที่ 13 มากที่สุดเป็นอันดับที่ 4 โดยเป็นรองเพียง ลิซา เรย์มอนด์ จากสหรัฐฯ กับ ไอ ซูกิยามา ขวัญใจชาวญี่ปุ่นที่ลงแข่งเป็นปีที่ 17 เท่ากัน รวมถึง แพตตี ชนีเดอร์ จากสวิสเซอร์แลนด์ที่เข้าร่วม วิมเบิลดัน เป็นสมัยที่ 14 แต่ก็ตกรอบแรกไปแล้วเช่นกัน
โดย แทมมี นั้นสามารถรักษาอันดับอยู่ในท้อป 150 ของโลกต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1997 โดยเคยขึ้นสูงถึงอันดับ 19 ของโลกมาแล้วในปี 2002 อีกทั้งผลงานคว้าแชมป์ ออร์ดินา โอเพน 2 สมัยซ้อนในปี 2008-2009 ยังพิสูจน์ให้เห็นว่าอายุที่เพิ่มมากขึ้นไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการไล่ล่าความสำเร็จของเธอ แตกต่างจากหวดรุ่นราวคราวเดียวกันอย่าง ซูกิยามา อดีตมือ 8 ของโลกวัย 33 ปีที่แม้อันดับโลกจะวนเวียนในท็อป 50 ของโลกแต่ยังไม่สามารถคว้าแชมป์ ดับเบิลยูทีเอ ทัวร์ได้อีกเลยนับตั้งแต่ครองแชมป์ที่ โกลด์ โคสต์ ออสเตรเลีย ในปี 2004
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ แทมมี รักษาความคงเส้นคงวาได้ดีในเวทีเทนนิสโลกเนื่องจากเธอมีวินัยสูงในการลงฝึกซ้อมต่อเนื่องทุกวันโดยช่วงเช้าเริ่มประมาณ 8 โมงเลิกเที่ยงก่อนจะซ้อมหรือเล่นเวตสร้างกล้ามเนื้อต่อในช่วงบ่าย 3 โมง โดยจะหยุดพักก็ต่อเมื่อรู้สึกเหนื่อยล้าหลังจบทัวร์นาเมนต์เท่านั้น
จากการรักษามาตรฐานของ “มืออาชีพ” มีผลงานอย่างต่อเนื่องทำให้ แทมมารีน มีสปอนเซอร์ให้ความสนับสนุนอย่างต่อเนื่องไล่ตั้งแต่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ออกตั๋วเครื่องบินให้ฟรีมานานหลายปี ก่อนที่ต้นปี 2009 บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)จะเข้ามารับช่วงต่อในการดูแลค่าเดินทางและค่าที่พัก ด้านชุดแข่งขันและแร็กเกต แทมมี ได้รับการสนับสนุนจาก “ดัลล็อป” ผลิตภัณฑ์กีฬาชื่อดัง
นอกจากนี้ยังได้รับทุนจาก โตโย-ไทย คอร์เปอเรชัน จำกัด (มหาชน) บริษัทอุตสาหกรรมลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งแหล่งข่าวใกล้ชิด แทมมี เผยว่า ผู้บริหารของบริษัทแห่งนี้ชื่นชอบความมีวินัยและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนของเธอทำให้พวกเขาให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เงินทุนสนับสนุนจากสปอนเซอร์ไม่ใช่รายได้หลักตามความคิดของ แทมมารีน เมื่อเธอมักย้ำเสมอว่า "นักเทนนิสอาชีพ" ต้องเลี้ยงตนเองด้วยเงินรางวัลจากการแข่งขัน ซึ่ง ณ วันนี้เธอทำได้แล้วกว่า 2.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 92 ล้านบาท
สำหรับครึ่งหลังของปี 2009 เป็น ฮาร์ดคอร์ต ซีรีส์ ใน สหรัฐอเมริกาและแคนาดา ซึ่งมีแกรนด์สแลม “ยูเอส โอเพน” ปลายเดือนสิงหาคมเป็นเป้าหมายหลักของ แทมมี ในฤดูกาลนี้ ส่วนแผนการระยะยาวจะเป็นอย่างไรนั้นเจ้าตัวออกมาเคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาว่า
"อันดับโลกในช่วงหลายปีหลังอาจจะไม่ดีนัก แต่ด้วยความอดทนและคำแนะนำที่ดีจากคนรอบข้างทำให้ แทมมี มีกำลังใจมากขึ้นและคงเล่นเทนนิสต่อไปได้อีกนานตราบใดที่ร่างกายยังไหว เพราะนี่คือ อาชีพ ของเราอีกทั้งยังเป็นสิ่งที่เรารักมากที่สุด"
