แอลเอ เลเกอร์ส ประกาศศักดาครองแชมป์ศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) เป็นสมัยที่ 15 ในประวัติศาสตร์ หลังบุกต้อน ออร์แลนโด แมจิก ถึงถิ่น 99-86 คะแนน เมื่อช่วงเช้าวันจันทร์
ที่ออร์แลนโด : ความหวังที่ ออร์แลนโด แมจิก จะยื้อซีรีส์กลับไปที่แอลเอ อีกครั้ง ดับสลายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อ แอลเอ เลเกอร์ส อาศัยเกมวงนอกและวงในที่เหนือกว่าบุกมาปิดซีรีส์ในรอบชิงชนะเลิศที่ 4-1 เกม
ก่อนแข่งเกมที่ 5 ดไวท์ ฮาวเวิร์ด เซ็นเตอร์สตาร์แมจิก พยายามกระตุ้นทีมให้ฮึดสู้อีกครั้งเพื่อหวังสร้างปาฏิหาริย์คัมแบ็ก ลงมาแข่งจริงเจ้าถิ่นกลับสลัด เลเกอร์ส ไม่หลุดอีกตามเคยนำควอเตอร์แรกแค่ 28-26 คะแนน แถมก่อนหมดครึ่งแรกยังมาโดนผู้มาเยือนรันใส่ถึง 16-0 แต้ม พลิกกลับมาทิ้งห่าง 56-46 คะแนน เมื่อจบ 48 นาทีแรก
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง แมจิก ยิ่งเล่นยิ่งสาละวันเตี้ยลง “ซูเปอร์แมน” ฮาวเวิร์ด เจอปัญหาฟาล์วขึ้นแท่นตั้งแต่ต้นควอเตอร์ที่ 4 แถมพวกมือปืนอย่าง เฮโด เทอร์โกกลู และ ราชาร์ด ลูอิส ฟอร์มไม่สุดยอดเท่าที่ควร แบ็กคอร์ตทั้ง ราเฟอร์ อัลสตัน กับ จาเมียร์ เนลสัน ไม่มีทีเด็ดตามเคย ผิดกลับฝั่ง เลเกอร์ส ซึ่งเล่นกันอย่างลงตัวและก็เข้าป้ายชนะไปในที่สุด
เกมนี้ทีมเยือนได้ โคบี ทำไปสูงสุดของเกม 30 แต้ม 6 รีบาวด์ 5 แอสซิสต์ เพา กาซอล คู่หูได้มา 14 แต้ม 15 รีบาวด์ เทรเวอร์ อริซา สอย 15 แต้ม 5 รีบาวด์ ดีเร็ค ฟิสเชอร์ มีเกมที่ดี 13 แต้ม แอนดรูว์ บายนัม ช่วย 6 แต้ม 5 รีบาวด์ ลามาร์ โอดอม ลงจากม้านั่งสำรองเพิ่มเติม 17 แต้ม 10 รีบาวด์
จากชัยชนะในซีรีส์นี้ทำให้ เลเกอร์ส ผงาดแชมป์สมัยที่ 15 ตามหลัง บอสตัน เซลติกส์ ทีมแชมป์มากที่สุดของ NBA เหลือแค่ 2 สมัย อีกทั้ง เลเกอร์ส เป็นแชมป์ครั้งแรกในรอบ 7 ปี นับตั้งแต่คว้า “แลร์รี โอไบรอัน โทรฟี” ได้สามสมัยติดต่อกันระหว่างปี 2000-02
โดยนี่เป็นแชมป์สมัยที่ 4 ของ โคบี สลัดร่มเงาของ ชาคิล โอนีล อดีตเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดได้เสียที และก็ได้ตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) รอบชิงเป็นครั้งแรกของตัวเองด้วย ขณะที่ ฟิล แจ็คสัน ได้แหวนแชมป์ครบ 10 วงพอดีในฐานะโค้ช แซงหน้า เรด ออเออร์แบคช์ ตำนานโค้ช เซลติกส์ ที่ได้แชมป์ 9 สมัย สำเร็จ เบ็ดเสร็จ “บิ๊กฟิล” มีแหวนแชมป์รวมเป็น 12 วง (2 วงในฐานะผู้เล่น)
ภายหลัง แจ็คสัน กล่าวผ่าน “เอพี” สื่อชั้นนำในเบื้องต้นถึงตำนานโค้ชผู้ล่วงลับ “ผมจะสูบซิการ์ในคืนนี้เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ เรด (ออร์แบคช์) เขาคือสุดยอดจริงๆ”
ด้าน โคบี กล่าวเช่นกัน “มันเป็นแชมป์ที่ยากลำบากพอสมควร เราเริ่มต้นด้วยการก้าวย่างข้ามความลำบากกันมาจนมายืน ณ จุดนี้อีกครั้ง นี่เป็นความรู้สึกอย่างกับฝันไปจริงๆ”
ส่วน “ซูเปอร์แชค” แสดงสปิริตถึงเพื่อนเก่าด้วยการเผยผ่าน Twitter “ยินดีด้วย โคบี คุณสมควรได้รับมัน (แชมป์) แล้ว คุณเล่นได้สุดยอดมากๆ สนุกกับมันให้เต็มที่ ”
ขณะที่ แมจิก แม้ตัวจริงมีคะแนนสองหลักถ้วนหน้า แต่ค่อนข้างกระปริดกระปรอย ลูอิส สอย 18 แต้ม 10 รีบาวด์ เทอร์โกกลู, อัลสตัน และ คอร์ทนีย์ ลี มีคนละ 12 แต้ม ส่วน ฮาวเวิร์ด ได้ไป 11 แต้ม 10 รีบาวด์ แต่ไม่ดีพอ จากความปราชัยหนนี้ทำให้ทีมผิดหวังในรอบชิง NBA เป็นคำรบที่สอง หลังจากเมื่อปี 1995 เคยโดน ฮาคีม “เดอะ ดรีม” โอลาจูวอน และพลพรรค ฮุสตัน ร็อคเก็ตส์ อัด 4-0 เกม
ที่ออร์แลนโด : ความหวังที่ ออร์แลนโด แมจิก จะยื้อซีรีส์กลับไปที่แอลเอ อีกครั้ง ดับสลายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อ แอลเอ เลเกอร์ส อาศัยเกมวงนอกและวงในที่เหนือกว่าบุกมาปิดซีรีส์ในรอบชิงชนะเลิศที่ 4-1 เกม
ก่อนแข่งเกมที่ 5 ดไวท์ ฮาวเวิร์ด เซ็นเตอร์สตาร์แมจิก พยายามกระตุ้นทีมให้ฮึดสู้อีกครั้งเพื่อหวังสร้างปาฏิหาริย์คัมแบ็ก ลงมาแข่งจริงเจ้าถิ่นกลับสลัด เลเกอร์ส ไม่หลุดอีกตามเคยนำควอเตอร์แรกแค่ 28-26 คะแนน แถมก่อนหมดครึ่งแรกยังมาโดนผู้มาเยือนรันใส่ถึง 16-0 แต้ม พลิกกลับมาทิ้งห่าง 56-46 คะแนน เมื่อจบ 48 นาทีแรก
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง แมจิก ยิ่งเล่นยิ่งสาละวันเตี้ยลง “ซูเปอร์แมน” ฮาวเวิร์ด เจอปัญหาฟาล์วขึ้นแท่นตั้งแต่ต้นควอเตอร์ที่ 4 แถมพวกมือปืนอย่าง เฮโด เทอร์โกกลู และ ราชาร์ด ลูอิส ฟอร์มไม่สุดยอดเท่าที่ควร แบ็กคอร์ตทั้ง ราเฟอร์ อัลสตัน กับ จาเมียร์ เนลสัน ไม่มีทีเด็ดตามเคย ผิดกลับฝั่ง เลเกอร์ส ซึ่งเล่นกันอย่างลงตัวและก็เข้าป้ายชนะไปในที่สุด
เกมนี้ทีมเยือนได้ โคบี ทำไปสูงสุดของเกม 30 แต้ม 6 รีบาวด์ 5 แอสซิสต์ เพา กาซอล คู่หูได้มา 14 แต้ม 15 รีบาวด์ เทรเวอร์ อริซา สอย 15 แต้ม 5 รีบาวด์ ดีเร็ค ฟิสเชอร์ มีเกมที่ดี 13 แต้ม แอนดรูว์ บายนัม ช่วย 6 แต้ม 5 รีบาวด์ ลามาร์ โอดอม ลงจากม้านั่งสำรองเพิ่มเติม 17 แต้ม 10 รีบาวด์
จากชัยชนะในซีรีส์นี้ทำให้ เลเกอร์ส ผงาดแชมป์สมัยที่ 15 ตามหลัง บอสตัน เซลติกส์ ทีมแชมป์มากที่สุดของ NBA เหลือแค่ 2 สมัย อีกทั้ง เลเกอร์ส เป็นแชมป์ครั้งแรกในรอบ 7 ปี นับตั้งแต่คว้า “แลร์รี โอไบรอัน โทรฟี” ได้สามสมัยติดต่อกันระหว่างปี 2000-02
โดยนี่เป็นแชมป์สมัยที่ 4 ของ โคบี สลัดร่มเงาของ ชาคิล โอนีล อดีตเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดได้เสียที และก็ได้ตำแหน่งผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) รอบชิงเป็นครั้งแรกของตัวเองด้วย ขณะที่ ฟิล แจ็คสัน ได้แหวนแชมป์ครบ 10 วงพอดีในฐานะโค้ช แซงหน้า เรด ออเออร์แบคช์ ตำนานโค้ช เซลติกส์ ที่ได้แชมป์ 9 สมัย สำเร็จ เบ็ดเสร็จ “บิ๊กฟิล” มีแหวนแชมป์รวมเป็น 12 วง (2 วงในฐานะผู้เล่น)
ภายหลัง แจ็คสัน กล่าวผ่าน “เอพี” สื่อชั้นนำในเบื้องต้นถึงตำนานโค้ชผู้ล่วงลับ “ผมจะสูบซิการ์ในคืนนี้เพื่อเป็นเกียรติให้แก่ เรด (ออร์แบคช์) เขาคือสุดยอดจริงๆ”
ด้าน โคบี กล่าวเช่นกัน “มันเป็นแชมป์ที่ยากลำบากพอสมควร เราเริ่มต้นด้วยการก้าวย่างข้ามความลำบากกันมาจนมายืน ณ จุดนี้อีกครั้ง นี่เป็นความรู้สึกอย่างกับฝันไปจริงๆ”
ส่วน “ซูเปอร์แชค” แสดงสปิริตถึงเพื่อนเก่าด้วยการเผยผ่าน Twitter “ยินดีด้วย โคบี คุณสมควรได้รับมัน (แชมป์) แล้ว คุณเล่นได้สุดยอดมากๆ สนุกกับมันให้เต็มที่ ”
ขณะที่ แมจิก แม้ตัวจริงมีคะแนนสองหลักถ้วนหน้า แต่ค่อนข้างกระปริดกระปรอย ลูอิส สอย 18 แต้ม 10 รีบาวด์ เทอร์โกกลู, อัลสตัน และ คอร์ทนีย์ ลี มีคนละ 12 แต้ม ส่วน ฮาวเวิร์ด ได้ไป 11 แต้ม 10 รีบาวด์ แต่ไม่ดีพอ จากความปราชัยหนนี้ทำให้ทีมผิดหวังในรอบชิง NBA เป็นคำรบที่สอง หลังจากเมื่อปี 1995 เคยโดน ฮาคีม “เดอะ ดรีม” โอลาจูวอน และพลพรรค ฮุสตัน ร็อคเก็ตส์ อัด 4-0 เกม
