xs
xsm
sm
md
lg

ท็อป 5 ‘บิ๊กโชว์’ เอ็นบีเอ ไฟนัลส์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ดันแคน” สะใจกับผลงานตัวเอง
ศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) รอบชิงชนะเลิศ ประจำฤดูกาล 2008/09 ระหว่าง แอลเอ เลเกอร์ส กับ ออร์แลนโด แมจิก กำลังดำเนินไปอย่างสนุกดุเดือด ทีมข่าว MGR Sport จึงถือโอกาสนำเอาผลงานระดับ “บิ๊กโชว์” ของซูเปอร์สตาร์นักยัดห่วงใน 5 เกมชิงแชมป์ซึ่งยอดเยี่ยมที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาให้ได้ติดตามกัน

5. เรย์ อัลเลน (บอสตัน เซลติกส์) เกมที่ 6 ของรอบชิงปี 2008

แม้ลงสนามแค่ 32 นาที แต่ทุกวินาทีบนสนามพื้นปาเกต์ของ เรย์ อัลเลน เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ การ์ดจอมเก๋าที่ บอสตัน เซลติกส์ ลงทุนเทรดมาจาก ซีแอตเทิล ซูเปอร์โซนิกส์ เมื่อปี 2007 สำแดงเดชกดไปคนเดียว 26 แต้ม ชู้ตฟิลด์โกลอย่างแม่นยำลงห่วง 8 จาก 12 ครั้ง เป็นการชู้ตสามแต้มผ่านตาข่าย 7 จาก 9 หน ช่วยให้ เซลติกส์ เปิดบ้านถล่ม แอลเอ เลเกอร์ส กระจุย 131-92 คะแนน เป็นชัยชนะด้วยความห่างของแต้มที่มากสุดในประวัติศาสตร์เกมชิงแชมป์ ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด อัลเลน ทำให้เฟรนไชส์แห่งนี้ครองแชมป์สมัยที่ 17 เป็นแชมป์ครั้งแรกในรอบ 22 ปี (หนสุดท้ายที่ทำได้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1986)

4. อัลเลน ไอเวอร์สัน (ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส) เกมแรกของรอบชิงปี 2001

โชว์ฟอร์มสมราคาผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ของลีกประจำฤดูกาล 2000/01 อัลเลน ไอเวอร์สัน ทำให้ทุกคนต้องตาค้าง เมื่อการ์ดที่สูงแค่ 6 ฟุต (180 เซนติเมตร) กดไปคนเดียว 48 แต้ม จากการลงสนาม 52 นาที แถมยังมีอีก 6 แอสซิสต์ ขโมยบอลคู่แข่ง 5 ครั้ง กับอีก 5 รีบาวด์ ช่วยให้ ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส บุกช็อก แอลเอ เลเกอร์ส ถึงสเตเปิล เซ็นเตอร์ ด้วยการคว้าชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษ 107-101 คะแนน ซึ่งช่วงต่อเวลาออกไป 5 นาที “เอ.ไอ.” ทำไป 7 จาก 13 คะแนนของทีม ภาพการกระโดดชู้ตทางกราบขวาหนีบล็อกของ ทายรอน ลู ยังติดตาตรึงใจใครหลายคน แต่ท้ายที่สุด ซิกเซอร์ส ไร้ปาฏิหาริย์โดน เลเกอร์ส กวาดชัย 4 เกมรวดซิวแชมป์ไปครอง

3. โคบี ไบรอันท์ (แอลเอ เลเกอร์ส) เกมที่ 4 ของรอบชิงปี 2000

แอลเอ เลเกอร์ส ขึ้นหน้า อินเดียนา เพเซอร์ส ไปก่อน 2-1 เกม แต่สถานการณ์ของบิ๊กทีม NBA ไม่สู้ดี เมื่อ โคบี ไบรอันท์ ข้อเท้าพลิกได้เล่นเกมสองแค่ 9 นาที เกมสามต้องนั่งดูเพื่อนลุยกัน แต่เมื่อคัมแบ็กกลับสู่เกมที่ 4 ที่อินเดียนาโปลิส ชาคิล โอนีล ที่เก็บไปคนเดียว 36 แต้ม 21 รีบาวด์ ฟาล์วครบต้องออกจากการแข่งขัน โคบี ซึ่งตอนนั้นเพิ่งอายุ 21 ปี ต้องเป็นผู้แบกทีม และเขาก็ไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวังเก็บ 6 จาก 8 แต้มสุดท้ายของทีม เป็นคนลุยเข้าเลย์อัพก่อนหมดเวลาแค่ 5.9 วินาที ช่วยให้ เลเกอร์ส ต่อเวลาคว้าชัย 120-118 คะแนน โดย 28 แต้มที่ โคบี ทำได้ในเกมนี้ส่งต้นสังกัดขึ้นแท่นก่อนเข้าป้ายเถลิงแชมป์ในที่สุดที่ 4-2 เกม เป็นการครองแชมป์สามหนติดครั้งแรกของ เลเกอร์ส อีกด้วย

2. ดีเวย์น เหว็ด (ไมอามี ฮีท) เกมที่ 3 ของรอบชิงปี 2006

ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ ขึ้นนำก่อน 2-0 เกม และขอให้ยันอยู่อีกแค่ 6 นาที พวกเขาก็จะขึ้นแท่นนำ ไมอามี ฮีท ห่างเป็น 3-0 เกม แต่ ดีเวย์น เหว็ด ไม่ให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้น แม้ทีมตามหลังห่างถึง 13 แต้ม แต่ เหว็ด โชว์ความสามารถกด 12 แต้มในควอเตอร์ที่ 4 ปลุกเสียงเชียร์ของแฟนๆ เจ้าถิ่นกลับมาดังกระหึ่มอีกครั้ง เมื่อ ฮีท กลับมาแซงนำ 98-96 คะแนน เก็บชัยในบั้นปลาย 100-98 คะแนน เกมนี้ เหว็ด ทำไปถึง 42 แต้ม 13 รีบาวด์ ช่วยให้ต้นสังกัดได้โมเมนตัมของซีรีส์คืนมา ก่อนสร้างปาฏิหาริย์ฟาด 4 เกมรวด ผงาดคว้าแชมป์แรกให้เฟรนไชส์ ฮีท ยังเป็นทีมเดียวถึง ณ วันนี้ที่ตกเป็นรอง 0-2 เกม ในรอบชิงระบบ 2-3-2 เกม (ตั้งแต่ปี 1985) แล้วพลิกกลับมาครองแชมป์ได้ สุดท้าย เหว็ด ก็ได้รางวัล MVP ประจำเกมชิงแชมป์ด้วยผลงานเฉลี่ยถึง 35 แต้ม

1. ทิม ดันแคน (ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส) เกมที่ 6 ของรอบชิงปี 2003

คงไม่มีใครครบเครื่องในเกมชิงแชมป์ NBA ได้เหมือน ทิม ดันแคน อีกแล้ว เมื่อพาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด จากเวอร์จิน ไอส์แลนด์ โชว์ความสามารถระดับ “ฮอล ออฟ เฟม” เกือบทำ “ควาดรูเพิล ดับเบิล” สำเร็จ เมื่อกดไป 21 แต้ม 20 รีบาวด์ 10 แอสซิสต์ บล็อกใส่คู่แข่งอีก 8 หน (เป็นสถิติดีที่สุดร่วมของรอบชิง NBA) ซึ่งนั่นก็เพียงพอสำหรับการนำ ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส เปิดรังทุบ นิวเจอร์ซีย์ เน็ตส์ 88-77 คะแนน ปิดซีรีส์ลงที่ 4-2 เกม ดันแคน นำ สเปอร์ส เป็นแชมป์ 2 หนในรอบ 3 ปีหลัง ณ ตอนนั้น และก็ได้รางวัล MVP ไปครองทั้งสองครั้งด้วย
“เหว็ด” พาฮีทครองแชมป์หนแรก
“โคบี” ฝีมือเหนือวุฒิภาวะ
“ไอเวอร์สัน” จิ๋วแต่แจ๋ว
“อัลเลน” แม่นดั่งจับวาง
กำลังโหลดความคิดเห็น